“จะมีวันไหนไหมที่มึงจะแต่งตัวมาเรียนแบบดีๆ” เสียงเข้มของหลุยส์เอ่ยถามเพื่อนสนิทขึ้นทันทีพร้อมปรายตามองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่คาดคิด
“แล้วชุดที่กูใส่ไม่ดีตรงไหนลองพูดมาสิ” เฟรช ถามออกมาตามตรงเพราะชุดที่เธอใส่มาในวันนี้มันก็ชุดนักศึกษาปกติที่ถูกระเบียบตามกฎของมหาวิทยาลัย
“ชุดนักศึกษารัดรูปจนนมแทบปริ ส่วนกระโปรงก็สั้นจนแทบจะเห็นก้นถามจริงดีแล้วหรอ” หลุยส์ยังคงพูดขึ้นต่อพร้อมมองเฟรชตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง
“แล้วยังไงหรือเห็นกูแล้วมันอดใจไม่ไหว”
ถึงจะพูดแบบนี้ออกไปแต่ทว่าความจริงเฟรชก็ไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก อาจจะเพราะเธอเป็นผู้หญิงหลุยส์เลยไม่อยากให้แต่งตัวโป๊เปลือยมากนัก
“เอามึงทำเมีย กูเอาหมาดีกว่าเฟรช”
“กรี๊ด ! ไอ้หลุยส์แรงมากนะ”
ในตอนนี้เฟรชได้แต่โวยวายขึ้น คำพูดของหลุยส์เพื่อนในกลุ่มทำเธอเจ็บแสบไม่น้อย ให้ตายเถอะ !
“ก็มันจริง มึงเป็นเพื่อนกูคิดอัปรีย์แบบนั้นไม่ได้หรอก”
เป็นจริงตามที่หลุยส์พูดออกมาเพราะความเป็นเพื่อนทำหลุยส์คิดอะไรแบบนี้ไม่ได้ ถึงเฟรชจะสวย เปรี้ยวเยี่ยวราดและแซ่บขนาดไหนก็คิดไม่ได้เพราะความเป็นเพื่อนสนิทกันและที่ทักท้วงเรื่องการแต่งตัวก็เพราะเป็นห่วง
แต่ก็ไม่คิดจะฟังกันหรอกเพราะเพื่อนสนิทอย่างเฟรชแต่งตัวแซ่บทุกวันและหากไปไหนเช่นการไปเที่ยวก็โป๊เปลือยโชว์ร่างกายของตัวเองส่วนใดส่วนหนึ่ง
“ค่า ! กูก็ไม่เอามึงเหมือนกัน”
เพราะสำหรับเฟรชเธอคิดแบบนี้กับหลุยส์ไม่ได้หรอก เหตุผลก็เพราะความเป็นเพื่อนแต่หากเป็นคนอื่นถึงเป็นเพื่อนในกลุ่ม เฟรชก็อยากคิดอยู่เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันจะดีหรือเปล่าเพราะอีกคนลักษณะนิสัยตรงข้ามกับเธอทุกอย่างและตรงข้ามโดยสิ้นเชิง
“แล้วกับคนไหนถึงจะเอา”
“ไม่ใช่เรื่องของมึงค่าไอ้หลุยส์ ว่าแต่คนอื่นหายไปไหนหมด”
ในตอนนี้ไร้วี่แววเพื่อนคนอื่นๆเพราะมีแค่เฟรชกับหลุยส์เท่านั้น ปกติหากใกล้จะถึงเวลาเรียนเพื่อนๆคงมากันหมดแล้ว
“ถ้าเป็นอัคคีมันมาแล้ว”
“งั้นขึ้นไปดีกว่า ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้ว” เฟรชพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะลุกจากโต๊ะเดินตรงไปยังห้องเรียน ส่วนหลุยส์น่ะหรอ ? เธอก็ไม่ได้สนใจต่อสักนิด
“อัคคีมานานหรือยัง”
“ผมมานานแล้วครับ” อัคคี เพื่อนในกลุ่มอีกคนตอบกลับมาทันที
หากถามถึงเรื่องลักษณะคำพูดว่าทำไมถึงไพเราะขนาดนี้ก็คงไม่แปลกสำหรับผู้ชายที่ชื่อว่าอัคคีเพราะเขาคนนี้คือผู้ชายเรียบร้อย พูดเพราะ เรียนเก่งหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าหนุ่มเนิร์ด
“คนอื่นล่ะ” เฟรชยังคงถามขึ้นอีกครั้งเพราะตอนนี้เธอยังไม่เห็นเพื่อนสาวของเธอเลย
“นั่นไง ! มะเหมี่ยวมาพอดีเลย” อัคคีพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมชี้ไปยังหน้าปกติห้องเรียนที่ตอนนี้มะเหมี่ยวกำลังเดินเข้ามา
มะเหมี่ยวเพื่อนคนนี้แต่งตัวพอๆกับเฟรชเลย ให้ตายเถอะ ! พวกเพื่อนของเขากล้าแต่งตัวแบบนี้ได้ยังไง
“เพื่อนสาวเรียนเสร็จไปช็อปกันไหม” มะเหมี่ยวถามขึ้นเพราะวันนี้กระเป๋าคอลเลคชั่นใหม่เข้าแล้ว
“เอาสิ ! กูอยากได้สีแดง มึงห้ามซื้อสีเดียวกับกูนะมะเหมี่ยว”
เป็นจริงตามที่เฟรชพูดออกไปเพราะหากใช้สีเดียวกับเพื่อนสนิทก็คงต้องซ้ำกัน หากเป็นแบบนั้นคงไม่ดีแน่ ต้องคนละสีกันเท่านั้น !
“กูดูสีดำไว้ คอลเลคชั่นนี้ต้องสีดำเท่านั้น”
“กรี๊ด ! เลิศมากค่า”
“สองคนไปนั่งตรงอื่นได้ไหมครับ พอดีผมอยากตั้งใจเรียน ยังไงอาทิตย์หน้าก็สอบแล้วหากไม่ตั้งใจผมกลัวว่าไม่รู้เรื่อง” อัคคีพูดออกไปตามที่ใจคิดเพราะเสียงของสองสาวที่นั่งอยู่ข้างๆทำลายสมาธิของเขาไม่น้อย
อัคคีอยากตั้งใจเรียนในคลาสนี้เพราะคลาสต่อไปก็ถึงเวลาสอบแล้ว อาจารย์คงบอกอะไรมากมายเกี่ยวกับการสอบในครั้งหน้าซึ่งแน่นอนอัคคีไม่อยากพลาดในตรงนี้
“ช่วยติวให้ด้วยนะ ยังไงต้องฝากความหวังนี้ได้ที่แกนะอัคคี”
แน่นอนว่าเป็นแบบนี้ทุกครั้ง หนึ่งอาทิตย์ก่อนการสอบจะมีอัคคีคอยติวให้กับเพื่อนๆในกลุ่มเพราะอัคคีเป็นคนเดียวที่เรียนเก่ง ตั้งใจเรียนและเก็บเอทุกวิชา
“ถ้าทุกคนตั้งใจเรียน ความหวังจะไม่อยู่ที่ผมเลย”
ที่เขาต้องคอยช่วยติวให้เพื่อนๆเพราะเพื่อนทุกคนไม่เคยตั้งใจเรียน อัคคีก็ไม่อยากให้เพื่อนติดเอฟเลยต้องลากมาติวเพื่อให้ผ่านพ้นไปด้วยกัน
“โอ๊ย ! พูดเยอะอะอัคคี เอาเป็นว่าฝากด้วยส่วนพวกเราจะไปนั่งตรงนู้นก็แล้วกัน” เฟรชพูดจบก็จับมือมะเหมี่ยวมานั่งด้านหลัง ส่วนพื้นที่ด้านหน้าก็ให้คนตั้งใจเรียนอย่างอัคคีนั่งไปแล้วกัน
“มะเหมี่ยวกูมีอะไรจะถามมึงหน่อย”
“มีอะไรว่ามาสิ”
“มึงว่าอัคคีหล่อไหม”
ในสายตาของเฟรช อัคคีเป็นคนที่หน้าตาดีคนหนึ่งแต่เพราะถูกบดบังด้วยแว่นเลยทำให้ใบหน้าหล่อเหมือนหนุ่มเนิร์ด หากถามว่าเคยเห็นได้ยังไง ก็คงไม่พ้นตอนที่ติวกันในครั้งก่อน
เฟรชบังเอิญเห็นอัคคีถอดแว่นล้างหน้า ถึงเป็นเวลาสั้นๆแต่ใบหน้าหล่อภายใต้แว่นมันตราตรึงในใจของเฟรชจนไม่อาจลืมเลือน
“เนิร์ดขนาดนั้นเอาอะไรมาหล่อ” สำหรับมะเหมี่ยวเธอไม่เคยมองเพื่อนคนนี้หล่อเลยเพราะอัคคีคือหนุ่มเนิร์ดที่โคตรของโคตรเนิร์ด
ถึงแม้ร่างกายจะสูงใหญ่ก็คงเป็นเพราะรูปร่างกรรมพันธุ์แต่ลักษณะนิสัยยังไงก็ไม่พ้นหนุ่มเนิร์ดที่วันๆ สนใจแต่หนังสือและการเรียน
“กูว่าหล่อ” เฟรชพูดขึ้นทันที
ในสายตาของเฟรชตั้งแต่เห็นอัคคีถอดแว่นในวันนั้น เธอก็มองเขาหล่อมาตลอด อยากเข้าหาอะไรให้มากกว่าสถานะความเป็นเพื่อนที่มีอยู่แต่เพราะความเป็นเพื่อนมันค้ำคอทำให้เธอไม่กล้า
ที่สำคัญที่ผ่านมาอัคคีไม่เคยมีเรื่องผู้หญิง ไม่เคยแม้แต่จะสนใจหรือมองผู้หญิงคนไหนแม้แต่คนเดียว ทำให้เฟรชไม่กล้าพอที่จะเข้าหาในฐานะอื่นนอกจากฐานะเพื่อนสนิทในกลุ่ม
“อย่าบอกนะว่า”
“ไม่ถึงกับขั้นนั้นแต่กูแค่สนใจ”
เป็นจริงตามที่พูดออกมาเพราะเฟรชกำลังสนใจเพื่อนคนนี้ กับผู้ชายคนอื่นเธอไม่เคยรู้สึกอยากเข้าหามากมายขนาดนี้แต่กับอัคคีมันไม่ใช่
ยิ่งเห็นท่าทางนิ่งๆไม่สนใจใคร ไม่ยุ่งกับใครก็ยิ่งทำให้เฟรชอยากเข้าหาแต่เพราะความไม่กล้าเธอเลยได้แต่เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้
“ถ้ามึงสนใจก็ไม่ธรรมดาแล้ว”
“มึงก็รู้ว่ากูเป็นคนยังไง”
“คนอยากเอาชนะอย่างมึงคงอยากเอาชนะอัคคีมากเลยสิ”
ในตอนนี้มะเหมี่ยวคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากเหตุผลนี้ เพื่อนสนิทอย่างเฟรชมีนิสัยยังไงเธอรู้ดี
อยากเอาชนะ อยากได้อะไรก็ต้องได้
นั่นคือนิสัยของเฟรช
“กูไม่ได้อยากเอาชนะอัคคีแต่กูอยากเอาชนะตัวกูเอง”
เป็นจริงตามที่เฟรชพูดออกไป เธออยากเอาชนะตัวเอง อยากก้าวข้ามผ่านความกลัวทำให้อัคคีสนใจให้ได้ ถึงอัคคีจะเป็นหนุ่มเนิร์ดแต่เธอดันชอบหนุ่มเนิร์ดคนนี้เข้าแล้วสิ !
“ยังไง”
“ในเมื่อที่ผ่านมาอัคคีไม่เคยสนใจใคร ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนมันก็ได้คำตอบแล้ว”
คำตอบที่ว่าตัวของเฟรชควรเลิกกลัวสักทีเพราะยังไงตอนนี้ก็ใกล้จะจบปีสามแล้ว อีกเพียงแค่หนึ่งปีก็จะแยกย้ายกันไปเติบโต หากมีอะไรผิดพลาดมองหน้ากันไม่ติดก็คงไม่เป็นอะไรมากมาย
“คำตอบอะไร”
แน่นอนว่ามะเหมี่ยวอยากรู้ เธออยากรู้ว่าสิ่งที่เฟรชพูดออกมามันหมายถึงอะไร แปลกใจไม่น้อยที่คนแซ่บๆอย่างเฟรชมาสนใจอัคคี ผู้ชายมากมายต่างเข้าหาแต่ทำไมถึงสนใจอัคคีได้ล่ะ ?
“หากกูทำให้อัคคีสนใจกูได้คงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย”
“ยากเพราะขนาดที่มึงเป็นเพื่อนในกลุ่มมันยังไม่สนใจ”
“แต่ก็คงไม่ยากเกินความสามารถของกู”
❤️
เปิดตอนแรกแบบน้ำจิ้ม
เรื่องนี้แซ่บมาก แอบบอก !
เพราะหลานสาวได้แม่สุดๆ