รถยุโรปคันหรูจอดเทียบที่บริษัทของปริญ เมื่อรถหยุดอยู่กับที่ลูกน้องที่ยืนอยู่ก็รีบเดินมาเปิดประตูให้เขาทันที พนักงานที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันก้มหัวโค้งคำนับ เขาพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปด้านในโดยไม่ได้มองผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว นิ้วเรียวกดปุ่มลิฟต์สำหรับผู้บริหาร เมื่อประตูลิฟต์ถูกเปิดออกเขาก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านในทันทีพร้อมกับลูกน้องคนสนิท
ลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงชั้นสูงสุด ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก เขาก็เดินก้าวขาออกมาด้านนอกทันที ก่อนเข้าห้องไปเขาเหลือบไปมองโต๊ะทำงานของเลขาฯ สาวจอมเฉิ่มที่เคยนั่งอยู่ประจำ ก็อดคิดถึงไม่ได้และคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงกับเธอต่อดี
กายสูงเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ ปริญหย่อนก้นนั่งลงแล้วเอาหลังพิงพนักเก้าอี้ทำงาน ก่อนที่จะหันหน้าออกไปทางด้านนอกกระจกบานใส มองออกไปอย่างไร้จุดหมายราวกับว่ามีเรื่องให้คิดหนัก
“หาเลขาฯ ใหม่ให้กูด้วย”
เขาเอ่ยขึ้นกับเพทายลูกน้องมือขวา
“แล้วคุณกชมนล่ะครับนาย”
“กูจะให้ลายาวจนกว่ากูจะแน่ใจว่าเธอไม่คิดเอาเรื่องของกูไปบอกตำรวจ”
“แล้วนายจะเชื่อใจได้ยังไง?”
“............”
คำถามนี้ทำให้ปริญนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ใช่เขาจะเชื่อใจเธอได้อย่างไรว่ากชมนจะไม่เอาเรื่องของเขาไปบอกตำรวจถ้าเกิดเขาปล่อยตัวเธอมาแล้ว ถึงแม้ว่าปริญจะมีเส้นสายใหญ่โตคอยหนุนหลังอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีตำรวจน้ำดีบางคนคอยจ้องเล่นงานเขาอยู่เหมือนกัน งานนี้เขาเลยไม่อยากที่จะเสี่ยงให้มากนัก แต่จะให้เขาฆ่ากชมนเลยคงจะใจร้ายเกินไป เขาก็เป็นคนคนหนึ่งที่มีหัวใจ ไม่ใช่คนเลวทรามต่ำช้าอะไรขนาดนั้น
“กูมีวิธีของกูก็แล้วกัน มึงไปทำตามที่กูสั่งก็พอ”
ปริญเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แววตาเย็นชาไร้ความรู้สึกจ้องมองไปตรงหน้าอย่างยากที่จะคาดเดา
“ครับ งั้นเดี๋ยวผมให้คนคัดเลขาฯ ดีๆ มาให้นายนะครับ”
“อืม...ไปได้แล้ว”
สิ้นคำสั่งเพทายก็โค้งตัวให้ปริญแล้วหันหลังเดินออกไปจากห้องทันที เขานั่งอยู่สักพักก็หันกลับมาโฟกัสกับเอกสารที่กองอยู่ตรงหน้า ค่อยๆ อ่านมันทีละแฟ้มอย่างละเอียดก่อนที่จะเซ็นอนุมัติ ปริญเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมาก ผิดนิดเดียวก็ไม่ได้ แถมยังเนี้ยบจัด เรื่องความดุเป็นที่หนึ่ง จึงไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าหาประธานคนนี้เท่าไรนัก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูจากด้านนอกดังขึ้น ปริญที่กำลังนั่งทำงานอยู่ละสายตาขึ้นมาก่อนที่จะอนุญาตให้คนด้านนอกเข้ามาด้านใน ผู้หญิงสาวสวยรูปร่างเพรียวบางราวกับนางแบบ อกเป็นอก นมเป็นม เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกที่ผึ่งผายได้รูป ยืนยิ้มช้อนสายตามองเขาอย่างหยาดเยิ้ม หล่อนมาพร้อมกับเพทาย
“นี่ครับเลขาฯ ใหม่ของนาย”
ปริญไล่สายตามองผู้หญิงสวยที่อยู่ตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า พลางทำสีหน้าเย็นชาเรียบเฉยไม่ได้ยิ้มตอบกลับหล่อนเลยแม้แต่นิดเดียว
“นี่มาทำงานหรือมาทำอะไร ชุดบ้าอะไรของเธอเนี่ย”
พาขวัญหน้าเจื่อนทันทีที่ได้ยินผู้ชายที่ตัวเองต้องการจะอ่อยพูดขึ้นแบบนี้ หล่อนนึกว่าเขาจะชอบซะอีก
“ผมยืมตัวมาจากแผนกการเงินชั่วคราวครับ”
“อืม...แน่ใจนะว่าทำงานกับฉันได้”
ปริญเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้ม สายตายังคงมองยิ่งสาวด้วยความขัดใจกับกิริยาท่าทางที่หล่อนมีต่อเขา แต่ก็ทำยังไงได้ในเมื่อไม่มีใครทำงานให้เขาก็ต้องเอาคนนี้ไปก่อน
“ไปหาโต๊ะมาให้เธอ ห้ามใช้โต๊ะของกชมน”
“เธอมาเป็นเลขาฯ ฉันแค่ชั่วคราวเท่านั้นเข้าใจไหม”
“ค่ะ”
พาขวัญก้มหน้าหลุบต่ำ เมื่อได้ยินเสียงก้องกังวานของชายหนุ่ม ที่แลดูไม่ค่อยสบอารมณ์ในตัวเธอสักเท่าไร แอบรู้สึกไม่พอใจกับคำว่าเลขาฯ ชั่วคราว หล่อนอยากที่จะเป็นเลขาฯ ของเขาตลอดไปต่างหากล่ะ
“ไปทำงานสิมัวรออะไร”
“ค่ะท่านประธาน”
พาขวัญรีบหันหลังแล้วเดินออกมาจากห้องปริญทันทีเมื่อถูกเขาไล่ออกมา
“คอยดูเถอะ...ถ้าได้ขึ้นเตียงกับฉันเมื่อไร จะเอาให้หลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลย ชิ!!”
หล่อนเอ่ยพึมพำอยู่คนเดียว แต่คำพูดนั้นดันลอยไปเข้าหูของเพทายที่เดินออกมาจากห้องพอดิบพอดี
“คิดจะทำอะไร ผมเตือนด้วยความหวังดี อย่ายุ่งกับนายดีกว่า อย่าหาเรื่องใส่ตัว”
เพทายกระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ มองพาขวัญตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า พลางคิดในใจว่าเลือกเลขาฯ ให้เจ้านายผิดคนรึเปล่าเนี่ย
แอร๊ดดดดด~~
เสียงประตูเปิดออกไร้การเคาะเพื่อขออนุญาต พาขวัญเดินเข้ามาพร้อมแก้วกาแฟ หล่อนค่อยๆ วางกาแฟไว้ที่โต๊ะทำงานของปริญ แล้วเดินไปทางด้านหลังของปริญ มือเล็กถือวิสาสะจับที่บ่าแกร่งนวดเบาๆ เพื่อหวังให้ปริญผ่อนคลาย
“เดี๋ยวขวัญนวดให้นะคะ จะได้ผ่อนคลาย”
หญิงสาวยื่นหน้ามากระซิบข้างๆ กกหูของปริญ ตอนนี้มือเขากำปากกาแท่งหรูจนเห็นเส้นเลือดปูดนูน ปริญวางปากกาลงแล้วหันหน้าไปทางหล่อน มือหนายกขึ้นมาบีบเข้าที่คอระหงอย่างแรงจนหน้าหล่อนแดงก่ำ พาขวัญพยายามแกะมือใหญ่ที่กำต้นคอของตัวเองเอาไว้ออกแต่พยายามเท่าไรก็ไร้ผล ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของหล่อนกำลังจะหมดลง ปริญจึงคลายมือออกเพื่อปลดปล่อยหล่อนจากพันธนาการ หญิงสาวรีบเอามือจับคอตัวเองอย่างไว หน้าตาหล่อนตอนนี้แดงก่ำไปหมด
แคร่ก แคร่ก แคร่ก
“มือไม่มีรึไงทำไมไม่เคาะประตู แล้วฉันบอกเธอรึยังว่าให้มานวดให้ฉัน”
“ออกไป!!”
คนตัวเล็กรีบลนลานวิ่งออกไปจากห้องทำงานของปริญทันที หล่อนไม่คิดว่าเจ้านายตัวเองจะเป็นคนโมโหร้ายได้ขนาดนี้ แต่พาขวัญก็ยังไม่ละความพยายามง่ายๆ แน่ ถ้ายังไม่ได้ตัวปริญมาครอบครอง ในเมื่อหล่อนมีโอกาสได้มานั่งเป็นถึงเลขาฯ ของท่านประธาน หล่อนจะต้องใช้โอกาสนี้จับเขาให้อยู่หมัดให้ได้แน่นอน
“ไอ้บ้าเอ๊ย เล่นซะเกือบตาย คอยดูเถอะคนอย่างอีพาขวัญไม่หยุดแค่นี้แน่”
หล่อนเดินไปกระแทกก้นลงที่เก้าอี้ทำงานตัวนิ่มอย่างแรง
การทำงานวันๆ หนึ่งของเลขาฯ คนใหม่ ไม่ได้ช่วยให้ปริญทำงานได้อย่างราบรื่นเลยแม้แต่น้อย กับสร้างปัญหาให้เขาเพิ่มอีก เอกสารบางอย่างที่จะต้องตรวจเช็คให้ละเอียดก่อนที่จะส่งมาให้เขาอนุมัติ ก็ไม่ได้มีการตรวจเช็คอะไร แม้แต่คำผิดบนหัวข้อโครงการ เธอยังไม่สังเกตเห็นมันเลยเสียด้วยซ้ำ บรรดาหัวหน้าแผนกทั้งหลายต่างพากันบ่นอุบถึงการทำงานของเลขาฯ คนใหม่ ที่ไม่สามารถประสานงานให้พวกเขาได้อย่างราบรื่นเหมือนตอนที่กชมนทำ ตอนนี้ทุกคนเฝ้ารอการกลับมาของกชมน
นี่ก็ผ่านไปเดือนนึงแล้วเธอยังไม่กลับมาทำงานเลย สร้างความหนักอกหนักใจให้กับหัวหน้าแผนกที่จะต้องคอยดิลงานกับเลขาฯ คนใหม่ เพื่อส่งเอกสารไปให้ท่านประธานอนุมัติ รวมถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่กชมนเคยทำได้ พาขวัญกับผลักภาระมาให้พวกเขาไม่ยอมช่วยเหลือหรือให้ความร่วมมือเหมือนกชมนเลย
“เมื่อไรน้องมนจะกลับมาเนอะ ยัยพาขวัญทำงานไม่ได้เรื่องเลย ท่านประธานให้มาเป็นเลขาฯ ได้ยังไง”
เสียงหัวหน้าแผนกบัญชีเอ่ยขึ้น พูดคุยกับหัวหน้าแผนกคนอื่นๆ
“จริงมีแต่ความเอ็กซ์เซ็กซี่ นี่น้องมนหายไปไหนเนี่ย ทำไมลานานจัง ไม่ใช่ลาออกไปแล้วเหรอ ถ้าเป็นแบบนี้แย่แน่ๆ”
พนักงานสาวเอ่ยขึ้นสมทบ ก่อนที่จะทำสีหน้าท่าทางเคร่งเครียด เพราะตอนกชมนอยู่เวลามีปัญหาอะไรเธอจะเป็นคนออกหน้าแทนพวกเขาตลอด เพื่อลดแรงปะทะกับท่านประธานจอมโหด
“หรือท่านประธานจะชอบเลขาฯ แบบยัยพาขวัญ”
“จริงด้วย”
แต่ทุกการสนทนาก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อปริญเดินผ่านมา สายตาคมกริบราวกับใบมีดจ้องมองมายังพวกเขา รังสีอำมหิตแผ่ซ่านไปรอบตัวปริญ เหล่าบรรดาพนักงานต่างพากันแยกย้ายออกไปจากตรงนั้นทันที ปริญถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเดินตรงไปที่ลิฟต์ผู้บริหาร แล้วกดปุ่มลงไปชั้นล่างทันที โดยมีเพทายเดินตามมาอยู่ข้างกายเขาด้วย
“มึงเลือกเลขาฯ อะไรมาให้กูเนี่ย กูล่ะปวดหัว”
“ก็มันไม่รู้จะหาใครมาแล้วครับนาย ไม่มีใครกล้ามาเป็นเลขาฯ ให้นาย นอกจากยัยพาขวัญนั่น”
เพทายเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา เพราะเขาหาพนักงานคนอื่นแล้วแต่หลายคนปฏิเสธ แถมยังทั้งอ้อนวอนร้องขอว่าอย่าเอาพวกเธอไปเป็นเลขาฯ ท่านประธานเลย มีแต่พาขวัญเท่านั้นที่เสนอตัวกล้าเสี่ยงตายอยู่คนเดียว