คนตัวเล็กที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง 6 ฟุต ตอนนี้เธอไม่ไหวติง ปวดร้าวระบมช่วงล่างไปหมดแทบจะก้าวขาเดินไปไหนไม่ได้ กชมนมองไปรอบๆ ก็ไร้เงาของผู้ชายใจโฉดคนนั้นแล้ว
แอร๊ดดดดดดด~~
เสียงบานประตูเปิดออก มีฝีเท้าก้าวเดินเข้ามาในห้อง ปริญเดินมาหยุดอยู่ปลายเตียง แล้วนั่งลงมองร่างกายที่เปลือยเปล่าของกชมน เขากระตุกยิ้มมุมปากเบาๆ อย่างรู้สึกสะใจ และพอใจในสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไป
“ฉันจะแจ้งความ”
กชมนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ใบหน้ายังคงเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เธอขอร้องเขาครั้งแล้วครั้งเล่าให้เขาหยุด แต่ก็ปริญก็ยังคงสนองความต้องการของตัวเอง ตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกิน จนแทบจะลุกขึ้นนั่งไม่ได้
“แต่ดูเหมือนว่าเมื่อครู่เธอสมยอมนะ”
“แต่ถ้าอยากจะแจ้งความก็ได้...ถ้าคิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปก็โทรไปเลย”
พูดจบเขาก็โยนโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของเขาให้กชมน สายตาที่แสนเย็นชาไร้ซึ่งความหวาดเกรง ทำเอาคนตัวเล็กใจแป้วขึ้นมาทันที กชมนมองเจ้านายตัวเองที่นั่งนิ่งทำท่าทางราวกับว่าไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย นี่แสดงว่าเขามีคนคอยหนุนหลังอยู่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นไม่กล้าทำเรื่องเลวๆ โดยไม่เกรงกลัวอะไรแบบนี้หรอก
“เห็นแก่ที่เธอทำงานให้ฉันดีมาโดยตลอด แล้วก็.......”
เขาปรายตามองเรือนร่างที่เปลือยเปล่าแล้วยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ แววตาวาวโรจน์ทอดสายตามองคนตัวเล็กที่ตัวสั่นอยู่บนเตียงด้วยความเฉยชา ไร้ความรู้สึก เขายังคงเป็นปริญคนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
“ฉันจะไว้ชีวิตเธอถ้าเธอไม่พูดเรื่องที่ได้ยินวันนี้”
ใบหน้าหล่อเหลานิ่งเฉยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว นัยน์ตาคมแสดงถึงความขึงขังเอาจริงกับสิ่งที่เขาพูด กชมนรอบกลืนน้ำลายลงคอ เธอไม่เคยคิดเลยว่าท่านประธานของเธอจะเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ สั่งฆ่าใครเหมือนผักปลาง่ายๆ ได้ขนาดนี้ เขาเป็นมาเฟียในคราบนักธุรกิจดีๆ นี่เอง
“มนจะไม่พูด ปล่อยมนไปนะคะ”
กายสูงขยับขึ้นมาบนเตียงแล้วเอนหลังพิงหัวเตียงข้างๆ กายกชมน เขาเหลือบสายตามองคนตัวเล็กที่แก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่ข้างกายเขา แก่นกายเริ่มพองขยายอย่างห้ามไม่ได้ มันรู้สึกปวดหนึบจนอยากจะเปิดศึกราคะกับเธออีกสักรอบสองรอบ แต่ดูท่าแล้วเธอคงจะไม่ไหว ถ้าทำแบบนั้นเห็นทีเธอคงตายคาเอ็นเขาเสียก่อนแน่ๆ
“ฉันจะเชื่อใจเธอได้ยังไง?”
โทนเสียงราบเรียบแฝงไปด้วยความเย็นชาจนคนฟังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ มือหนาลูบไล้กรอบหน้าสวยที่เหงื่อผุดเต็มไปหมด
“............”
“ตอบไม่ได้?”
“มน...มนไม่รู้จะทำยังไงให้ท่านประธานเชื่อ แต่มนสัญญาจะไม่พูดจริงๆ ค่ะ”
คนตัวเล็กขยับกายขึ้นมาเงยหน้ามองเขา แววตาเว้าวอนน่าสงสารถูกส่งไปยังปริญ แต่เขากับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ปริญยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ดวงตานิ่งเรียบราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ยากที่จะคาดเดาได้
“คนตายเท่านั้นที่พูดไม่ได้”
ประโยคบอกเล่าที่เข้าหูของกชมนทำเธอกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ เขาไม่คิดจะฆ่าเธอให้ตายจริงๆ ใช่ไหม ไหนบอกจะไว้ชีวิตเธอ
“อย่าฆ่ามน มนขอร้อง ไว้ชีวิตมนเถอะ อึก”
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น หยาดน้ำตาเริ่มไหลรินอาบแก้มนวล ดวงตากลมคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ ตอนนี้เธอไม่รู้จะหาวิธีไหนทำให้เขาเชื่อใจในตัวเธอ ว่าเธอจะไม่นำเรื่องของเขาไปประกาศกร้าวให้ใครต่อใครได้รับรู้
“ฉันบอกเธอเหรอว่าจะฆ่าเธอ ก็บอกแล้วไงว่าจะไม่ฆ่า”
“แต่เธอต้องไปอยู่กับฉัน เธอต้องอยู่ภายในสายตาของฉันเท่านั้น จนกว่าฉันจะมั่นใจว่าเธอรักษาคำพูดนั้นได้จริงๆ”
“.............”
กชมนส่ายหัวไปมา เธอไม่อยากอยู่ร่วมชายคาเดียวกับผู้ชายใจโหดคนนี้ คนที่เพิ่งพรากพรหมจรรย์ของเธอไป แถมเขายังสั่งฆ่าใครง่ายๆ ราวกับหมูกับหมา
“งั้นก็ตาย”
“ไม่...มนยังไม่อยากตาย”
มือของปริญค่อยๆ เกลี่ยลูบไล้ไปมาที่ใบหน้ามนของคนตัวเล็ก ความร้อนระอุในกายเธอส่งผ่านทำให้เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติในร่างกายเธอ ปริญเอาหลังมือมาแตะที่หน้าผากเธอมันร้อนดังไฟเผา
“เธอเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ?”
กชมนส่ายหน้าไปมา ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนโดนก้อนหินทับอยู่ที่หัว ตัวเธอเหมือนมีกองไฟสุมอยู่ภายในกาย ไม่ทันได้กล่าวอะไรร่างบางก็ฟุบหน้าลงกลางแผงอกแกร่งไร้เรี่ยวแรงหมดสติไป
ปริญเห็นท่าไม่ดีจึงรีบจับตัวเธอนอนลงกับพื้นเตียงนุ่ม และหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้เธอเพื่อคลายความร้อน ตอนนี้กชมนไข้ขึ้นสูงมากจนปริญเองก็ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร เขาหยิบโทรศัพท์มือถือที่โยนให้กชมนเมื่อสักครู่ต่อสายหาธันวาเพื่อนที่เป็นหมอของเขาทันที
“ฮัลโหลไอ้ธันวามึงมาออฟฟิศกูที”
(ไปทำเชี่ยไร กูเป็นหมอนะไม่ใช่นักธุรกิจ ไม่ได้มีสินค้าที่จะให้มึงช่วยจัดส่งสักหน่อย)
“เลขาฯ กูไม่สบายมึงมาดูหน่อย ไข้ขึ้นสูงเป็นลมหมดสติไปแล้วเนี่ย”
(เออๆ เดี๋ยวกูไป)
“เอายาแก้อักเสบ ยาคุมฉุกเฉินมาด้วยนะ”
(เอาไปทำไม?)
“เออกูสั่งให้เอามาก็เอามาเหอะ อย่าถามมาก”
พูดจบเขาก็วางสายทันที หลังจากเขาเช็ดตัวเสร็จก็รีบเดินไปหยิบเสื้อผ้าของกชมนมาสวมใส่ให้เธอก่อนที่เพื่อนเขาจะมาเห็นสภาพเปลือยเปล่าของหญิงสาว ซึ่งเขาเองก็ไม่ชอบใจนักที่จะให้ใครมาเห็นผู้หญิงของตัวเองอวดสัดส่วนชวนมองใครต่อใครเห็น
ไม่นานหมอธันวาก็เข้ามาถึง ปริญรีบเดินนำธันวาไปที่ห้องนอนที่อยู่ตรงอีกมุมหนึ่งของห้องทำงานเขาทันที ตอนนี้ใบหน้าของกชมนซีดขาวราวกับผี มีเหงื่อผุดออกเต็มใบหน้าสวย ธันวาเห็นกชมนถึงกับตาค้างเพราะความสวยใสของเธอ มันทำให้อกข้างซ้ายของเขากระตุกวูบ แต่ก็รู้ดีว่านี่คือของต้องห้ามแน่นอน
“มึงทำเชี่ยไรน้องเขาวะเนี่ย”
ธันวาเอ่ยถามเมื่อเห็นสภาพของกชมนในตอนนี้ ที่มีรอยฟกช้ำตามเนื้อตัวเต็มไปหมด รวมถึงรอยแดงที่ซอกคอขาวที่เขาสร้างไว้แสดงความเป็นเจ้าของ
“ตรวจๆ ไปเหอะ”
“งั้นมึงออกไปข้างนอกก่อนเลย กูจะตรวจคนไข้ กูต้องใช้สมาธิ”
“ไม่ได้กูจะอยู่ดูตรงนี้นี่แหละ”
“หวง?”
“เปล่า”
“งั้นก็อัญเชิญออกไปรอข้างนอก”
“ไม่!!...ตรวจเลยกูจะอยู่ตรงนี้”
ธันวาส่ายหัวให้กับความดื้อดึงเอาแต่ใจของเพื่อนตัวเอง เขาค่อยๆ ทำการตรวจ ฉีดยาลดไข้และยาแก้อักเสบให้คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนที่จะยื่นยาคุมฉุกเฉินให้ปริญ
“อ่ะนี่ยาคุมฉุกเฉิน ถ้าน้องเขาตื่นขึ้นมาก็ให้กินเลย แล้วเม็ดที่ 2 กินหลังจากเม็ดที่ 1 ภายใน 12 ชั่วโมง”
“แล้วไม่รู้ติดเชื้อเปล่าเนี่ย รีบพาไปหาหมอสูติฯ เลย หรือจะให้กูตรวจให้ ฮ่าๆ”
ปริญไม่ได้พูดอะไรทำเพียงส่งสายตาดุดันไปให้เพื่อนรัก ธันวารับรู้ได้ทันทีว่าปริญไม่ตลกด้วยกับสิ่งที่เขาพูด
“ตรวจเสร็จก็ไปได้แล้ว”
“โห...พอใช้งานเสร็จก็ถีบหัวส่งเลยนะ กูขอนั่งดูความสวยของน้องเขาก่อนไม่ได้รึไง”
นัยน์ตาคมกริบราวกับใบมีดแสดงความขึงขังใส่ธันวา จนคนถูกมองต้องรีบเก็บอุปกรณ์ใส่กระเป๋าทันที พลางเหลือบสายตามาดูใบหน้าสวยของกชมนอีกครั้ง เธอช่างน่าสงสารเสียจริงๆ ไม่รู้ว่าโดยอะไรไปบ้างถึงได้ไข้ขึ้นขนาดนี้ ธันวาลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะรู้จักนิสัยของเพื่อนตัวเองดี
“เออๆ กูไปแล้ว”
“กูไม่ส่งนะ”
พูดจบเขาก็เดินออกไปจากห้องทันที ประตูห้องค่อยๆ ปิดลงช้าๆ สายตาเคร่งเครียดแต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงถูกจ้องมองมายังกชมน เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงหน้าดี ตอนนี้ในหัวปริญคิดไม่ตกจริงๆ ว่าควรจะปล่อยเธอไป หรือปลิดชีวิตเธอทิ้งไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
เวลาผ่านไปล่วงเลยมา 4 ชั่วโมงที่เธอหลับไปเต็มๆ โดยมีปริญนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ไม่ได้ห่างไปไหน คนตัวเล็กค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองไปรอบๆ ห้อง เห็นปริญที่กำลังนั่งพิงหลังกับหัวเตียงหลับตาอยู่ เธอพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น เลยทำให้คนตัวใหญ่รูปร่างกำยำลืมตาตื่นขึ้นมา
“ตื่นแล้วเหรอ”
“ค่ะ”
“ฉันให้หมอมาฉีดยาลดไข้กับยาแก้อักเสบให้แล้ว ส่วนนี้ยาคุมฉุกเฉินเธอกินซะ”
พูดจบเขาก็หยิบยาคุมฉุกเฉินและแก้วน้ำที่อยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงมาให้เธอ กชมนค่อยๆ ยื่นมือมารับมันแล้วรีบกินเข้าไปอย่างไว เธอเองก็ไม่ได้อยากจะมีลูกกับผู้ชายแบบเขานักหรอก
“ลุกได้แล้ว ฉันจะกลับเพนท์เฮ้าส์”
น้ำเสียงราบเรียบเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดอารมณ์เสีย เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวยังคงเปื้อนคราบน้ำตา เขาไม่ชอบเห็นน้ำตาของผู้หญิงมันดูอ่อนแอ แต่เสี้ยววินาทีก็เปลี่ยนสีหน้ามาเป็นปกติ เพราะกชมนฟุบหน้าลงไปกับพื้นเตียงนุ่มอีกครั้ง แค่ประคองตัวเองลุกขึ้นนั่งเธอยังทำไม่ได้ จะให้เธอเดินตามเขาไปมันก็คงยากแล้ว ตอนนี้ช่วงล่างเธอแทบขยับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มันบอบช้ำเสียจนทนแทบไม่ไหว
ปริญใช้แขนทั้งสองข้างช้อนร่างบางขึ้นสู่แผงอกแกร่งในท่าเจ้าสาว แล้วอุ้มเธอออกไปจากห้อง ตอนนี้เป็นเวลาเกือบห้าทุ่มแล้ว ไม่มีพนักงานคนไหนอยู่ที่ออฟฟิศ เขาจึงไม่เกรงว่าคนจะเอาไปพูดหรือนินทาว่าเจ้านายแอบเคลมเลขาฯ หน้าห้องตัวเอง
รถยุโรปคันหรูจอดเทียบหน้าบริษัท บอร์ดี้การ์ดตัวสูงใส่สูทสีดำก็เปิดประตูให้ปริญทันที เขาพาคนตัวเล็กเข้าไปด้านในอย่างไร้การทะนุถนอม ประตูรถถูกปิดลงเบาๆ เมื่อปริญเข้าไปอยู่ด้านในแล้ว
“โอ๊ย!!”
“แค่นี้ก็ทำเป็นสำออย”
“ก็เพราะใครล่ะ”
เธอลืมตัวว่ากำลังคุยกับใครอยู่ ใบหน้าบูดบึ้งรีบแปลเปลี่ยนเป็นลูกแมวแสนเชื่องทันที เมื่อเจอสายตาดุดันจ้องมองมาที่เธอ
“ออกรถ!!”
สิ้นเสียงรถก็เคลื่อนตัวออกจากบริษัทกลับสู่เพนเฮาส์ทันที ภายในรถไร้เสียงพูดคุย กชมนนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไรเลย เธอเอาแต่นั่งกอดอกตัวเองแสดงให้ปริญรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจของเธอในตอนนี้
“เสื้อผ้าและของใช้เธอ ฉันสั่งให้ลูกน้องไปขนมาหมดแล้วนะ”
ปริญเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ เมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้านายจอมโหดพูด เธอถึงกับหันขวับไปมองหน้าเขาทันที นี่เขารู้จักคอนโดของเธอได้อย่างไรกัน แล้วที่สำคัญเขามีรหัสเข้าห้องเธอด้วยเหรอ
“ท่านประธานรู้ได้ยังไงว่ามนอยู่ที่ไหน แล้วรหัสเข้าห้องมนด้วยรู้ได้ยังไง?”
“ไม่มีอะไรที่คนอย่างฉันไม่รู้”