เมื่อถูกทางบ้านกดดัน จึงทำให้จารวีคิดหาทางออก เธอได้บอกเรื่องนี้กับเพื่อนสนิท คนทั้งคู่นั่งอยู่ในร้านอาหารเล็ก ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติ
“หัวเด็ดตีนขาดยังไง ฉันก็ไม่ยอมแต่งงานกับเฮียตี๋เด็ดขาด ทำไงดีล่ะดา... แกช่วยฉันคิดหน่อยสิ” จารวีเริ่มแสดงสีหน้าเครียดหนัก เพราะมารดาได้ยื่นคำขาด ให้เธอแต่งงานกับตรีภพหรือว่าเฮียตี๋ ซึ่งเขาเป็นเจ้าของกิจการหลายอย่าง
“ฉันจะช่วยแกยังไงดีล่ะ ถ้าแต่งแทนได้ฉันแต่งไปนานแล้ว” มินดารู้สึกเห็นอกเห็นใจเพื่อนรัก ซึ่งหญิงสาวได้แอบชอบตรีภพ แต่คู่หมายของชายหนุ่มกลับเป็นจารวี เนื่องจากสองตระกูลมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน
จนกระทั่งผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านได้เห็นพ้องต้องกัน ให้จารวีกับตรีภพเป็นคู่หมายมาตั้งแต่คนทั้งคู่ยังเป็นเด็ก พอกิจการโรงงานผลิตน้ำนมข้าวของชายหนุ่มประสบผลสำเร็จ จึงทำให้บิดาของจารวีเร่งรัด อยากเกี่ยวดองกับบ้านโน้นเต็มทีแล้ว
“เฒ่าแก่ก็ตายไปแล้ว ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไร ที่ฉันจะต้องแต่งงานกับเฮียตี๋เลยนี่นา... พ่อนะพ่อ” หญิงสาวพูดตัดพ้อต่อบิดา เมื่อเธอต้องมาเจอกับเหตุการณ์ถูกบีบบังคับแบบนี้
“เราสองคนทำงานที่บริษัทคุณตรีภพ แล้วแบบนี้แกจะหาทางเลี่ยงเขาได้เหรอ”
“แล้วถ้าฉันลาออกล่ะ”
“เฮ้ย! อย่าคิดทำอะไรบ้า ๆ นะจา เดี๋ยวฉันหาทางช่วยแกเอง”
“แกรับปากฉันแล้วนะดา ห้ามกลับคำ... ไม่อย่างนั้น ฉันโกรธแกจริง ๆ ด้วย”
“เออน่า... ก็บอกว่าจะช่วยไง แต่ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออกเลยอ่ะ” มินดาถึงกับแสดงสีหน้าครุ่นคิด ดวงตาของเธอมองอีกฝ่ายอย่างซับซ้อนเพราะเฮียตี๋หรือตรีภพนั้นทั้งหล่อทั้งรวย แต่ไฉนเลย จารวีถึงไม่รู้สึกสิเน่หาชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
“มองแบบนี้หมายความว่าไง...” จารวีสัมผัสได้ถึงสิ่งที่มินดากำลังนึกคิด เพราะทั้งคู่โตมาด้วยกันมองตาก็รู้ใจ แต่ทำไมเรื่องนี้เพื่อนรักของเธอถึงไม่เข้าใจเอาเสียเลย จารวีถึงกับถอนหายใจ เมื่อนึกถึงประโยคที่มารดายื่นคำขาดในตอนเช้า
“เอางี้ไหม... อืม... แกหาใครสักคนมาเป็นผัวกำมะลอ เฮียตี๋จะได้เลิกตอแยแกไง”
“แกจะบ้าเหรอ! มีหวังฉันโดนพ่อกับแม่เฉดหัวออกจากบ้านแน่”
“ก็ไม่เห็นเป็นไร แกไปอยู่บ้านเช่าก็ได้นี่”
“แล้วใครจะดูแลพ่อกับแม่ฉันล่ะ...”
“ก็พี่สาวแกไง ยังไงพี่ภาก็ช่วยดูแลกิจการที่บ้านแกทั้งหมดไม่ใช่เหรอ” จารวีถึงกับครุ่นคิดหนักขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่า ต้องมาจมปลักอยู่กับเรื่องแบบนี้ ซึ่งนานนับเดือนแล้วที่เธอถูกบิดามารดา ใช้คำพูดเดิม ๆ กรอกใส่หูทุกวี่ทุกวัน ไม่ช้าก็เร็วยังไงเธอก็ต้องแต่งงานกับตรีภพอยู่วันยังค่ำ
“พี่เขยของฉันเขาจะยอมเหรอ แค่พี่ภามาดูแลงานที่บ้าน พี่เอกเขายังไม่พอใจเลย” จารุภาพี่สาวของจารวีแต่งงานกับเอกชัยมานานหลายปี แต่คนทั้งคู่ก็ยังไม่มีลูกสักที
ซึ่งลูกเขยกับพ่อตาไม่ค่อยลงรอยกัน เนื่องจากจตุภูมิอยากให้ลูกสาวของเขาแต่งงานกับคนมีหน้ามีตาในสังคม ทว่าเอกชัยกลับเป็นแค่พนักงานบริษัท แน่นอนว่ารายได้หลักของเขามาจากเงินเดือนไม่กี่หมื่น แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยให้ภรรยาของเขาต้องลำบาก
“ถ้าวันนั้นมาถึง ฉันเชื่อว่าพี่ภากับพี่เขยแก ก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่ที่ร้านแหละ”
บ้านของจารวีทำกิจการขายส่งเครื่องแต่งกาย ซึ่งร้านก็ใช้พื้นที่บริเวณบ้าน จะมีโกดังสินค้าแยกออกมาจากร้านไม่ไกลมากนัก ครอบครัวของเธอไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็พออยู่พอกินไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง เนื่องจากบิดามารดาของจารวีเป็นคนค่อนข้างตระหนี่เอามาก ๆ
“ฉันว่างานนี้บ้านแตกแน่”
“ถามจริงเหอะ ทำไมแกไม่คิดจะรักเฮียเขาบ้าง ฉันว่าเขาก็ดูหล่อดี แถมยังรวยอีกต่างหาก” มินดาพูดพลางนั่งเท้าคางด้วยแววตาหวานเยิ้ม ก่อนจะเผยรอยยิ้มอันสดใสออกมา เมื่อนึกถึงใบหน้าเจ้าของธุรกิจที่ตัวเองทำงานอยู่
“ฉันโตมาพร้อม ๆ กับเขา ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเฮียตี๋เป็นพี่ชายมากกว่าคนรัก พอนึกถึงวันแต่งงาน ฉันถึงกับขนลุกซู่ ไม่กล้าจินตนาการไปถึงฉากอย่างว่า โฮ.... ไม่อยากจะคิดเลย ฉันทำใจยอมรับเฮียตี๋เป็นสามีไม่ได้จริง ๆ อ่ะแก”
“อืม... ฉันเข้าใจแกนะจา แต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไรเหรอ”
“แต่ว่าตอนนี้... เอ่อ... โน่นเขาเดินมาโน่นแล้ว”
“อ้าว! มันเวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย... หนียังไงก็หนีไม่พ้นสักที” จารวีถึงกับอุทานออกมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย เพราะผู้ชายอย่างตรีภพค่อนข้างน่ารำคาญสำหรับเธอ
“บังเอิญจัง เฮียไม่คิดว่าจะได้เจอกับจาที่นี่” ชายหนุ่มทักทายหญิงสาวออกมาอย่างคนคุ้นเคย แต่ทว่าจารวีกลับหมางเมินต่อชายตรงหน้า
“สวัสดีค่ะคุณตรีภพ เราสองคนก็ไม่คิดว่าจะเจอกับท่านประธานที่นี่เหมือนกัน เชิญนั่งก่อนค่ะ” เพราะหญิงสาวเป็นพนักงานในบริษัทของเขา จึงทำให้มินดาลุกขึ้นยืน แล้วเชื้อเชิญชายหนุ่มร่วมโต๊ะด้วย
“ขอบคุณครับ”
“แต่จากำลังจะกลับ ดาฉันฝากแกดูแลเฮียด้วยนะ จาขอตัวนะคะ”
“อ้าว! จา!” มินดาและตรีภพเรียกจารวีออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่หญิงสาวก็ไม่คิดจะหันหลังกลับ เพราะเธอไม่อยากรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับเขา