“ยัยจา!” ผู้เป็นมารดาถึงกับตะคอกไล่หลังลูกสาวออกไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เมื่อเห็นจารวีแสดงท่าทีห่างเหินต่อคู่หมายของเธอ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจจาดี เธอคงเหนื่อยมาก ผมฝากเครื่องประดับพวกนี้ไว้ให้เธอเลือกด้วยนะครับ”
“อุ้ย! อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวค่อยให้ยัยจาไปเลือกเองเองดีกว่า น้ากลัวเผลอทำหล่นหายไปน่ะค่ะ น้าคงไม่มีปัญญาหามาคืนคุณตรีภพแน่เลยค่ะ” ระรินมารดาของจารวีพูดออกมาด้วยท่าทีเกรงใจ เพราะเครื่องประดับแต่ละชุดมีราคาเจ็ดหลักขึ้นไปทั้งนั้น
“ผมไว้ใจคุณน้าทั้งสองนะครับ ถ้าเกิดคุณน้าทำหล่น ผมก็ไม่ติดใจอะไร ขอแค่จารวีเลือกเครื่องเพชรชุดที่เธอชอบได้ก็พอ ผมนัดลูกค้าเอาไว้ ขอตัวนะครับคุณน้า”
“จ้า ขับรถดี ๆ นะ”
เมื่อตรีภพเดินออกไปจากบ้าน สองสามีภรรยาได้หันมามองกันด้วยแววตาเอือมระอาในตัวลูกสาว เพราะไม่คิดว่าจารวีจะแสดงท่าทีไม่ไว้หน้าบิดามารดา
“นับวันลูกสาวของคุณชักเอาใหญ่แล้วนะ คงคิดว่าคุณตรีภพเขาไม่ว่าอะไร แล้วจะทำตามอำเภอใจอย่างนั้นเหรอ เตือนลูกสาวคุณบ้างก็ดีนะ”
“คุณก็รู้ว่ายัยจาหัวดื้อแต่ไหนแต่ไร แล้วทำไมทีอย่างนี้ถึงได้โบ้ยความรับผิดชอบให้กับฉันคนเดียวสิค่ะ ยัยจาก็ลูกสาวคุณเหมือนกันนั่นแหละค่ะ” สองสามีภรรยาเริ่มขึ้นเสียงใส่กัน หลังจากจารวีไม่ได้ดั่งใจ นับวันเธอยิ่งทำตัวต่อต้านงานแต่งที่กำลังจะมีขึ้น
“นิสัยแย่ เอาแต่ใจจนเคยตัว”
“ก็คงเหมือนคนแถวนี่มั้งคะ” พูดจบผู้เป็นภรรยาได้ยกตลับเครื่องเพชรชุดเล็กชุดใหญ่ขึ้นไปบนบ้าน ปล่อยให้จตุภูมิมองตามหลังด้วยท่าทีฉุนเฉียวกว่าที่เคย เมื่อระรินเองก็เริ่มเบื่อหน่ายสามี ที่มักเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่เสมอ
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! เสียงประตูห้องดังขึ้น ซึ่งทำให้จารวีละสายตาจากสมาร์ตโฟนเครื่องแพงของเธอ
“แม่เข้าไปได้ไหมยัยจา”
“เข้ามาเลยค่ะแม่ จาไม่ได้ล็อกประตู”
“ทำไมเราเป็นคนแบบนี้ รู้ไหมว่าทำให้คุณตรีภพน้อยใจแค่ไหน หันมาฟังแม่สิจา อย่าเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้”
“จาขอถามอะไรแม่ได้ไหมคะ”
“จะถามอะไรก็ว่ามา” ระรินพูดพลางวางตลับเครื่องประดับไว้บนเตียงนอนของลูกสาว ก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งข้าง ๆ จารวี
“ก่อนที่พ่อกับแม่จะแต่งงานกัน พ่อกับแม่คบหาดูใจกันนานไหมคะ”
“ไม่นะ ไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ ตอนนั้นแม่ทำงานบริษัท บังเอิญพ่อของเราเดินทางไปเจรจาเกี่ยวกับสินค้า ซึ่งตอนนั้นเถ้าแก่ของแม่ ก็คือคุณพ่อของคุณตรีภพ ตอนนั้นเขายังยังคงเป็นเจ้าของโรงงานทอผ้าอยู่เลย”
“แม่เชื่อในรักแรกพบหรือเปล่าคะ”
“รักแรกพบเกิดขึ้นได้กับทุกคน ว่าแต่เราเถอะรักคุณตรีภพบ้างหรือเปล่า ทำไมถึงทำตัวหมางเมินใส่เขาแบบนั้น”
“จาบอกแล้วไงค่ะแม่ จาไม่อยากแต่งงานกับเฮียตี๋” เพราะความสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้จารวีเรียกตรีภพว่าเฮียตี๋จนติดปาก
“ก็ตอนนั้นลูกเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ ใครล่ะที่บอกกับพ่อว่าจะแต่งงานกับคุณตรีภพ พี่ภาทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังแล้ว จายังคิดจะกล้าทำให้ครอบครัวของเราผิดคำพูดอีกคนรึไง”
“ความรักมันบังคับกันไม่ได้ ยังไงจาก็ไม่ยอมแต่งงานกับเฮียตี๋เด็ดขาด”
“ถ้าไม่อยากตัดขาดกับครอบครัว ก็ยอมทำตามคำสั่งของพ่อเถอะนะจารวี พ่อของแกไม่มีทางปล่อยให้งานแต่งครั้งนี้ล่มแน่”
“แต่แม่ค่ะ... ”
“ไม่มีแต่ มีแต่จะแต่ง เครื่องเพชรพวกนั้นคุณตรีภพเขาเอามาให้แกเลือก ชอบแบบไหนก็เลือกได้ตามใจ ส่วนชุดแต่งงานแม่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
จารวีถึงกับพูดไม่ออก เมื่อมารดาเข้ามาบอกให้เธอเตรียมตัวเตรียมใจ งานแต่งที่ไม่ได้เกิดจากความรัก สุดท้ายก็มักจบลงไม่สวย เธอพยายามปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ทุกคนต่างมองว่าตรีภพคือผู้ชายที่คู่ควรและเหมาะสมกับเธอ
หญิงสาวตัดสินใจคว้าสมาร์ตโฟนขึ้นมาโทรหาฌอนทันที อย่างน้อยในเวลานี้ เธอก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก ซึ่งเขาคือทางออกเดียวของเธอ
“ว่าไงครับที่รัก”
“ไม่ต้องใช้เสียงหวานมาหลอกล่อให้ฉันคล้อยตามเลยนะ คุณสามีกำมะลอ” เธอตอบกลับไประคนกำลังงอนอีกฝ่ายไม่ต่างจากคู่รัก
“คุณเป็นอะไรทำไมต้องหงุดหงิดใส่ผมด้วยล่ะครับ...หืม”
“ฉันกลับมาบ้านก็เจอกับคุณตรีภพ เขาเอาเครื่องเพชรมาให้เลือก ฉันไม่เห็นอยากได้ของพวกนั้นเลยสักนิด”
“ผู้หญิงทุกคนล้วนชอบเครื่องประดับทั้งนั้น ทำไมล่ะ... คุณไม่ชอบใส่เครื่องประดับเลยเหรอ”
“เปล่า... ฉันไม่ชอบคนให้มากกว่า” ฌอนแอบอมยิ้มในความเป็นจารวี เธอมักจะทำให้เขาแปลกใจได้เสมอ
“แล้วถ้าเป็นผมที่ซื้อให้ คุณจะชอบมันไหม”
“คุณจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อ แต่ช่างเถอะค่ะ คืนนี้คุณว่างไหมฉันอยากออกไปดื่มให้ลืมเรื่องราวบ้า ๆ พวกนี้”
“เรื่องไหน”
“ก็เรื่องที่ฉันต้องแต่งงานกับเฮียตี๋ไง”
“คุณแต่งงานกับใครไม่ได้ทั้งนั้นแหละจารวี อย่าลืมสิว่าคุณคือภรรยาของผม”
“ฉันไม่ลืมหรอกน่า แค่นี้นะคะเดี๋ยวส่งโลเคชันไปให้”
“ครับที่รัก แล้วเจอกันนะเมียจ๋า จุ๊บ!”
“คนบ้า!” จารวีถึงกับหน้าแดง เมื่อถูกฌอนหยอดคำหวานมาตามสาย เธอได้แต่บอกตัวเองว่าเขาคือสามีกำมะลอ อย่าคิดพาใจไปเจ็บเด็ดขาด ถ้าไม่อยากร้องไห้ฟูมฟายในวันที่หย่าขาดจากกัน
//////บ้านฌอน//////
“ใครโทรมาเหรอ คนที่ทำให้ลูกชายของแม่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้แบบนี้ แสดงว่าต้องเป็นสาวสวยแน่ ๆ เลยใครกันนะ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แน่นอนว่ามารดาของเขาไม่เคยบังคับขู่เข็ญเรื่องของหัวใจ ไม่ว่าชายหนุ่มตกลงปลงใจกับใคร นางก็ไม่เคยคิดที่จะกีดกัน
ซึ่งใครหลายคนเคยเข้าใจผิด คิดว่ามารดาของเขาคือพี่สาวของฌอน เพราะการออกกำลังกายสม่ำเสมอดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นอย่างดี จึงทำให้ผู้หญิงอย่างญาดามารดาของฌอน ซึ่งมีอายุอานามห้าสิบห้าปีแล้ว แต่นางกลับสวยสะพรึงราวกับกำลังสี่สิบต้น ๆ