‘ไม่เคยมีใครทำแบบนั้นกับคิมหันต์มาก่อน ลิตาคิดจริงๆ เหรอ ว่าที่คิมหันต์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าเขา จะไม่ทำอะไรนะ’
‘มะ…หมายความว่ายังไงคะ?’
‘คิมหันต์คนที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อกี้ คือคู่อริของสายฟ้า แฟนเก่าเรา’
‘เจ้ก็เดาความคิดเขาไม่ได้ว่าเข้าหาลิตาทำไม แต่เมื่ออาทิตย์ก่อนสายฟ้าส่งคนไปป่วนสนามแข่งรถที่กำลังจัดการแข่งขันรถประจำปีของคิมหันต์ บางที นี่อาจเป็นเหตุผลที่เขาเข้าหาเราก็ได้’
‘ลิตาไม่เข้าใจ’
‘เราเล่นไปสาดเหล้าใส่หน้าเขาแบบนั้น เรื่องคงไม่จบง่ายๆ อย่างแน่นอน’
สิ่งที่เจ้นัตตี้พูดตอนอยู่ผับยังคงลอยวนเวียนในหัว เธอเดินมานั่งลงเตียงนอนพลางเช็ดผม บอกตามตรงพอได้ยินเจ้นัตตี้พูดแบบนั้น มันพลอยทำให้เธอแอบกังวลอยู่ไม่น้อย รู้จักชื่อเสียงเรียงนามคิมหันต์ผ่านหูมาบ้าง และรู้ว่าเขาไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ซวยจริงๆ เลย…” เธอพึมพำออกมาคนเดียว พยายามไม่นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาแต่ก็อดไม่ได้อยู่ดี
ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้เธอหันไปมองและหยิบมาดูว่าใครโทรมา เบอร์แปลกไม่คุ้นเคยโชว์หลาบนหน้าจอ ปกติเธอไม่ค่อยรับสายเบอร์แปลกเท่าไร ด้วยความอยากรู้ว่าใครโทรมาจึงตัดสินใจรับสาย
“ฮัลโหล”
(พี่เองนะลิตา)
“พี่สายฟ้า…” เธอเรียกชื่อปลายสายออกมาเบาๆ นี่ลงทุนใช้เบอร์ใหม่โทรมาหาเธอเลยเหรอเนี่ย
“บอกแล้วไงว่าอย่ามายุ่งกับลิตาอีก”
(พี่แค่อยากคุยกับลิตา และอยากได้ยินเสียงลิตาก่อนนอน)
“พอเถอะค่ะพี่สายฟ้า ลืมไปแล้วเหรอคะว่าเรื่องของเรามันจบไปแล้ว”
(พี่อยากขอโอกาสแก้ตัวอีกครั้ง ลิตา…)
“แค่นี้นะคะ ลิตาจะนอนแล้ว” เธอตัดสายจากสายฟ้าอย่างไม่ไยดี เธอไม่สามารถให้อภัยเขาได้จริงๆ ถึงจะคบกันมานานแค่ไหน แต่เธอเป็นพวกเจ็บแล้วจำ รู้จุดยืนของตัวเอง หากกลับไปคบกันความสัมพันธ์คงไม่มีวันเหมือนเดิม เพราะสายฟ้าได้สร้างรอยร้าวเอาไว้แล้ว
เขานอกใจเธอไปมีอะไรกับรุ่นน้องคนหนึ่งที่เคยบอกว่าไม่ได้คิดอะไร เธอไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด และรู้ด้วยว่าสองคนนี้แอบทำอะไรลับหลังเธอบ้าง ที่ไม่พูดเพราะไม่มีหลักฐาน คนอย่างสายฟ้าต้องมีหลักฐานเท่านั้นถึงจะกล้ายอมรับความจริง
ต่อให้รักมากแค่ไหนเธอก็ไม่มีวันกลับไป
วันต่อมา
ลิตาในชุดนักศึกษาเดินขึ้นบันไดของตึกคณะตัวเองเพื่อไปเข้าเรียนในช่วงแปดโมงเช้า โดยมี เลิฟ เพื่อนสาวคนสนิทมานั่งรอหน้าตึก
“อาจารย์มารึยัง?”
“เห็นเพื่อนบอกว่ายังไม่มานะ”
เธอพยักหน้าให้เลิฟ ก่อนจะเดินไปยังห้องเรียนพร้อมเพื่อนสนิท ระหว่างทางเดินได้มีแก๊งของญาดาเดินมาดักหน้า เธอไม่อยากมีปัญหาจึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง แต่ไม่วายโดนแก๊งญาดาเดินมาขวาง ไม่ยอมให้เธอและเลิฟเดินไป
“หลีกทางให้พวกฉันไปก่อนสิ” ญาดาพูด
“ทางเดินตั้งกว้าง ทำไมต้องเจาะจงทางเดินเดียวกันด้วย” เธอตอบกลับญาดาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ก็ฉันอยากเดินทางนี้” ญาดากอดอกพูด
เธอกับญาดาไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว สาเหตุมาจากเพราะเธอคบกับสายฟ้า ญาดาชอบสายฟ้า แต่มารู้ทีหลังว่าเธอกำลังคบกับสายฟ้าอยู่ เลยทำให้ญาดาเกลียดและคอยหาเรื่องเธอเมื่อมีโอกาส
เธอยอมหลีกทางให้แก๊งญาดาเดินไปก่อนแต่โดยดี ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยนาน เธอไม่ใช่คนใจเย็นขนาดนั้น เห็นเธอยอมแต่ใช่ว่าจะกลัว อย่าให้เธอได้แผลงฤทธิ์ ใครหน้าไหนก็เอาเธอไม่อยู่บอกเลย
“เมื่อไหร่จะหมดเวรหมดกรรมกับพวกนางสักที” เสียงเลิฟพูด
“ช่างเถอะ เราไปเรียนกันเถอะ”
“ถามจริงๆ นะ แกไม่รำคาญบ้างเหรอที่พวกนางชอบมาหาเรื่อง” ระหว่างเดินไปห้องเรียน เลิฟพลางเอ่ยถามเพื่อนคนสนิทด้วยความอยากรู้
“รำคาญ แต่ว่าไม่อยากมีเรื่อง” ถ้าวันไหนญาดาล้ำเส้นมากกว่านี้ เธอไม่ยอมแน่
“แค่ผู้ชายไม่เอา ก็พาลหาเรื่องคนอื่น” ญาดาชอบสายฟ้า พยายามอ่อยอีกฝ่ายเต็มที่แต่ผู้ชายไม่เอา มารู้ทีหลังว่าสายฟ้ากำลังคบกับลิตา บวกกับไม่ชอบหน้าลิตาอยู่ทุนเดิมแล้วเพราะโดนรุ่นพี่คนหนึ่งส่งชื่อลิตาประกวดดาวคณะปาดหน้าตัวเอง เลยเป็นศัตรูกับลิตามาตั้งแต่ตอนนั้น
“เข้าเรียนกันเถอะ ไม่อยากพูดถึงเรื่องญาดาแล้ว เดี๋ยวไม่มีอารมณ์เรียน”
“มันก็จริง”
พูดถึงเรื่องญาดาทีไรอารมณ์เสียทุกที ใช้เวลาไม่นานเธอและเลิฟก็เดินมาถึงห้องเรียน
เลิกเรียน
หลังจากเลิกเรียน ลิตามาโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมคนเป็นแม่เหมือนทุกวัน โดยได้ฝากของโปรดแม่ให้ ริว น้องชายเอาไปให้แทน ส่วนเธอมาคุยกับหมอ
“เลื่อนวันผ่าตัดเหรอคะ?” พอได้ยินหมอบอกว่าวันผ่าตัดของแม่ถูกเลื่อนออกไปก็ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก
“ใช่ค่ะ”
“ขอทราบเหตุผลได้ไหมคะ ทำไมถึงเลื่อนการผ่าตัดออกไป?”
“หมอที่ดูแลคุณแม่ของคุณมีเคสคนไข้ฉุกเฉินมากๆ ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ทำให้ต้องเลื่อนการผ่าตัดของคุณแม่คุณออกไปก่อน”
“แต่แม่ของฉันก็รอไม่ได้เหมือนกัน อาการท่านก็ทรุดลงไปเรื่อยๆ”
“หมอทราบค่ะ แต่เคสนี้ฉุกเฉินมากจริงๆ เอาเป็นว่าหมอจะหาวันที่เร็วที่สุดให้นะคะ”
เธอใจแป๋วลงทันที เข้าใจว่าเคสฉุกเฉินรอไม่ได้ แม่ของเธอก็รอไม่ได้เหมือนกัน อาการท่านหนักขึ้นเรื่อยๆ ความจริงวันผ่าตัดคือพรุ่งนี้ แต่กลับโดนเลื่อนออกไปเพราะมีเคสฉุกเฉินกว่าเข้ามา
ลิตาเดินคอตกกลับมายังห้องพักผู้ป่วยของแม่ เธอมองแม่ที่กำลังนั่งกินข้าวที่ซื้อมาให้โดยมีริวคอยป้อน กำลังเปิดประตูเข้าไปแต่โทรศัพท์ดันดังขึ้นมาเสียก่อน
ครืด ครืด
“คะเจ้”
(ตอนนี้ลิตาพอจะว่างมารับงานแทนน้ำหนึ่งไหม ยัยนั่นเกิดท้องเสียขึ้นมากะทันหัน ทำให้มาทำงานไม่ได้)
“ตอนนี้เลยเหรอคะ?”
(ใช่ ลูกค้าซื้อเวลาน้ำหนึ่งมาแค่สองชั่วโมง ลิตาว่างมาไหม?)
“ได้ค่ะ เดี๋ยวลิตาไปเดี๋ยวนี้เลย” เธอวางสายจากเจ้นัตตี้ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยของแม่เพื่อทักทายอีกฝ่ายก่อนจะไปทำงานแทนน้ำหนึ่ง
“อร่อยไหมคะแม่”
“อร่อย” คนเป็นแม่ตอบด้วยรอยยิ้ม ลิตาเดินเข้าไปสวมกอดแม่ตัวเอง
“ลิตารักแม่นะคะ”
“อารมณ์ไหนมาบอกรักแม่หืม?”
“อารมณ์รักแม่ไง” เธอผละกอดออกแล้วหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่
“ลิตามีทำงานแทนเพื่อน คงต้องไปแล้ว ไว้พรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่นะคะ”
“จ้า อย่าหักโหมเกินไปนะ แม่เป็นห่วง”
ลิตายิ้มและพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
“ฝากดูแม่ด้วยนะริว”
“อือ พี่ไปเถอะ”
เธอเดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยของแม่เพื่อไปยังผับของเจ้นัตตี้ ระหว่างนั่งบนแท็กซี่พลางคิดเรื่องที่หมอเลื่อนวันผ่าตัดของแม่ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เธอควรทำยังไงดี ตอนนี้มืดแปดด้านไปหมดแล้ว
หลังจากรับลูกค้าแทนน้ำหนึ่งเสร็จ ลิตาออกมาหาอะไรดื่มที่เคาน์เตอร์คนเดียวท่ามกลางเสียงเพลงที่คลอเบาๆ
“วันนี้ดูไม่ค่อยร่าเริงเลยนะ เป็นอะไรรึเปล่า” เจ้นัตตี้เดินเข้ามาถามลิตา วันนี้ลิตาไม่ค่อยสดใสร่าเริงเหมือนทุกวัน แปลกไปจนตนสัมผัสได้
“วันผ่าตัดของแม่ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดอะเจ้”
“ทำไมถึงถูกเลื่อนล่ะ?”
“หมอบอกว่ามีเคสฉุกเฉินกว่าต้องผ่าตัดด่วน แม่ลิตาเองก็รอไม่ได้แล้วเหมือนกัน เพราะว่าอาการแม่หนักขึ้นเรื่อยๆ” ลิตาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ลิตาไม่รู้จะทำยังไงแล้ว…”
เจ้นัตตี้มองลิตาอย่างเห็นใจ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ อีกฝ่ายแล้วสั่งเครื่องดื่มกับบาร์เทนเดอร์
“ถ้าจะให้เจ้ช่วย ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยสำเร็จไหม”
“เจ้หมายความว่ายังไงคะ?” ประโยคที่เจ้นัตตี้พูดทำให้เธอสนใจมากไม่น้อย
“พ่อคิมหันต์เป็นหุ้นส่วนกับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง มีหมอเก่งๆ ดังๆ เยอะแยะเต็มไปหมด แถมยังมีหมอประจำตระกูลด้วย ถ้าเจ้จะขอให้คิมหันต์ช่วย ก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหม”
ลิตาเล่นสาดเหล้าใส่หน้าคิมหันต์ขนาดนั้น คงยากที่อีกฝ่ายจะยอมช่วย ที่อยากช่วยเพราะเห็นลิตาเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
“ถ้าอย่างนั้นเจ้นัตตี้ลองคุยกับเขาให้ลิตาหน่อยได้ไหมคะ”
“แต่เจ้ไม่รับประกันนะว่าคิมหันต์จะตกลงไหม”
เธอพยักหน้าให้เจ้นัตตี้ นาทีนี้ต้องลองเสี่ยงดูสักครั้ง หากคิมหันต์ไม่ยอมช่วยก็คงทำอะไรไม่ได้ เธอนั่งมองเจ้นัตตี้คุยโทรศัพท์กับคิมหันต์อย่างมีความหวัง
“เขาว่ายังไงบ้างคะเจ้” เธอเอ่ยถามเจ้นัตตี้ หลังจากวางสายลงจากคิมหันต์
“คิมหันต์บอกว่าลิตาต้องไปคุยกับเขาเอง”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนคะ?”
“จะไปหาคิมหันต์เหรอ?”
“บางทีถ้าลิตาไปคุยเองอย่างที่เขาบอก เขาอาจจะยอมช่วยก็ได้”
ลิตารู้จักคิมหันต์น้อยเกินไป ถ้าคิมหันต์ยอมช่วย คิดเหรอว่าจะยอมช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทน
“ไหนบอกว่าเมื่อคืนนี้เขาลวนลามเราไง ยังกล้าไปเจอคิมหันต์อยู่อีกเหรอ?”
“นาทีนี้ลิตาไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแล้วค่ะเจ้ ขอแค่ให้แม่ได้ผ่าตัดเร็วที่สุดก็พอ”
“คิมหันต์อยู่สนาม”
“สนามเขาอยู่แถวเหรอคะ?”
“จะไปจริงๆ ใช่ไหม?” เจ้นัตตี้ถามลิตาย้ำอีกรอบ
“ค่ะ” เธอตอบอย่างไม่ลังเล
ทางด้านคิมหันต์
“ยิ้มอะไรของมึงวะไอ้คิม” น้ำเหนือเอ่ยถามคิมหันต์ที่นั่งยิ้มคนเดียวหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ
“นั่นดิ ก่อนหน้านี้ยังเห็นมึงนั่งทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่เลย” ลูคัสพูดเสริม
“ใครบอกว่าลูกแกะไม่มีวันติดกับดักที่นายพรานวางเอาไว้วะ ตอนนี้ลูกแกะตัวนั้น…กำลังเดินมาติดกับดักที่นายพรานวางเอาไว้แล้ว”
นัยน์ตาดำขลับจุดประกายความร้ายออกมาอย่างเห็นได้ชัด คิมหันต์ยกแก้วน้ำสีเหลืองอำพันขึ้นมาดื่มอย่างใจเย็น ก่อนหน้านี้จากอารมณ์ไม่ดี พอรู้ว่าลูกแกะกำลังมาเยือนถึงถิ่น ก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
ได้เวลาคิดบัญชีกับคนอวดดีเมื่อคืนแล้ว…
“มึงหมายความว่า ผู้หญิงที่สาดเหล้าใส่หน้ามึงเมื่อคืน กำลังมาหามึง?”
คิมหันต์ไม่ตอบอนาคิน เพียงแค่ยกยิ้มมุมปาก
“ยิ้มมุมปากแบบนี้ แสดงว่าใช่” คาร์มินพูดแล้วหันไปมองเพื่อนคนอื่นๆ ในกลุ่ม
“ตั้งแต่รู้จักไอ้คิมหันต์มา กูเพิ่งเคยเห็นผู้หญิงทำแบบนั้นกับมันครั้งแรก เป็นไงวะมึง รสชาติความแปลกใหม่ น่าสนใจไหมวะ”
“ก็น่าสนใจ แต่ติดตรงที่ดันเป็นแฟนเก่าไอ้สายฟ้า”
“ถ้าไม่ใช่แฟนเก่าไอ้สายฟ้า มึงจะจีบเหรอวะ?”
“เปล่า อย่างมากก็แค่เป็นของเล่นแก้เบื่อของกูเท่านั้นแหละ” พูดจบก็ยกแก้วน้ำสีเหลืองอำพันในมือขึ้นดื่มด้วยความอารมณ์ดี