“ขอบใจ”
หลังจากที่ตัวหอมไปด้วยกลิ่นที่มาจากผมของเธอ กลิ่นดอกไม้ที่ผสมกับกลิ่นแป้งเด็กแต่เขาแยกไม่ออกว่าเป็นยี่ห้อไหนที่เดาได้แบบนี้ก็เพราะเคยได้กลิ่นแบบนี้มาจากตัวหลานชายและไม่คิดด้วยเหมือนกันว่าจะได้กลิ่นมาจากเด็กที่โตแล้วอย่างเธอ เขาใช้เวลาแต่งตัวไม่นานก็รีบเดินถือแฟ้มเอกสารที่ต้องใช้ประชุมออกมาจากในห้องด้วยอารมณ์ที่ดีพอสมควรและก็หายเมาค้างเพราะได้ทำอะไรสนุกๆ
ใบหน้าหล่อเหลาโน้มเข้าไปหาหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้าอ่านอะไรสักอย่างอยู่บนโต๊ะทำงานไม่ได้สนใจว่าใครจะเดินผ่านไปผ่านมา และเขาก็ใกล้ชิดกับเธอเอาแก้มแนบแก้มเหมือนกับที่ทำกับผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ไม่แปลกอะไรเพราะธรรมเนียมฝรั่งเขาก็ทำอะไรกันแบบนี้และเขาก็เอามาใช้อยู่ประจำ
“คุณอรรณพ”
เธอเรียกเขาเต็มปากเต็มคำพร้อมกับเอาเท้าถีบพื้นจนเก้าอี้ที่มีล้อถอยออกห่างจากโต๊ะ ดวงตากลมโตสวยได้รูปรับกับใบหน้าโตขึ้นมาเป็นเท่าตัวด้วยความตกใจ เธอกำลังนั่งตั้งสติที่ต้องไปลูบๆคลำๆตัวเขาอยู่โดยการอ่านเอกสารบนโต๊ะทำงานแต่เขากลับย่องเงียบมาหาเธอ จนสติแตกกระเจิงไปอีกครั้ง และความคิดมันก็ไปวนเวียนเห็นแต่ภาพกล้ามเนื้อตรงใต้สะดือของเขาอีกครั้ง
อรรณพยืนอมยิ้มมองหญิงสาวที่ช่างแสนจะบริสุทธิ์ผุดผ่องพร้อมกับเอามือมาจิ้มแก้มของตัวเองล้อเธอเล่น เรียกสติของเธอให้คืนมาว่าเมื่อตะกี้เธอโดนเขาทำอะไรลงไป
เอาแก้มชนแก้ม
มือเล็กของคนที่สติหลุดไปไกลยกขึ้นทาบแก้มของตัวเอง ความร้อนผ่าวบนพวงแก้มที่ยังไม่จางหายไปดีเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว มันใกล้ชิดมากจนเธอได้สัมผัสกับลมหายใจของเขาและเสียงหัวใจ เจ้านายกับเลขามันจำเป็นต้องขอบคุณกันอย่างใกล้ชิดแบบนี้เลยเหรอแต่ที่เรียนรู้มามันไม่ใช่
ท่าทางตกใจเกินเหตุของเธอทำให้เขาอมยิ้มให้กับความไร้เดียงสาก่อนจะเดินไปยังลิฟต์เพื่อลงไปประชุมข้างล่าง อาจดูจะเกินกว่าเหตุแต่ก็แค่การเอาแก้มมาชนกัน แต่เด็กที่จะเพิ่งโตและดูจากท่าทางก็คงไม่เคยมีแฟนก็คงตื่นเต้นเป็นธรรมดา แต่อีกหน่อยถ้าเธอได้ทำงานที่นี้นานกว่าหนึ่งอาทิตย์ก็คงได้แฟนเป็นพนักงานในบริษัทเขาคนใดก็คนหนึ่ง
แพรวาตกใจได้ไม่นานเธอก็รีบหอบข้าวหอบของวิ่งตามเจ้านายที่เพิ่งจะทำให้หัวใจเธอเต้นแรงเข้ามาในลิฟต์ เธอรีบร้อนจนข้าวของในมือตกลงพื้นและต้องก้มลงเก็บจนคนในลิฟต์ต้องลำบากกดประตูลิฟต์เปิดค้างเอาไว้หลายนาทีเพื่อรอเธอ
เธอรู้ดีว่าผิดที่ชักช้าพอเข้ามาในลิฟต์ได้ก็เงียบไม่พูดไม่จา และด้วยใบหน้าของเขาก็ดูจะไม่พอใจเลขาอย่างเธอเอามากๆด้วยถึงได้มีใบหน้าบูดบึ้งอย่างนั้น ลิฟต์ที่ดูจะกว้างกลายเป็นคับแคบและน่าอึดอัดใจที่สุดจนกระทั่งมันเปิดออก แพรวาถึงกับลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ได้ถูกดุตอนอยู่ในลิฟต์กันลำพังสองต่อสอง
“คุณสมพงษ์เข้าไปดูเด็กของคุณทำงานด้วย”
เขาสั่งคนที่มายืนรอหน้าห้องประชุมก่อนจะชายตาไปมองคนที่เดินตามมา เขาไม่ได้ไม่พอใจอะไรมากนักกับการแสดงออกของเธอแต่ก็รู้สึกถึงการเสียเวลาไปมากที่ต้องยืนรอเธอเก็บข้าวของตามทางเดินนั้น จนนึกพาลว่าเธออาจจะไปก่อเรื่องในห้องประชุมใหญ่ของเขาก็ไปได้จนเขาไม่ไว้ใจเธอ
“ครับ”
สมพงษ์นอกจากเขาจะเป็นมือขวาของคุณนายฐานมาศแม่ของอรรณพแล้วเขายังมีหน้าที่คอยสอนงานเลขาคนใหม่ด้วย เพราะถ้าเขาไม่สอนมีหวังอีกไม่นานเลขาคนนี้ก็ถูกไล่ออกและก็ต้องเปิดรับสมัครให้ได้วุ่นวายอีกแน่ๆ เขาถึงได้มายืนยิ้มรอรับทั้งสองคนอยู่ตรงนี้ทั้งที่ไม่ได้มีหน้าที่จำเป็นอะไรที่จะต้องเข้าประชุมผู้ถือหุ้นที่มีแต่คนระดับดังๆมาร่วมประชุมและก็ชาวต่างชาติที่จะมาร่วมทุน
“จดเท่าที่ทันและมีประโยชน์”
“ค่ะ”
สมพงษ์พาแพรวาที่ยังใหม่ในงานนี้นั่งลงข้างหลังอรรณพ เธอใหม่ไปซะทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ไม่เคยทำงานที่ไหนเลยที่นี่เป็นที่แรก และตอนนี้เธอที่เขากำลังจะสอนงานก็นั่งตื่นเต้นมองคนที่กำลังเดินเข้ามาจนไม่สนใจงานของตัวเอง
แพรวายิ้มเขินๆส่งให้สมพงษ์พี่เลี้ยงของเธอที่มาช่วยสอนเธอ พร้อมในมือจับปากกาเอาไว้แน่นวางเอาไว้บนสมุดโน๊ตที่เตรียมติดมาพอดี เธอตั้งสมาธิอีกครั้งเพราะเมื่อตะกี้เตลิดไปกับการโดนเขาเข้ามาชนแก้มและก็มาเตลิดอีกรอบตอนที่มีคนดังที่มักออกทีวีเดินเข้ามาร่วมประชุมด้วยตั้งหลายคน ถึงจะมีบ้านอยู่เกือบใจกลางเมืองแต่เธอก็ไม่เคยเห็นคนในทีวีมาก่อนต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา
การประชุมเริ่มขึ้นด้วยความตึงเครียด รายงานความคืบหน้าต่างๆถูกนำเสนอต่อประธานในที่ประชุมที่ต่างก็เป็นที่ยอมรับกันในหมู่ผู้ถือหุ้นและผู้ร่วมลงทุนหน้าใหม่ๆว่าเขาค่อนข้างเก่งและมากความสามารถในระยะเวลาอันสั้นที่เขาขึ้นมานั่งแท่นผู้บริหาร
และเลขาคนใหม่ก็ตั้งใจทำงานเป็นอย่างดีด้วยความขยันและพากเพียรที่เธอน่าจะมีมากกว่าคนอื่นๆทำให้เธอก้มหน้าก้มตาจดทุกอย่างที่หลายๆคนกำลังพูดได้ทันถึงจะไม่เต็มร้อยแต่ก็ดีสำหรับพนักงานใหม่อย่างเธอ ถึงเธอจะดูเรียนไม่เก่งตามเกรดที่ติดบนใบจบการศึกษาแต่นั่นเพราะเธอไม่ค่อยได้เข้าเรียนด้วยต้องแบ่งเวลาไปดูแลผู้เป็นแม่และก็ได้คณะอาจารย์ช่วยเหลือให้ทำงานส่งย้อนหลังและให้เกรดแค่พอผ่านมาได้เท่านั้น
“มันพูดอะไรของมันวะ”
ถึงเวลาของหุ้นส่วนชาวญี่ปุ่นพูดบ้าง อรรณพเขาก็ตั้งใจฟังมากกว่าในตอนแรกมากขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะพวกนี้ใช้ภาษาอังกฤษค่อนข้างจะมีสำเนียงเป็นเอกลักษณ์และหนุ่มนักเรียนนอกอย่างเขาพอได้ยินอะไรแบบนั้นทีไรก็ปวดหัวทุกที แถมพอพูดภาษาอังกฤษจบก็หันไปพูดภาษาญี่ปุ่นกันเองอีก ทำให้ท่านประธานที่กำลังฟังหันมาสบถใส่เลขาใหม่และผู้ช่วยที่นั่งอยู่ด้านหลัง
“ผลตอบแทนดีจริงๆ เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าคนไทยจะทำได้”
แพรวาตั้งใจฟังอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วพอเจ้านายหันมาเธอก็ตอบคำถามนั่นได้ แล้วก็ก้มลงทำงานของตัวเองต่อเพราะยังมีอีกหลายคนกำลังเริ่มพูดอีกแล้ว เธอไม่ได้เก่งภาษาญี่ปุ่นถึงขั้นมีใบประกาศติดตัวมาแต่พอฟังได้เพราะตอนปิดเทอมช่วงที่เรียนมอต้นเคยไปทำงานรับจ๊อบพิเศษด้วยการไปทำความสะอาดบ้านให้กับคนญี่ปุ่นและด้วยความใฝ่รู้ของเธอก็เลยหัดพูดกับเจ้าของภาษามานิดหน่อย
“เขาอยากบอกคุณอรรณพให้ไปที่ญี่ปุ่น”
และภาษาที่ไม่ค่อยมีใครในห้องฟังออกก็ถูกพูดขึ้นอีกมันอาจไม่ได้ดังมากเพราะเป็นการพูดกันแค่สองสามคนในโต๊ะประชุมที่ค่อนข้างใหญ่โต อรรณพก็รีบหันมามองหน้าเลขาเขาในทันที เหมือนมันเป็นกลไกอัตโนมัติที่พอเขาหันมาและก็จะได้รู้ว่าคนพวกนั้นว่าอะไรเขาหรือเปล่า ถ้าเขาไม่ดีจะได้ปรับปรุงตัว งานของเขาจะได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นอีก
พอได้ยินคำตอบจากเธอแบบนั้น และด้วยสมองระดับผู้บริหารอย่างเขา อรรณพก็รีบพูดเปิดประเด็นแบบอ้อมๆก่อนและจบลงด้วยการจะเดินทางไปที่ญี่ปุ่นตามที่คนเหล่านั้นต้องการ เขามีหัวธุรกิจด้วยมันอาจถ่ายทอดมาทางสายเลือด การประชุมวันนี้ก็เลยจบแบบดีกว่าทุกครั้งเพราะเขาฟังความจากคนที่มาจากแดนไกลออก
“เด็กคนนี้เก่งนะครับ เห็นกรอกประวัติมาธรรมดามากๆ ไม่คิดว่าจะได้ภาษาญี่ปุ่นด้วย”
เลิกประชุมก็เที่ยงตรงพอดี สมพงษ์เลยรีบให้แพรวาแยกตัวออกไปพักก่อนเพราะดูท่าทางจะค่อนข้างหิว ส่วนตัวเขาได้รับโอกาสพิเศษมากกว่าพนักงานทั่วไปสามารถเข้าร่วมทานอาหารกลางวันกับระดับผู้บริหารได้ และเขาก็กำลังใช้โอกาสพิเศษนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการเสนอผลงานของเลขาคนใหม่ซ้ำอีกรอบให้ไปสะกิดใจเจ้านาย อย่างน้อยตลอดไตรมาสนี้เขาจะไม่ต้องรับเลขาคนใหม่ก็ยังดี
“อื้ม”
อรรณพไม่ได้เอ่ยชมอะไรออกมาเป็นพิเศษและก็ไม่ได้อึ้งในความสามารถที่เลขาคนใหม่มี ใครๆ ก็มีความสามารถแบบนี้ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกตรงไหน ใบสมัครที่เขาเห็นหลายคนยื่นมาก่อนหน้าเธอก็มีความสามารถพูดได้หลายภาษากว่าเธอก็มีแต่ที่เธอได้ทำงานก็เพราะเป็นคนสุดท้ายที่เขาต้องเลือก ไม่ได้เก่งกาจอะไรจนเขาต้องเอ่ยชม
ไม่จำเป็นที่ต้องให้การชื่นชมเป็นพิเศษ ยังไงเธอก็เป็นเลขามีหน้าที่ช่วยเหลือเขาทุกอย่างอยู่แล้ว และวันนี้เธอก็แค่ทำหน้าที่ของเธอเท่านั้นเอง
“กาแฟค่ะ”
เช้าวันทำงานของหญิงสาวที่วันนี้มาถึงที่ทำงานเกือบสายเพราะว่าแม่ของเธออาการแย่ลง เธอวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าผู้เป็นเจ้านายที่เมื่อวานเขาทำเธอหัวใจเต้นแรงทั้งวัน มันเหมือนมีความสุขเล็กๆ อยู่ในอกที่เขาทำแบบนั้นกับเธอ วันนี้เธออยากให้ย้อนไปเป็นเมื่อวานอีกเพราะตอนนี้เธอกำลังทุกข์ใจเป็นที่สุด
แต่คนเรามันย้อนเวลากันไม่ได้ มีแต่ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง เธอจะต้องเข้มแข็งเหมือนที่ผ่านมาและให้เรื่องแย่ๆ มันยอมแพ้เธอและผ่านไป จะมามัวร้องขอชะตาชีวิตก็คงไม่ใช่ เมื่อวานเธอคงแค่ฝันไปเพราะวันนี้แม้แต่หน้าของเธอเจ้านายยังไม่เคยมองเลย
“หมดธุระแล้วก็ออกไป ยืนเกะกะอยู่ได้”
อรรณพกำลังวางแผนงานโครงการใหม่อยู่ เขาต้องการสมาธิและก็เหมือนว่ากำลังมีคนทำให้สมาธิเขากระเจิงด้วยการยืนมอง กลิ่นดอกไม้สดกับกลิ่นแป้งเด็กบนตัวเธอมันบ่งบอกได้ดีว่าเธอยังไม่ได้ไปไหนไกล
มันน่าหงุดหงิดใจเป็นที่สุดจนทำงานไม่ได้เลยก็เพราะกลิ่นของเธอทั้งที่เขาเป็นคนมีสมาธิดี เวลาทำงานต่อให้มีใครมาวุ่นวายกว่าการวางแก้วกาแฟเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่กับเธอมันแปลกออกไป
โดนไล่แล้วเธอก็ไม่คิดจะอยู่รีบออกมานั่งพิมพ์งานตามที่สมพงษ์สอนเอาไว้ ถึงในใจจะยังมีเรื่องอะไรติดค้างอยู่มากมาย ทั้งความคิดวนเวียนอย่างน่าอายกับเหตุการณ์เมื่อวาน และก็อาการของแม่เธอที่ดูแย่จนต้องจ้างเด็กข้างบ้านมาคอยเฝ้าเอาไว้
แพรวาตั้งใจทำงานขะมักเขม้นจนมีหลายคนเอ่ยปากชมเธอทั้งต่อหน้าและก็ฝากสมพงษ์มา แถมด้วยเรื่องมารยาทดีงามที่พนักงานหลายคนในบริษัทไม่มีกันอีกด้วย ทั้งที่เธอทำงานได้เพิ่งจะครบอาทิตย์แต่คำชมก็มีมาให้ได้รับแทบไม่ไหว แต่สำหรับเธอกำลังรอคำชมจากเจ้านาย แต่ก็เหมือนรอเก้อเขาไม่เคยชมหรือพูดอะไรกับเธอมากไปกว่าเรื่องงาน
“เก็บรายละเอียดงานให้เรียบร้อย อย่าให้เหมือนครั้งนี้อีก”
เขาไม่ได้มีแค่งานนั่งอยู่ในออฟฟิศตากแอร์เย็นสบายเท่านั้น เขายังมีงานอีกด้านที่ผู้บริหารอย่างเขาไม่จำเป็นต้องลงมาทำเองก็ได้อีกด้วย และวันนี้เขาก็ต้องออกมาเจองานแบบนั้น งานออกแบบตกแต่งภายในที่เป็นงานถนัดของเขาด้วยมันคือความสามารถพิเศษของเขาที่ไม่จำเป็นต้องลงเรียนให้เสียเงินเสียทอง แต่ดูท่าวันนี้งานที่เขาเพิ่งจะสั่งการไปเมื่ออาทิตย์ก่อนจะไม่คืบหน้าอะไรเลย ทำให้คนที่ต้องทนร้อน ทนฝุ่น ออกมาตรวจงานที่แสนจะเร่งรีบนี้ด้วยตัวเองเพราะอีกไม่กี่วันจะมีงานเปิดตัวคอนโดโครงการใหม่ของครอบครัวกำลังหงุดหงิดเสียงดังเป็นพิเศษ