“มีอะไรหรือเปล่าไหม วันนี้ลูกดูไม่ดีเลยนะ”
“ไม่มีอะไรจ๊ะ แม่นอนต่อเถอะ เดี๋ยวไหมขอไปอาบน้ำก่อนนะ”
แพรวาไม่ได้มองหน้าแม่ของเธอด้วยซ้ำไปทั้งที่อยากจะเข้าไปกอดให้หายตกใจและหวาดกลัว หญิงสาวรีบหยิบผ้าเช็ดตัวและตะกร้าใส่สบู่เตรียมตัวไปอาบน้ำอย่างว่องไว ไม่พูดไม่จาเอาแต่ก้มหน้าเดิน ปกติเธอจะต้องนั่งลงคุยกับแม่ก่อนหลังจากกลับมาทำงานและดูแลเรื่องอาหารการกินของแม่ให้เรียบร้อย รู้ตัวว่าทำตัวแปลกไปแต่เธอยังไม่พร้อมจะพูดอะไรกับใครในตอนนี้ทั้งนั้น
คนที่ลุกขึ้นจากที่นอนมาคุยกับลูกก็ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง แพรวาอาจจะเหนื่อยเกินตัวไป ไหนจะงานประจำที่มีเพิ่มเข้ามาทำให้ต้องออกเดินทางจากบ้านแต่เช้าและกลับเข้าบ้านมาในเวลามืดมิด และยังต้องทำงานพิเศษต่อเพื่อรอจนกว่าจะได้เงินเดือนเดือนแรกมาใช้ แถมยังมีเธอเป็นภาระให้ต้องดูแล คืนก่อนเธอก็เป็นไข้ลูกสาวคนนี้ก็แทบไม่ได้นอนเพราะต้องเช็ดตัวให้กับเธอ
ลูกคนนี้ของเธอช่างน่าสงสาร เพราะเธอเป็นเหตุแท้
“ไหมกำลังจะไปทำงาน แม่ไม่ต้องกังวลนะ เดี๋ยวเย็นไหมจะรีบกลับ แม่ต้องรอไหมนะ”
หญิงสาวกอดลาแม่ของเธอที่นอนซมอยู่บนเตียงของคนไข้รอคิวทำบอนลูนเส้นเลือดหัวใจก่อนจะออกไปทำงานตามปกติ เหตุการณ์เย็นวันนั้นทำให้เธอตัดสินใจลาออกแต่พอตกดึกแม่ของเธอก็ต้องเข้าโรงพยาบาลด่วนด้วยอาการโรคหลอดเลือดหัวใจตีบที่เกิดขึ้นมาแบบกะทันหันหรือนานแล้วแต่ตรวจไม่เจอด้วยเพราะมุ่งหน้ารักษาแต่โรคมะเร็ง และก็มีเพียงแพรวาเท่านั้นที่วิ่งวุ่นดูแลแม่ของเธอเพียงคนเดียว จะถามหาลูกสาวอีกคนเธอคนนั้นก็คงไม่มาด้วยมักบ่นว่าเหม็นกลิ่นโรงพยาบาลและมีสอบ ส่วนสมบูรณ์ผู้เป็นสามีก็ยังเมาไม่ได้สติอยู่ที่บ้านของเพื่อนที่ตั้งเป็นบ่อนการพนันเล็กๆที่ท้ายซอย
แต่แพรวาก็ไม่เคยท้อ เธอดูแลแม่ได้แม้จะเหนื่อยและไม่ได้นอนเลยทั้งคืน และด้วยอาการป่วยของแม่ที่ไม่ได้อยู่ในแผนการรักษาโรคมะเร็งเพราะเป็นอาการแทรกซ้อนทำให้เธอต้องใช้เงินเพิ่มมากขึ้น
เธอลาออกไม่ได้เพราะอีกไม่กี่วันก็จะสิ้นเดือนเงินเดือนที่ทำงานมาสิบกว่าวันจะออก เธอต้องการมันถ้าไปหางานใหม่เธอก็กลัวว่าเงินจำนวนนั้นอาจจะสูญไป และก็ไม่รู้งานใหม่จะหาได้อีกเมื่อไหร่
การมาทำงานของเธอเลยเป็นการหลบหน้าตาเจ้านาย นั่นคือหนทางที่ดีที่สุดที่จะทำให้เธอรอดจากเขา ถึงจะไม่ได้ตลอดเวลาแต่ก็ยังดีกว่าการนั่งอยู่คนเดียวที่หน้าห้องของเขาตลอดเวลา
และที่สำคัญเธอไม่ชงกาแฟเดินเข้าไปหาเขาในห้องหรือถึงแม้เขาจะเรียกหาเธอก็มักจะไปพาสมพงษ์เข้าไปด้วยตามข้ออ้างที่เธอสร้างขึ้นมาสารพัด โชคดีที่สมพงษ์เชื่อเธอ แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่เขาเรียกหาเพราะสมพงษ์ผู้เป็นพี่เลี้ยงในการทำงานของเธอมีงานต้องทำ ถึงไม่มีสมพงษ์เธอก็พยายามยืนห่างๆเขาเข้าไว้ในเมื่อชีวิตไม่มีทางให้เลือกเดินมากนัก
“มาทำงานครบอาทิตย์ก็มีตัวผู้มาติดพัน เก่งนิ นับว่ารวดเร็วดี ระวังหน่อยนะมือใหม่หัดโปรยเสน่ห์อย่างเธอ ระวังจะโดนไอ้พวกนั้นมันหลอกเอา”
ร่างหนาที่ทำงานข้ามเที่ยงยืนมองแม่เลขาสาวของเขาที่ภาพลักษณ์ของเธอทำให้เขาคิดไปไกลได้ว่าเธอจะไม่มีเรื่องผู้ชายให้ได้เห็นด้วยเพราะเธอดูกลัวเขาและทำตัวออกห่างเขาทั้งที่เขาเป็นเจ้านาย แต่เหมือนเขาคิดผิด พอครบอาทิตย์ก็มีผู้ชายห่อข้าวมานั่งกินเคียงคู่กับเธอถึงโต๊ะทำงานและก็มีน้ำใจซื้อทั้งผลไม้และก็กาแฟมาให้อีกด้วย เธอก็แค่สร้างภาพฉาบความมารยาร้อยเล่มเกวียนของเธอเอาไว้ คงหวังจะได้ค่าตัวเพิ่มเมื่อเขาอยากได้เธอจนหน้ามืดอีก
หนุ่มหน้ามนที่แวะมาขายขนมจีบกับแพรวาถึงหน้าห้องทำงานของท่านประธานรีบเก็บกล่องข้าวที่ยังไม่ได้กิน ก้มหน้าก้มตาลงลิฟต์กลับไปในชั้นที่ตัวเองทำงานอยู่ ด้วยกลัวจะโดนไล่ออกเพราะเอาของกินไปหาที่กินถึงหน้าห้องท่านประธาน รีบร้อนจนลืมล่ำลาหญิงสาวที่คิดว่าจะจีบและเธอก็ยินดีถึงขั้นเอ่ยปากชวนให้มานั่งกินข้าวด้วยถึงโต๊ะทำงาน
“ขอโทษค่ะ”
แพรวายกมือไหว้และรีบเก็บกล่องอาหารที่เป็นทั้งมื้อเช้าและมื้อกลางวันของตัวเองลงกระเป๋า มันไม่ได้เป็นอาหารอะไรเลิศหรูหรอกเป็นแค่ข้าวหน้าไข่เจียวที่ลงทุนจัดหามาในราคาไม่กี่บาท เธออยากประหยัดเงินมากขึ้นอีกเพราะอีกตั้งหลายวันกว่าเงินเดือนจะออกอีกอย่างต้องบำรุงแม่ที่ร่างกายทรุดโทรมให้เต็มที่เธอก็เลยเลือกที่จะอด และไหนยังจะค่าผ่าตัดที่เธออยากให้แม่เข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ต้องรอคิวนาน เธอไม่อยากให้แม่ต้องทนเจ็บปวด เธอเลือกที่จะฝืนกฎของที่นี่ด้วยการนั่งกินข้าวที่โต๊ะทำงานทั้งที่ด้านล่างของบริษัทมีโรงอาหารบริการเป็นอย่างดี
“อ่ะ ฉันให้ ถือว่าเป็นของขวัญสำหรับเลขาอย่างเธอ”
อรรณพหยิบของที่เขามักพกติดตัวเอาไว้ตลอดเพื่อความปลอดภัยส่งให้หญิงสาวถึงหน้าโต๊ะทำงาน ถุงยางอนามัยที่มีประโยชน์หลายอย่างและก็น่าจะจำเป็นต่อเด็กที่เพิ่งจะเจอกับโลกภายนอกอันกว้างใหญ่ใบนี้ ถึงก่อนหน้านี้เขาซื้อเอาไว้หวังจะใช้กับเธอก็ตาม และก็เสียดายที่คงจะไม่ได้เป็นคนเปิดซิงเธอ
“คุณอรรณพ”
“หรือจะให้ฉันก่อนคนแรก ก็โทรมานะ”
คนปากร้ายเดินเข้าไปในลิฟต์อย่างไม่สนใจอะไร เขาก็ปากร้ายเป็นปกติ พูดจาประมาณนี้กับทุกคนก็ไม่เห็นมีใครว่าอะไรเขา และที่เขาพูดกับเธอแบบนั้นก็เพราะอยากจะฟันเธอ บทจูบครั้งนั้นที่เธอไม่เต็มใจแต่เขาติดใจ ทำให้เขาคิดวนเวียนว่าถ้าได้ทั้งตัวขึ้นมาคงสุขน่าดู และก็อยากจะลบล้างความขายขี้หน้าในวันนั้นด้วยที่เธอวิ่งหนีเขาไปได้ทั้งที่เขากำลังจะรวบหัวราบหางเธอได้อยู่แล้วเชียว
แต่แพรวาไม่ได้สบายใจต่อการได้ฟังคำพูดอะไรแบบนั้นจากปากเขาเลย ถึงใบหน้าของเธอจะเป็นปกติแต่ในใจหาความสงบไม่ได้คิดวนเวียนถึงแต่กับพูดที่บาดแทงจิตใจและภาพอันทุเรศในวันนั้นก่อนจะหยิบของน่ารังเกียจนั้นทิ้งลงถังขยะไป และพิมพ์ใบลาออกรอไว้เมื่อถึงเวลาเธอจะไปจากที่นี่ทันที
“แม่แกจะตายหรือยังละ จะได้เตรียมไปจองวัด”
สมบูรณ์เอ่ยถามหญิงสาวที่กลับเข้าบ้านมาในตอนเย็นเพื่อจ่ายเงินค่าไปโรงเรียนให้กับน้องสาวและก็คงจะอาบน้ำเตรียมตัวไปนอนที่โรงพยาบาล สามวันแล้วที่ฤทัยไปอยู่โรงพยาบาลและถึงเขาจะไม่ได้ไปเยี่ยมแต่ก็ฟังมาจากปากชาวบ้านแถวนี้ก็พอรู้ได้ว่าอาการหนักพอสมควรก็คงอยู่ได้อีกไม่นานร่างกายอ่อนแอขนาดนั้น ที่อยู่ได้มาตั้งหลายเดือนจนแพรวาเรียนจบก็นับว่าบุญโขแล้ว และตอนนี้เด็กนั้นก็ได้งานทำก็คงจะนอนตายตาหลับในเร็ววันนี้ เขาก็แค่พูดให้เด็กคนนี้เตรียมทำใจเอาไว้ไม่ใช่วิ่งรอกหาเงินให้คนใกล้ตายใช้แทนที่จะมาตอบแทนบุญคุณเขาที่ยังต้องมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้อีกนาน
“ทำไมลุงอ้วนพูดแบบนั้น แม่ต้องหาย ไหมจะพาแม่ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลเอกชน”
แพรวาตั้งท่าจะเดินเลี่ยงหลบไปให้พ้นทางไม่อยากต่อปากต่อคำกับพ่อเลี้ยงของตัวเอง พูดอะไรเธอก็มีแต่จะผิด สมบูรณ์ไม่เคยฟังความอะไรจากปากของเธอเลยตั้งแต่ชมพูนุทเกิดอันนั้นเธอเข้าใจดีเพราะชมพูนุทคือลูกแท้ๆ เธอเป็นแค่ลูกติดท้องแม่เขาให้อยู่ร่วมบ้านด้วยก็บุญแล้ว ยิ่งเรื่องรักษาแม่สมบูรณ์ยิ่งแช่งให้ตายวันตายพรุ่งเธอยิ่งไม่อยากฟัง
“นี่แกมีเงินทำไมไม่ใช้ฉันเพิ่มห๊ะอีไหม แถมยังหักไปตั้งสิบบาท อีงก อีเห็นแก่ตัว”
ชมพูนุทที่กำลังนับเงินค่าขนมของวันพรุ่งนี้ที่แพรวาจ่ายเธอมาเป็นเศษเหรียญจำนวนมากและมันก็ขาดไปหญิงสาวตั้งท่าจะเดินเข้ามาหาเรื่องแต่เจอพ่อของเธอดักเอาไว้ก่อน พอได้ยินคำว่าโรงพยาบาลเอกชนที่คนระดับบ้านเธอไม่เคยมีใครได้เดินเข้าไป ร่างบางในชุดนักเรียนที่ผิดกฎโรงเรียนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าก็เดินข้ามหน้าข้ามตาพ่อของตัวเองเข้ามาหาเรื่องอีกคน
“มิ้งค์ แม่กำลังป่วยพี่ต้องใช้เงินช่วยกันประหยัดบ้างสิ”
แพรวาเอาเสื้อของตัวเองกันน้องสาวเอาไว้ก่อนที่เด็กคนนี้จะทำบาปด้วยการจิกหรือตบเธอ เสื้อสูทของบริษัททำจากผ้าเนื้อดีคงไม่ขาดง่ายๆ และก็ทนต่อกรงเล็บของเขาที่กำลังอารมณ์ขึ้นเพราะความหิวเงินได้ดี
“เอามาเพิ่มถ้าไม่อยากเจ็บตัว เร็วๆ ให้มิ้งค์ไป”
ชมพูนุทถูกแพรวาสลัดจนกระเด็นออกมา ดีที่เขารับร่างลูกสาวเอาไว้ทันไม่งั้นคงเจ็บตัว และเขาเองก็เข้าไปกระชากเสื้อสูทที่แพรวาเอาไว้ปิดบังร่างกาย เด็กคนนี้อบรมด้วยวาจาคงไม่ได้เดี๋ยวต้องมีลงไม้ลงมือกันบ้างจะได้รู้สำนึกว่าควรจะจ่ายเงินคนเป็นมากกว่าคนที่ใกล้ตายแบบนั้น
“ลุงอ้วนแต่ไหมต้องใช้เงินนะ”
“นี่ไงเพราะแบบนี้แกถึงจะพาแม่ป่วยๆ ใกล้ตายของแกไปรักษาโรงพยาบาลคนรวย บริษัทของเจ้าสัวธนินท์ บอกมาทำตำแหน่งอะไร บอกมาอีลูกกาฝาก”
เสื้อตกไปอยู่ในมือของผีพนันและเขาก็เห็นสัญญาลักษณ์ของบริษัทบนเสื้อเต็มสองตา สมบูรณ์เคยเป็นพนักงานขับรถให้กับเจ้าสัวธนินท์มาก่อนเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ถึงจะโดนไล่ออกมานานเพราะเริ่มติดเหล้า ขาดงาน และสุดท้ายถูกจับได้ว่าติดการพนัน แต่เขาก็จำได้ดีไม่มีวันลืม รูปเรือสำเภากับตัวหนังสือภาษาอังกฤษออกแบบอย่างลงตัวจากนักออกแบบมืออาชีพที่เป็นฝรั่งความภูมิใจของเจ้าสัวธนินท์ที่มักพูดให้เขาฟังตอนที่ยังทำงานอยู่