กำเนิดของมนต์ชญา

1539 Words
"อุแว๊ อุแว๊ อุแว๊" เสียงเด็กน้อยดังแว่วมาจากทางไปป่าช้า "เสียงเด็กที่ไหนดังแต่เช้าวะ" บุญล้อมสัปเหร่อของวัดที่สร้างบ้านไม้ขนาดเล็กอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณหลังวัดได้ยินเสียงขณะที่เขากำลังล้างหน้าล้างตาหลังจากตื่นนอนและเตรียมตัวไปช่วยหลวงปู่บัวบิณฑบาตร "หรือหูแว่วแต่เช้าเด็กที่ไหนจะมาร้องแถวนี้" บุญล้อมพึมพำกับตัวเองเพราะไม่คาดคิดว่าจะมีเด็กมาอาศัยอยู่แถวนี้บ้านของเขาอยู่หลังวัดก่อนถึงป่าช้าเพียงไม่กี่ร้อยเมตร "อุแว๊ อุแว๊ อุแว๊" เสียงเด็กยังคงดังไม่หยุด "ยังไงเสียแล้ววะ หรือเอ็งจะมาขอส่วนบุญ เออเดี๋ยวไปบิณฑบาตรกับหลวงปู่เสร็จข้าก็จะกลับมากรวดน้ำให้" "อุแว๊ อุแว๊ อุแว๊" คำพูดของบุญล้อมไม่ได้ทำให้เสียงเด็กเงียบหายไป "ไหนไปดูหน่อยสิวะ ยังไงกัน" บุญล้อมเป็นสัปเหร่อจอมขมังเวทย์เขาไม่เคยกลัวหากต้องเผชิญหน้ากับเหล่าวิญญาณหรือภูตผีปีศาจทั้งหลาย เขาสาวเท้าเดินเร็วๆเพราะกลัวจะสายไปช่วยหลวงปู่ไม่ทันแต่ใจก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเสียงมาอย่างไร เมื่อไปถึงป่าช้าเขาก็มองหันรีหันขวาหาต้นตอของเสียง จนกระทั่งมองเห็นห่อผ้าขาวที่ดุ๊กดิ๊กกระดิกไปมาได้อยู่ใต้ต้นกล้วยตานี "อ้าว เฮ้ย นี่มันเด็กจริงๆนี่หว่า" บุญล้อมอุทานตกใจพร้อมย่อตัวลงไปอุ้มเด็กขึ้นมา "เอ็งมาจากไหนวะ หรือใครเอามาทิ้งไว้ ผู้หญิงเสียด้วย น่าเกลียดน่าชังจริงนังหนู ใครกันนะมันใจร้ายเอาเอ็งมาทิ้งได้ลงคอ" "ไปๆเดี๋ยวไปหาหลวงปู่กัน" เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้แล้วจริงๆเขาจึงได้อุ้มเด็กออกไป ............................................................................................................ "นมัสการครับหลวงปู่ วันนี้ถ้ากระผมไม่ไปบิณฑบาตรด้วยมีเด็กวัดคนไหนไปด้วยหรือไม่ครับ" บุญล้อมถามหลวงปู่ "ก็มีนะ เดี๋ยวให้ไอ้เจ้าจ้อนมันไปช่วยก็ได้ ว่าแต่ทำไมหรือถึงไปไม่ได้ เอ้า!แล้วนั่นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ" หลวงปู่เมตตาแต่ก็สงสัยว่าเขาไม่เคยที่จะไม่ไปช่วยหากไม่จำเป็นเช่นไม่สบายจริงๆ หลวงปู่พูดพร้อมหันไปเตรียมบาตรไม่ทันสังเกตุในทีแรกว่าบุญล้อมหอบเอาอะไรมาในอ้อมแขนด้วย จนได้หันมาคุยอีกทีถึงได้สะดุดตาเข้ากับเด็กน้อย "เนี่ยแหล่ะครับต้นเหตุที่ทำให้ขอตัวในวันนี้" บุญล้อมยิ้มแป้นให้หลวงปู่ "กระผมได้ยินเสียงเด็กมันร้องมาจากทางไปป่าช้าหลังบ้านกระผมโน่นแหน่ะหลวงปู่มองหาใครก็ไม่มี น่าจะพวกพ่อแม่วัยรุ่นไม่มีปัญญาเลี้ยงเอามาทิ้งไว้" บุญล้อมสาธยายเหตุการณ์ความเป็นมาให้หลวงปู่ฟัง "แล้วนี่หมายความว่าโยมจะเลี้ยงนังหนูนี่มันนะรึ" "ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นครับหลวงปู่ เอ็นดูมัน จะว่าถูกชะตาก็ว่าได้ กระผมเองก็ไม่มีครอบครัวที่ไหนเลี้ยงมันไว้เอาบุญสักคนคงไม่เสียหลาย หลวงปู่ว่าไหมครับ" เขาหว่านล้อมให้หลวงปู่เห็นดีเห็นงามด้วย "ในเมื่อวาสนามันมาสัมพันธ์กันแล้วถึงจะไม่ใช่สายเลือดก็ถือว่ามีบุญได้มาเป็นพ่อลูกกันดีกว่าปล่อยให้เด็กมันเป็นกำพร้าเสียเปล่าๆ" หลวงปู่เองก็เวทนาในตัวเด็ก "ตัวยังแดงๆอยู่เลย ดีที่ไปเจอก่อนที่พวกมดพวกตัวเงินตัวทองจะมาคาบไป" ยิ่งพูดบุญล้อมก็ยิ่งสังเวชใจในชะตากรรมของเด็กน้อยผู้นี้ "ไปอยู่กับพ่อนะนังหนู" บุญล้อมโยกตัวไปมาเป็นการกล่อมเขาเองก็เลี้ยงเด็กไม่เป็นหรอกแต่อาศัยการได้เห็นคนเฒ่าคนแก่เห่กล่อมลูกหลาน "ให้นังหนูมันชื่ออะไรดีครับหลวงปู่" บุญล้อมขอความเมตตาหลวงปู่ช่วยตั้งชื่อให้ “ขออาตมากลับจากบิณฑบาตรก่อนนะแล้วเดี๋ยวเรามาว่ากันเรื่องชื่อลูกสาวคนใหม่ของเอ็งไอ้ล้อม ฮ่าๆๆ” หลวงปู่หัวเราะยิ้มให้ ซึ่งก็เป็นที่ชอบอกชอบใจของบุญล้อมไม่น้อยเลยทีเดียว …………………………………… “เราไม่รู้วันเดือนปีเกิด ก็ถือเอาฤกษ์ที่เราและเขามีวาสนาได้เจอกันก็คือวันนี้เป็นวันเกิดเลยก็แล้วกันนะ" หลวงปู่บัวกล่าวกับบุญล้อม "ได้ครับหลวงปู่" บุญล้อมน้อมรับตามหลวงปู่ "อืม หลวงปู่ให้ชื่อว่ามนต์ชญาแล้วกันนะแปลว่าชนะใจ" "เพราะมากเลยครับหลวงปู่ ชนะใจแล้วก็ชนะสิ่งไม่ดีด้วยนะครับ นังหนูมันถูกทิ้งให้อยู่ในป่าช้ายังรอดมาได้ ดวงมันแข็งไม่ใช่เล่น" บุญล้อมรู้สึกภูมิใจกับลูกสาวหมาดๆ "แล้วชื่อเล่นล่ะครับหลวงปู่" "เอ้า มาหลวงปู่จะรดน้ำมนต์ให้ก่อน เออให้มันชื่อเล่นว่าน้ำมนต์เลยแล้วกัน" หลวงปู่นึกขึ้นได้ก็เอาชื่อนี้เลยทันที "ดีเลยครับหลวงปู่เพราะทั้งชื่อจริงชื่อเล่น" บุญล้อมเห็นดีเห็นงามไปเสียหมด ด้วยว่ารักและนับถือหลวงปู่อะไรที่มาจากหลวงปู่เขาก็ว่าดีทั้งนั้น "พ่อจะเลี้ยงหนูให้ดีที่สุดเท่าที่พ่อจะทำได้เลยลูก" บุญล้อมดูรักและถูกชะตาเด็กหญิงคนนี้เอามาก "กระผมขอตัวก่อนนะครับหลวงปู่ จะได้ไปหานมหาผ้าอ้อมให้นังหนูน้ำมนต์มันด้วย" บุญล้อมขอตัวลาหลวงปู่ "เออ ไปๆ เจริญพรๆ" หลวงปู่อวยพรให้พ่อมือใหม่ในวัยกลางคน "เอ นังหนูนี่ดูท่าจะไม่ธรรมดา" หลวงปู่พูดขึ้นมาหลังจากที่บุญล้อมอุ้มมนต์ชญาออกไป สิ่งที่หลวงพ่อเห็นคือกลุ่มวิญญาณรูปร่างโปร่งแสงรัศมีสีทองเรื่อๆรายล้อมอยู่รอบๆตัวหนูน้อยแต่ไม่ได้มาเพื่อทำร้ายคล้ายว่ามาคุ้มครองมากกว่า ...................................................................................................................... "โอ๋ๆๆๆนอนนะลูก" เสียงบุญล้อมเฝ้าโอ๋เฝ้ากล่อมลูกน้อยไม่ห่าง "ไอ้กระจิ๊ดริด ไอ้กระจ้อยร่อย คืนนี้เอ็งอย่ามาหยอกมันนะเดี๋ยวมันไม่นอนทั้งคืน" บุญล้อมหันไปที่โต๊ะหมู่บูชาที่ด้านล่างสุดของชั้นเป็นขวดโหลขนาดเล็กที่มีตุ๊กตาไม้แกะสลักจิ๋วอยู่ข้างใน 2 ตน หรือรักยม นั่นเอง บุญล้อมเป็นสัปเหร่อที่มีวิชาอาคมพอตัวเพราะโดยอาชีพด้วย แต่เป็นทางสายขาวเอาไว้ป้องกันตัวและช่วยเหลือคนตามสมควร แต่เขาก็ไม่ได้มองเห็นผีทุกครั้งไปหรอก แล้วแต่กรณีจะปรากฎมาให้เห็น ส่วนเจ้ารักยมสองสหายก็มักจะมาสำแดงฤทธิ์ให้ได้ยินเป็นเสียงเสียมากกว่า "โครมมม ตึง" เสียงดังของ ของเล่นที่หล่นลงจากโต๊ะเหมือนเป็นการตอบว่ารับทราบแล้ว .............................................................................................................. บุญล้อมเลี้ยงน้ำมนต์ตามมีตามเกิดแต่ก็ให้ความรักความอบอุ่นกับเธอจนเธอเองไม่รู้สึกว่ามันขาด เขาให้การศึกษาจะมีมากมีน้อยเขาก็สู้เพื่อเธอ "แม่ตานีจ๋า เห็นกระจิ๊ดริดกับกระจ้อยร่อยไหม ไปซ่อนตั้งนานแล้วหนูหามันไม่เจอเสียที" เสียงเด็กน้อยน้ำมนต์ในวัย10ขวบเดินมาทางต้นกล้วยตานีแล้วก็หยุดยืนคุยกับต้นกล้วยนั้นเสียงเจื้อยแจ้ว "โน้นนนน มันอยู่โน่นแหน่ะ อย่าเข้าไปถึงป่าช้านะมันอันตราย ผีตายโหงตายห่ามาจากไหนบ้างก็ไม่รู้ไหนจะวิญญาณไม่มีญาติอีก" แม่ตานีแสนสวยบอกกับเด็กน้อยด้วยความเอ็นดูและเป็นห่วงเป็นใย "ขอบใจจ้ะ หนูไปหาเพื่อนหนูก่อนนะ" เพื่อนเล่นที่เธอเล่นด้วยแต่เล็กแต่น้อยก็คือเจ้ากระจิ๊ดริดกับเจ้ากระจ้อยร่อย รักยมที่พ่อบุญล้อมของเธอเลี้ยงเอาไว้นี่แหล่ะ "โป้ง ฉันเจอเธอแล้วกระจิ๊ดริด" หนูน้อยเดินอ้อมหลังต้นไม้แล้วก็ทำท่าโป้งกับอากาศ มีแค่เธอเท่านั้นที่เห็นวิญญาณพวกนี้ ทั้งหมดอยู่ในสายตาของบุญล้อมผู้เป็นพ่อ เขารู้ว่าเธอเป็นเด็กที่มีสัมผัสพิเศษ แต่เขาก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรมากนักเพราะรู้ว่ามีรักยมน้อยคอยตามดูแลเป็นเพื่อนเล่นอยู่ "ไอ้กระจิ๊ดริด ไอ้กะจ้อยร่อย อย่าพาน้องไปเล่นไกลนะ ถ้าดื้อไม่เชื่อพ่อจะตีด้วยหวาย" หลายครั้งที่ลูกสาวขอออกไปเล่น บุญล้อมก็จะตะโกนผ่านลมไปเสมอเป็นการบอกให้รู้ว่าดูแลน้องด้วย จะด้วยความเคยชินหรือด้วยความมีจิตที่เข้มแข็งน้ำมนต์ไม่เคยกลัวเลยเมื่อเห็นสิ่งลี้ลับทั้งดีและไม่ดี หากบังเอิญเจอวิญญาณเธอก็มักจะมาเล่าให้พ่อฟัง "พ่อจ๋า เมื่อกี้หนูเจอผีหัวขาด มันมาแกล้งหลอกหนู" เด็กหญิงพูดหน้าตาเฉย "แล้วเอ็งกลัวมันไหมล่ะ" บุญล้อมถามแกมหยอกเล่น "ไม่จ้ะ แม่ตานีมาไล่ให้พอดี มันไม่กล้าเข้ามาใกล้หนูหรอกจ้ะ" น้ำมนต์ยิ้มด้วยความภูมิใจที่เธอมีบอดี้การ์ดชั้นดี "ฮ่าๆๆ เอ็งมันลูกพ่อของแท้ไม่กลัวอะไรสักอย่าง" บุญล้อมหัวเราะชอบใจ ....................................................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD