เมื่อถึงเวลานัดหมายมนต์ชญาก็มานั่งรอกำปั่นเพื่อเดินทางไปขึ้นรถด้วยกัน
"พ่อจ๋าไม่ต้องไปส่งก็ได้อยู่ทำงานไปเถอะ แดดมันร้อนเดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งเอา ขนส่งอยู่ไม่ไกลน้ำมนต์ไปได้สบายมาก" มนต์ชญาเป็นห่วงพ่อ
"เอ็งนี่เห็นข้าแก่มากนักหรือไง" บุญล้อมทำท่างอนลูกสาว
"โอ๋ๆๆน๊า นั่นกำปั่นมาแล้ว น้ำมนต์ไปแล้วนะจ๊ะเดี๋ยวจะโทรมาหาอย่าลืมชาร์ทแบตไว้ด้วยล่ะ" น้ำมนต์ทำท่าสั่งผู้เป็นพ่อเพราะรู้ว่าเขาทำงานจนชอบลืม
มนต์ชญาวิ่งไปหาเพื่อนที่กำลังเดินมาเหมือนเป็นเด็กที่อยู่ในวัยทะโมน
"รอพวกเราด้วยจ๊ะน้องน้ำมนต์ บ๊ายบายนะพ่อ" สองรักยมตะโกนเรียกน้ำมนต์พร้อมหันมาโบกไม้โบกมือให้บุญล้อมแล้วลอยตามไป
..................................................................................................................................
"นี่ปั่นฉันว่าจะไปทำงานพิเศษช่วงปิดเทอมแล้วก็ทำเป็นพาร์ทไทม์วันที่ไม่มีเรียน แกอยากไปทำด้วยกันไหม พอดีพี่เขาเคยถามมาว่ามีเพื่อนแนะนำอีกไหมยังขาดคนอยู่" มนต์ชญาชวนเพื่อนรักระหว่างนั่งรถทัวร์เข้ากรุงเทพด้วยกัน
"ที่ไหนยังไงว่ามาถ้าได้เงินยังไงก็สน" กำปั่นพร้อมลุยขอแค่ได้เงิน
"เป็นทีมงานคอยดูแลศิลปิน"
"เฮ้ย ถามจริงได้งานดีขนาดนั้นเลยหรือ" กำปั่นสงสัยว่าจะได้งานดูแลศิลปินเลยหรือ
"ฉันพูดให้ดูดีไปอย่างนั้นและที่จริงก็เด็กยกของเก็บของน่ะแล้วแต่เขาจะใช้เพียงแต่ว่าเราทำงานในกองถ่ายหรือเป็นทีมงานเวลาจัดเตรียมสถานที่ให้ดารานักร้องนักแสดงพวกนี้ " มนต์ชญาสาธยาย
"โธ่พูดซะสวยหรูแล้วได้เงินดีป่าวล่ะ"
"ก็ค่าจ้างรายวัน 300 - 400 บาทมีโอทีนะถ้าต้องอยู่ดึก"
"ทำสิ แกทำฉันก็ทำ" กำปั่นตกลงด้วย
"พวกเราก็ทำด้วย" เสียงสองรักยมเกาะเบาะที่นั่งแล้วโผล่หัวขึ้นมาประสานเสียงกัน
"เขาไม่รับเด็กจ้ะ" มนต์ชญาแลบลิ้นให้
"ไม่เด็กนะที่จริงพี่เกิดก่อนน้ำมนต์ตั้งหลายสิบปี" กระจิ๊ดริดบอกเสียงใสไร้เดียวสา
"นี่ถ้าน้ำมนต์พาจิ๊ดริดกับจ้อยร่อยไปทำงานด้วยห้ามซนนะบอกไว้ก่อน" เธอหันหน้าไปทำท่าทางเหมือนคุณครูสั่งเด็กอนุบาล
หลังจากที่คุยเล่นกันไปเพลินๆ ทั้งคู่ก็หลับไปจนถึงสถานีขนส่งกรุงเทพ เพื่อนสองคนพากันนั่งรถไฟฟ้าแล้วเดินต่อเข้าซอยตรงไปยังหอพักกำปั่นและมนต์ชญาอยู่หอเดียวกันซึ่งเป็นหอนอกชายหญิงแต่คนละห้องคนละชั้น
"นี่ปั่นพรุ่งนี้เริ่มงานนะ เดี๋ยวไปด้วยกันเลยถ้าพี่เขาตกลงรับแกด้วยก็ทำด้วยกันเลย" มนต์ชญาบอกเพื่อนก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้าห้องตัวเอง
"ได้ยังไม่มีเรียนพอดี แล้วเจอกัน"
"เฮ้ออออ เหนื่อยจังเลยเดินทางแต่ละที" มนต์ชญาพูดพร้อมกระโจนลงเตียงนอนเอาหน้าฟุบลงที่หมอน
"น้ำมนต์ไม่อาบน้ำหรือ" เสียงสองรักยมมาดึงตัวเธอ
"ไม่อ่ะ นอนละ" เธอตอบทั้งที่ไม่ลืมตา
"ข้าวก็ไม่กิน น้ำก็ไม่อาบ เฮ้อ มนุษย์" กระจิ๊ดริดกะจ้อยร่อยส่ายหน้าระอาใจ
.....................................................................................................................................
วันนี้มนต์ชญาพากำปั่นเพื่อนสนิทมายังสถานที่ทำงานและตรงเข้าไปติดต่อถามหาฝ่ายบุคคลที่รับตนเข้าทำงาน
"สวัสดีค่ะพี่หนูมนต์ชญาที่มาเริ่มงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ค่ะ" เธอแนะนำตัว
"อ่อ โอเคแล้วอีกคนล่ะคะทำด้วยกันหรือเปล่า" ฝ่ายบุคคลถาม
"พอดีพี่คนที่เขาเป็นคนรับหนูเขาถามว่ามีเพื่อนด้วยไหมทีมงานยังขาดคนอยู่หนูก็เลยพามาด้วยค่ะเผื่อพี่เขาสนใจรับเลย"
"นี่เด็กฝึกงานหรือพี่ต้องการคนน่ะขอพี่ก่อนได้ไหมสองคนเลย" แพรวพราวผู้จัดการส่วนตัวศิลปินคนดังเดินมาหาฝ่ายบุคคลที่กำลังคุยกับวัยรุ่นทั้งสองคนอยู่
"อ้าวพี่แพรว พอดีจะให้น้องไปอยู่ทีมช่วยยกของของพี่น้ำค่ะ" ฝ่ายบุคคลอธิบาย
"พี่ขอด่วน คีตะกำลังจะมีงานคอนเสิร์ตทั้งงานสัมภาษณ์รายการออกกองละคร เต็มไปหมดเลย แล้วเด็กมันลากันกะทันหันพี่ไม่มีเด็กไปช่วยเลย ไหนจะบรรดาแฟนคลับงานมีตติ้งอีกไม่งั้นวุ่นน่าดู" แพรวพราวบ่นๆ
"ได้ค่ะพี่ ให้พี่ไปก่อนก็ได้ งั้นเธอสองคนไปกรอกเอกสารเพิ่มเติมเสร็จแล้วก็เดินตามพี่แพรวไปเลยนะจ๊ะ งานก็แล้วแต่พี่แพรวเขาจะสั่งเลย" ฝ่ายบุคคลตอบรับแพรวพราวแล้วก็หันไปสั่งเด็กทั้งสองคน
"ไปกำปั่นฟลุ๊คนะแกได้งานเลย" มนต์ชญาดีใจที่เพื่อนได้งาน
"ฉันได้ยินว่าไปทำงานกับทีมของคีตะหรือ โคตรโชคดีเลยอ่ะ ได้ใกล้ชิดศิลปินดังขนาดนี้ทำฟรีก็ยอม" กำปั่นพูดด้วยความดีใจ
"นั่นน่ะสิ นี่ถ้าเราจะขอถ่ายรูปกับเขา เขาจะถ่ายด้วยไหมนะ" เธออดตื่นเต้นตามไปด้วยไม่ได้
คีตะ นักร้อง นักแสดงหนุ่มรูปหล่อ ขวัญใจวัยรุ่นทั้งหลาย เขาเป็นที่ชื่นชมของสาวจริงและสาวเทียมทั้งประเทศ ด้วยใบหน้าคมเข้ม ผิวขาวใส จมูกโด่งได้รูปแถมมีลักยิ้มที่ยิ้มทีแทบจะทำใครต่อใครละลายไปต่อหน้า รูปร่างสูงถึง 180 เซนติเมตร เสียงดีร้องเพลงไพเราะและฝีมือการแสดงก็ไม่ธรรมดา ได้รับรางวัลนักแสดงนำและนักแสดงดาวรุ่งมาจนรางวัลเต็มตู้ไปหมด แฟนคลับเองก็มีจำนวนคับคั่งไปไหนมาไหนมีแต่คนห้อมล้อมอยากเข้าถึงตัวเขา จนเป็นที่น่าหนักใจของแพรวพราว ผู้จัดการส่วนตัวที่ต้องมาคอยแก้ปัญหาไม่เว้นแต่ละวัน
มนต์ชญาเองและกำปั่นก็เป็นหนึ่งในแฟนคลับของเขาเช่นเดียวกัน
"มา ตามพี่มานี่ พี่จะบอกงานคร่าวๆให้เธอสองคนฟัง ก่อนอื่นขอแนะนำตัวอีกครั้งนะจ๊ะ พี่แพรวพราวเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคีตะ ส่วนคีตะคงไม่ต้องบอกนะว่าเป็นใคร" แพรวพราวยิ้ม
"แล้วน้องสองคนล่ะแนะนำตัวเองหน่อย" แพรวพราวถามบ้าง
"หนูชื่อมนต์ชญาค่ะ เรียกน้ำมนต์ก็ได้ค่ะ"
"ผมกำปั่นครับ"
"โอเคจ้ะ ทีนี้งานของเธอสองคนคือเวลามีงานคอนเสิร์ตหรืออีเว้นท์ที่ไหนก็ต้องคอยเป็นลูกมือพี่ๆทีมงานหลักในการส่งของจัดของแล้วก็ยกของ อื่นๆก็แล้วแต่พี่ๆจะเรียกใช้ก็ช่วยๆไปตามกำลังของเราและหน้างาน เช่น เตรียมน้ำดื่มของว่าง อาหารให้ศิลปินทีมงาน ประมาณนี้ เวลางานไม่แน่นอนดังนั้นพวกหนูต้องจัดตารางวันเรียนกับวันรับงานกันเองนะจ๊ะ" แพรวพราวอธิบายยาว
"ไม่มีปัญหาค่ะ พวกเราทำได้" มนต์ชญายิ้มรับ
"ดีมากจ๊ะ งั้นวันนี้ไปเรียนรู้งานเบื้องต้นดูสถานที่ก่อน จะได้คล่องไม่เก้กังเวลาพี่ทีมงานเรียกใช้" แพรวพราวเป็นคนที่คล่องตัวสมกับเป็นผู้จัดการศิลปิน
"พี่แพรวผมขอดูลำดับคิวการขึ้นเวทีหน่อยครับ เผื่อมีอยากปรับเปลี่ยนตรงไหน" คีตะเดินมาพอดีและหยุดคุยกับผู้จัดการสาว
"อ่อได้จ้ะ"
แพรวพราวหันไปหยิบกระดาษงานคิวแล้วหันไปคุยกับคีตะ
"ว้าววว งุ้ยยยย ตัวจริงหล่อมากฉันอยากกรี๊ดอ่ะแก" มนต์ชญาหันมาทำหน้าเขินกับเพื่อนรัก
"จริงด้วยโคตรเท่ห์ นี่คือไอดอลฉันเลยนะแก" กำปั่นก็เป็นไปกับเธอด้วย
เมื่อคุยงานกันเสร็จคีตะก็เดินผ่านทั้งสองคนไปด้วยใบหน้านิ่งเชิดรักษาหมาดทั้งมนต์ชญาและกำปั่นจึงทำได้แค่มองตามแบบเหลียวหลังด้วยความชื่นชมยากจะหาอะไร
เปรียบ
แต่มองตามได้สักพักมนต์ชญาก็ต้องเอามือขยี้ตาตัวเองว่าสิ่งที่เห็นมันเป็นเพียงแค่ตาฝาดหรือเปล่า
"สงสัยจะตาฝาด"
"เป็นอะไรน้ำมนต์" กำปั่นถามเมือเห็นท่าทางเธอมองตามคีตะแบบไม่วางตา
"ฉันน่าจะตาฝาดน่ะ" เธอตอบเพราะไม่แน่ใจ สิ่งที่มนต์ชญาเห็นมันเป็นเงาสีดำที่คืบคลานตามคีตะไป ลักษณะเป็นเงาที่ไม่มีรุูปร่างเป็นกลุ่มควันสีดำทมึนสูงเกินศรีษะของคีตะ
คล้ายว่าจะกลืนร่างเขาแต่ก็ไม่เชิงมันคลุมอยู่ทั่วบริเวณรอบๆตัวเขา
"ไปเถอะไปทำงานกันเดี๋ยวจะโดนดุเอา"มนต์ชญาชวนกำปั่นไปทำงานตามที่ได้รับบรีฟจากแพรวพราว
.................................................................................................................................
"คีย์ พี่ว่าเราดูเหนื่อยๆนะ พักผ่อนน้อยหรือเปล่าช่วงนี้" ผู้จัดการสาวรุ่นพี่ทักเขาเมื่อเดินมาที่ห้องพักศิลปิน
"ผมก็นอนพักตามปกติของเวลาที่มีนะครับพี่ ถ้าจะว่านอนน้อยก็มีบ้างวันที่ถ่ายละครยันสว่าง แต่วันรุ่งขึ้นผมก็ไม่ได้มีคิวถ่ายผมก็นอนพักอยู่นะ ผมดูโทรมขนาดนั้นเลยหรือครับ
" คีตะไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเอง
"ก็ยังไม่ถึงกับโทรมหรอกแต่ดูไม่ค่อยสดชื่นน่ะ วันไหนไม่ไหวจริงๆก็บอกนะ ถ้ามีคิวพอเลื่อนได้พี่จะเลื่อนให้ เอาสุขภาพเราไว้ด้วย" แพรวพราวพูดพร้อมแตะที่ไหล่เขาด้วย
ความเป็นห่วง
"ขอบคุณครับพี่ แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องเร่งปิดกองคงต้องฝืนๆกันไปก่อนครับ"
"งั้นพี่ขอตัวไปดูงานด้านนอกก่อนนะแล้วเดี๋ยวเรามาไล่ดูคิวงานกันต่อ"
"ครับ"
"เออ พี่ลืมบอก มีแฟนคลับมาฝากของให้น่ะตั้งแต่เช้าแล้วพี่ลืมเอามาให้" แพรวพราวพูดพร้อมยื่นถุงกระดาษให้เขา
"แฟนคลับพวกนี้เขาก็น่ารักดีนะครับตามดูแลสนับสนุนผมตลอด โดยเฉพาะของกินผมใกล้จะบวมตัวแตกแล้ว" คีตะพูดไปพร้อมยิ้มไป
"ฮืมมมม" เสียงคำรามเบาๆลอยตามลมมา
"สร้อยคอ สวยดีแฮะ" เขาหยิบกล่องซึ่งอยู่ในถุงกระดาษนั้นแกะออกมาดูก็พบว่าเป็นสร้อยคอและร็อคเก็ตทรงรีที่เปิดมาก็มีรูปของเขาอยู่ด้านใน
เขายังไม่ได้ใส่มัน เก็บใส่กล่องและไว้ในถุงกระดาษตามเดิม
"เคร้งงงงง" เสียงของหล่นกลิ้งลงมาจากโต๊ะ
"อะไรหล่นน่ะพี่แพรว แก่แล้วซุ่มซ่ามนะ" คีตะแกล้งแซวแพรวพราวแต่ไม่มีเสียงตอบ
"พี่แพรว พี่แพรว" เขาเรียกสองครั้งเมื่อไม่มีเสียงตอบจึงหันหน้าไปดู
"อ้าว ไม่อยู่แล้วหรือ" เขาหันกลับมาอ่านเอกสารในมือต่อแบบไม่ได้ใส่ใจ
................................................................................................................................
จนถึงเวลาเย็น
"พี่แพรวคะ ถ้าวันนี้ไม่มีงานอะไรแล้วน้ำมนต์กับเพื่อนขอตัวกลับก่อนนะคะ แล้วพรุ่งนี้พวกเรามาใหม่ค่ะ" มนต์ชญาแจ้งขอตัวกับแพรวพราว
"ได้จ้ะ" แพรวพราวตอบกลับพร้อมจับต้นคอ
"ชู้วววว! ลงมาเดี๋ยวนี้" มนต์ชญาทำเสียงเอ็ดสองรักยมที่กำลังเกาะคอเกาะขาแพรวพราว
"ว่าอะไรนะจ๊ะ" แพรวพราวหันมาถามแต่มือก็ยังจับที่ต้นคอเหมือนเหมื่อยมากและขาก็ขยับไม่ได้ข้างหนึ่ง
"มะ มะไม่มีอะไรค่ะพี่พอดีน้ำมนต์พูดกับกำปั่นค่ะ" มนต์ชญาแถไป ใครจะกล้าบอกความจริงว่าสองตัวแสบแสนซนกำลังเล่นสนุกที่คอเธออยู่
"กะจิ๊ดริด กะจ้อยร่อย ถ้าไม่มางดขนมนะวันนี้" มนต์ชญาพูดแบบกัดฟันไม่อยากออกเสียงดัง
พอได้ยินว่าจะต้องอดขนมสองรักยมก็รีบเงยหน้ามองมาที่มนต์ชญาและทำตามคำสั่งทันที
"ก็ได้ๆ กำลังสนุก พี่คนสวยตัวห๊อมหอม"
"ไปนะคะ สวัสดีค่ะ" มนต์ชญาสะกิดกำปั่นให้เดินกลับด้วยน้ำเสียงมีพิรุธ
"จ้ะๆ สวัสดีจ้ะ เอทำไม่เมื่อกี้ปวดคอ ขาก็ขยับไม่ได้เมื่อคืนไม่ได้นอนตกหมอนนะ แล้วขาอยู่ดีๆก็เป็นเหน็บชา" แพรวพราวเดินไปพร้อมพูดคนเดียวด้วยความงุนงงว่าเธอเป็น
อะไร
"จิ๊ดริดจ้อยร่อย!" เมื่อเดินออกมาด้านหน้าอาคาร มนต์ชญาก็กอดอกเรียกสองแสบทันที
"จ๋าาาาาา" สองรักยมประสานเสียง
"ถ้ามาแล้วซนอีก น้ำมนต์จะไม่ให้มาด้วยแล้วนะ" มนต์ชญาคาดโทษ
"จ้า แต่ล้อเล่นนิดเดียวเอง อย่าโกรธน๊าาาา นะๆๆ" สองแสบตัวจิ๋วเขย่าแขนเธอออดอ้อน
"ไป กลับบ้านกัน เดี๋ยวไม่ให้กินขนมซะเลยนี่" เธอยังคงเดินบ่นไปตามทาง
......................................................................