บทที่4

1221 Words
“ผมนัดกับขวัญไว้ครับว่าจะออกไปหาอะไรทานกัน” รณพีร์ตอบพร้อมโผเข้าไปหอมมารดาอย่างเอาใจเมื่อเห็นท่านชักสีหน้าไม่พอใจส่งมาให้ ก่อนจะเดินผิวปากออกจากบ้านไปอย่างสบายใจ “ถึงยังไงน้องก็ยังชอบหนูข้าวมากกว่าอยู่ดี” คนเป็นแม่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยไล่ตามหลัง ไม่ว่ายังไงนางก็ชอบหนูขวัญข้าวมากกว่าหนูขวัญนรีที่มีนิสัยก้าวร้าวไม่น่ารัก ต่างจากคนเป็นพี่สาวที่อ่อนหวาน เรียบร้อย ซ้ำตอนนี้ยังเป็นหัวหน้าครอบครัวทำงานดูแลทั้งแม่และน้องสาว เด็กดีขนาดนั้นเชื่อว่าใครได้ไปเป็นสะใภ้คงโชคดีราวกับถูกหวย “คุณชอบ แต่ลูกไม่ได้ชอบนี่ เรื่องของหัวใจมันห้ามกันไม่ได้หรอกคุณมล ปล่อยให้ตาพีเขาเลือกของเขาเองเถอะ” สมบูรณ์เลือกที่จะวางใจเป็นกลาง แม้ว่าภายในใจจะคิดตรงกับภรรยาก็เถอะ รณพีร์มาถึงสถานที่นัดก่อนเวลาเล็กน้อย ก่อนจะพบกับร่างบอบบางในชุดน่ารักของขวัญนรีที่เดินตรงเข้ามาหาเพียงลำพัง ไร้เงาอีกคนที่เขากำชับให้พามาด้วยถึงได้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าวล่ะขวัญ” “พี่ข้าวไม่ว่างค่ะ ช่วงนี้กำลังยุ่งกับการเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว” ขวัญนรีตอบกลับอย่างไม่คิดใส่ใจต่อสีหน้าไม่พอใจของอีกฝ่าย เธอทิ้งตัวลงนั่งก่อนจะคว้าเมนูอาหารมาเปิดสั่ง ต่างจากอีกคนที่ดูเหมือนจะช็อกไปกับบางเรื่องที่เขาเพิ่งได้รู้ ซ้ำยังรู้จากปากของคนอื่น “เมื่อกี้ขวัญว่าอะไรนะ!” “อ้าว นี่พี่พียังไม่รู้เหรอคะว่าพี่ข้าวกำลังจะแต่งงานกับเสี่ยสามารถ เห็นแม่ว่าจะให้หมั้นกันไว้ก่อน ได้ฤกษ์แต่งเมื่อไรค่อยว่ากันอีกที” คำตอบที่ได้กลับมาทำให้เขาโกรธจนเกือบควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ที่ได้รู้เรื่องบ้านี่เป็นคนสุดท้าย ซ้ำยังได้รู้จากปากของคนอื่นด้วย “พี่พีเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” เพราะท่าทีที่ดูเปลี่ยนไป จากที่เคยยิ้มก็แสดงท่าทีไม่สบอารมณ์ใส่ทำให้ขวัญนรีอดไม่ได้ต้องเอ่ยถาม “เปล่าครับ ทานข้าวเถอะ ขวัญอยากทานอะไรสั่งได้เลยนะ วันนี้พี่เลี้ยงเอง” หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มรับเพื่อกลบเกลื่อนความไม่พอใจที่เขาจงใจไม่ตอบคำถามที่เธอต้องการจะรู้ ก่อนจะชวนเขาพูดคุยถึงเรื่องอื่น หวังจะสร้างความประทับใจดี ๆ ระหว่างกันให้เกิดขึ้นเหมือนช่วงเวลาวัยเด็กที่เธอยังคงจดจำทุกฉากทุกตอนได้ดีว่าเขารักและเอ็นดูเธอมากขนาดไหน การได้กลับมาพบกันอีกครั้งมันทำให้เธอรู้ใจตัวเองว่าเธอรักพี่พี และก็เชื่อว่าเขาเองก็น่าจะใจตรงกัน ความโกรธที่มีมาตลอดทั้งวันทำให้รณพีร์ตัดสินใจพาขวัญนรีกลับบ้านทันทีที่ทานข้าวเสร็จ ไม่ได้พาอีกฝ่ายไปดูหนังต่อตามที่ถูกอ้อนให้ต้องตามใจ ด้วยเหตุผลเดียวคือเขาตั้งใจจะมายืนดักรอใครอีกคน ที่กว่าจะโผล่หน้ากลับมาบ้านได้นั้นก็ปาเข้าไปถึงสี่ทุ่มกว่า “เรื่องใหญ่ขนาดนั้นทำไมไม่บอกพี่” คำถามที่มาพร้อมแรงกระชากทำให้ขวัญข้าวตกใจจนเผลอส่งเสียงร้องขึ้น จนเมื่อเห็นว่าเป็นใครเธอถึงได้เงียบเสียงลง ก่อนจะเอ่ยบอกเขาด้วยท่าทีเย็นชา “พี่พี ข้าวเจ็บนะคะ” มีไม่กี่คนหรอกที่กล้าทำร้ายเธอด้วยการฉุดกระชากเช่นนี้ และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น “ไปยกเลิกงานหมั้นบ้า ๆ นั่นซะ!” รณพีร์ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว เขาสั่งถึงสิ่งที่ต้องการ และเธอก็ต้องทำตามนั้นห้ามขัด หล่อนไม่มีสิทธิ์เอาตัวเองไปใส่พานเสนอให้กับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น ตราบใดที่เขาไม่อนุญาต ซึ่งแน่นอนมันคงไม่มีวันนั้น “ทำไมข้าวต้องทำแบบนั้นด้วยคะ” “นี่โง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่ ใคร ๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าไอ้เสี่ยตัณหากลับนั่นมันเจ้าชู้แค่ไหน” คงจะมีแต่คนเสียสติเท่านั้นที่ยอมไปเป็นเมียมัน เธอคิดบ้าอะไรอยู่ ถึงได้เอาตัวเองไปเสี่ยงกับเรื่องบ้า ๆ แบบนี้ “ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของข้าวเถอะค่ะ ข้าวตัดสินใจไปแล้ว และไม่คิดเปลี่ยนใจ” ขวัญข้าวยืนยันหนักแน่นถึงสิ่งที่เธอได้ตัดสินใจไปแล้วและคงไม่คิดเปลี่ยนใจ ที่จริงเขาไม่ควรมายุ่งกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะมันเป็นเรื่องของเธอไม่ใช่เขา “ตัดสินใจแล้วก็เปลี่ยนใจได้ หรือเราชอบไอ้บ้านั่น” คำสั่งที่มาพร้อมแรงบีบที่ต้นแขนทำให้เธอรู้สึกเจ็บจนต้องร้องบอกออกไป “พี่พีปล่อย ข้าวเจ็บนะคะ” “รับปากพี่มาก่อนว่าจะไม่หมั้นหรือแต่งกับใครทั้งนั้นแล้วพี่จะปล่อย” คนเอาแต่ใจยังคงยืนยันคำเดิมให้เธอยอมรับปาก แต่เรื่องอะไรที่เธอต้องทำตามใจเขาด้วย ในเมื่อเธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่เคยเป็น และจะไม่มีวันเป็น เพราะฉะนั้นเขาไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตเธอแบบนี้ “ไม่ค่ะ” คิดได้แบบนั้นเธอจึงปฏิเสธกลับไปอีกครั้ง และหวังว่าครั้งนี้เขาจะยอมรับถึงการตัดสินใจของเธอ เพราะนี่มันชีวิตของเธอ เธอจะทำยังไงกับชีวิตของเธอก็ได้ “ขวัญข้าว!” “ตาพี! ปล่อยน้องเดี๋ยวนี้นะ” เพราะเสียงทะเลาะที่ดังอยู่บริเวณหน้าบ้านทำให้กมลกับสามีที่ยังไม่หลับตกใจจนต้องรีบพากันออกมาดู ทันทีที่เห็นว่าบุตรชายกำลังฉุดกระชากลูกสาวคนโตของเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม ผู้เป็นแม่ก็อดไม่ได้ที่จะร้องห้ามขึ้นด้วยน้ำเสียงดุ ซึ่งมันได้ผลในทันทีเมื่อรณพีร์ยอมปล่อยแม่ตัวดีให้เป็นอิสระ ก่อนจะใช้สายตาดุดันสะกดเธอเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน แต่เหมือนว่าเขาจะลืมไปว่าขวัญข้าวในวันนี้ไม่ใช่เด็กว่านอนสอนง่ายคนเดิมอีกแล้ว “ขะ…ข้าวขอตัวก่อนนะคะคุณลุง คุณป้า” เพราะทันทีที่ได้รับอิสระเธอก็เอ่ยขึ้น ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้แต่เขาที่ได้แต่ยืนหงุดหงิดหัวเสียอยู่ที่เดิม “น้องไม่ได้อยากหมั้นหรอกนะ แต่เพราะไม่มีทางเลือกมากกว่า เราไปอยู่เมืองนอกเมืองนามานาน ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้สถานะทางการเงินบ้านนู้นกำลังติดลบ แม่กับพ่อก็ช่วยไปเยอะแล้ว ถ้าให้ช่วยมากกว่านี้ก็คงไม่ไหว” คำตอบที่ได้จากผู้เป็นแม่ไขข้อข้องใจในหลาย ๆ เรื่องให้แก่เขาในนาทีต่อมา มันทำให้ต้องหันไปมองเจ้าของแผ่นหลังบอบบางของคนที่กำลังเดินก้มหน้าเข้าบ้านอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD