ก๊อก...ก๊อก...
เสียงเคาะประตูห้องที่ดังขึ้นในกลางดึกของคืนวันนี้ ทำให้พิมพ์มาดาต้องถอนหายใจยาวด้วยความทุกข์ใจ ไม่อยากเปิดประตูให้กับมารดา หากไม่ได้ยินเสียงเรียกของท่านดังขึ้นมาหลายรอบ
“พิม เปิดประตูให้แม่หน่อยลูก”
อรดลาแทบยืนไม่ติด หลังจากเคาะประตูเรียกลูกสาวแล้ว แต่ลูกสาวไม่ขานรับสักที
“พิม...แม่ขอเข้าไปคุยด้วยได้ไหมลูก”
เมื่อการเรียกในครั้งแรกไม่เป็นผล อรลดาก็ตะโกนเรียกซ้ำ พร้อมกับเคาะประตูเรียกลูกสาวด้วย สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม เพราะลูกสาวขังตัวเองอยู่แต่ในห้องตั้งแต่หัวค่ำ ไม่เปิดโอกาสให้นางพูดเรื่องการไปแต่งงานเพื่อชดใช้หนี้ให้กับบิดา
ก๊อก...ก๊อก...
“พิม แม่รู้ว่าพิมไม่อยากพูดกับแม่ แต่ถ้าพิมไม่เปิดประตูให้แม่สักที แม่ก็จะยืนอยู่หน้าห้องของพิมจนกว่าพิมจะเปิดประตูให้”
พิมพ์มาดาอยากร้องไห้เหลือกำลัง หลังจากได้ยินคำขู่ของมารดา หญิงสาวจำต้องเดินลากเท้าอันหนักอึ้งมาเปิดประตูให้กับมารดาในที่สุด
“พิมไม่อยากพูดเรื่องที่คุณพ่อมาขอร้องพิม” หญิงสาวเอ่ยห้ามในทันทีที่เปิดประตูให้มารดาเดินเข้ามาในห้องนอนของเธอ
แต่...เป้าหมายของมารดาคือเรื่องที่ถูกลูกสาวสั่งห้าม นางจึงจำต้องเอ่ยขอร้องแกมหว่านล้อมลูกสาวดั่งที่ทำตั้งแต่หัวค่ำแล้ว
“ไม่พูดเรื่องนี้ไม่ได้นะลูก แม่อยากให้พิมทำตามที่คุณพ่อขอร้อง” ผู้เป็นแม่เดินไปดักหน้า พลางยื่นมือไปจับมือเล็กของลูกสาวมากุมไว้ ขณะเอ่ยขอร้องต่อ
“ทำเพื่อแม่ เพื่อพ่อสักครั้งนะลูก”
“จะให้พิม ทำเพื่อพ่อ...พ่อที่ไม่เคยสนใจดูแลพิม ด้วยการเอาชีวิตทั้งชีวิตไปแต่งงานกับคนที่พิมไม่เคยเห็นหน้าเลยหรือคะ พิมไม่แต่งเด็ดขาด”
พิมพ์มาดายังคงปฏิเสธเสียงแข็ง พลางเบือนหน้าหนีจากมารดา เมื่อเห็นท่านทำหน้าสลด ดวงตาแดงก่ำราวกับ กำลังจะร้องไห้
“แม่ขอร้องนะพิม จะให้แม่ไหว้หนู แม่ก็ยอม” อรลดาทำท่าจะทำตามที่พูดออกมา จนพิมพ์มาดาต้องร้องเสียงหลง
“คุณแม่! ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยคะ”
พิมพ์มาดาถึงกับน้ำตารื้นขอบตา เมื่อเห็นมารดาทำท่าจะไหว้ขอร้องเธอจริงๆ หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปากแน่น น้อยใจที่มารดาผลักไสเธอให้ไปตกนรกทั้งเป็น เพียงเพื่อช่วยบิดาที่แทบไม่เคยคิดว่าเธอเป็นลูก!
“ช่วยพ่อน่ะพิม ทำตามที่พ่อเลี้ยงตรินต้องการ แต่งงานกับลูกชายของเขา” อรลดาขอร้องอีกครั้ง
“พิม...พิมขอคิดดูก่อนค่ะ”
พิมพ์มาดาแบ่งรับแบ่งสู้ เอ่ยตอบมารดาพร้อมกับเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้ท่านเห็นหยาดน้ำตาที่กำลังจะร่วงรินเพราะความเจ็บใจ น้อยใจมารดา ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อบิดาที่ไม่เคยเหลียวแลพวกเธอเลย
“แม่จะรอคำตอบนะลูก แม่รู้ว่าพิมไม่มีทางยอมให้พ่อกับแม่ต้องไปตกระกำลำบาก ไปอยู่ในห้องเช่าแคบๆ แน่ จริงไหมลูก”
อรลดารู้ว่าลูกสาวมีจุดอ่อนอยู่ที่เรื่องความทุกข์ลำบากของนาง จึงยกเรื่องนี้มาพูดเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ลูกสาวตัดสินใจทำตามคำขอร้องของนาง
“พิมจะให้คำตอบกับคุณแม่อีกทีคะ ตอนนี้พิมปวดหัวมาก พิมขออยู่คนเดียวได้ไหมคะ”
หญิงสาวเอ่ยบอกเสียงแผ่วเบา ไม่ยอมหันไปมองหน้ามารดา เพราะไม่อยากให้ท่านเห็นน้ำตาของความอ่อนแอของเธอ
“จ้ะลูก พิมนอนพักก่อนนะลูก พรุ่งนี้แม่จะรอข่าวดีจากพิมจ้ะ”
พิมพ์มาดารอกระทั่งมารดาเดินออกไปจากห้องนอนแล้ว จึงร่ำไห้ให้กับโชคชะตาของตัวเอง ที่ต้องไปเป็นเครื่องสังเวยให้กับผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน
บทที่ 3
พิมพ์มาดาเต็มไปด้วยความหมองเศร้า ทอดสายตามองสองข้างทางถนน ขณะรถปาเจโร่คันใหญ่ กำลังเคลื่อนตัวด้วยความเร็วอย่างสม่ำเสมอตรงไปยังวริทธิ์ฟาร์ม...
“อีกไกลไหมคะ ว่าจะถึงวริทธิ์ฟาร์ม”
พิมพ์มาดาเอ่ยถามสารถี ซึ่งเป็นคนไปรอรับเธอที่สนามบิน เพื่อมายังฟาร์มเลี้ยงโคพันธุ์เนื้อที่เธอรู้มาว่าเป็นฟาร์มที่ดีและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วย
“อีกราวๆ สองร้อยกิโลฯ ก็ถึงแล้วครับ”
คนขับรถซึ่งแนะนำตัวเองว่าชื่อ ‘พนาธิป’ เป็นคนงานในวริทธิ์ฟาร์ม เอ่ยบอกเสียงราบเรียบ โดยไม่ลืมเหลือบสายตามองหญิงสาวที่ตีสีหน้าเศร้าสร้อยอมทุกข์ ทว่ายังคงความงดงามไม่มีเปลี่ยน
“อีกสองร้อยกิโลฯ ก็จะได้เห็นหน้าว่าที่เจ้าบ่าว!”
พิมพ์มาดาพึมพำเยาะหยันตัวเอง พลางนึกถึงตอนที่จำต้องทำหน้าที่ของลูกที่ดี ด้วยการยอมตกลงแต่งงานเพื่อล้างหนี้ให้กับครอบครัว ซึ่งหากเธอไม่ยอมแต่งงาน มารดาของเธอจะตัดแม่ตัดลูก ไม่พูดกับเธอจนกว่าจะตายจากกันไปข้าง
สามวันให้หลัง...หลังจากยอมทำตามคำขอร้องของมารดา ยอมตกลงแต่งงานเพื่อล้างหนี้ให้กับครอบครัว หญิงสาวก็ต้องไปลาออกจากงาน และเก็บกระเป๋าเดินทางมายังวริทธิ์ฟาร์ม เพื่อมาแต่งงานกับ ‘พ่อเลี้ยงวริทธิ์’ ลูกชายคนเดียวของพ่อเลี้ยงตริน
“ฮึ! จะแต่งงานอยู่รอมร่อแล้ว แต่ไม่เคยเห็นหน้าเจ้าบ่าว รู้จักแค่เพียงชื่อ น่าตลกชะมัด”
พิมพ์มาดาแขวะตัวเองอีกครั้ง ใช่! จะแต่งงานในวันนี้แล้ว แต่เธอรู้จักแค่ชื่อของว่าที่เจ้าบ่าวว่าเชื่อ ‘วริทธิ์’ ส่วนหน้าตาของพ่อเลี้ยงคนนี้จะเป็นยังไง เธอยังตอบไม่ได้เลย
พอได้ยินคำบ่นของพิมพ์มาดา พนาธิปอดไม่ได้ที่จะเอ่ยบอกถึงความดีของเจ้านายตนเอง เพื่อให้หญิงสาวรู้ว่าเจ้านายของเขาไม่ได้เป็นคนร้ายกาจดั่งที่เธอนึกคิด
“พ่อเลี้ยงวริทธิ์ เป็นคนใจดีนะครับ คุณพิม พ่อเลี้ยงรับชาวเขา รับคนในหมู่บ้านเข้าทำงานในฟาร์มโดยไม่สนใจว่าพวกผมจะมีวุฒิการศึกษาหรือไม่ พ่อเลี้ยงให้ทุนการ
ศึกษากับลูกคนงานทุกคน พวกเรารักพ่อเลี้ยงตรินและพ่อเลี้ยงวริทธิ์ ที่ทำให้ชีวิตของพวกเราดีขึ้น”
“พ่อเลี้ยงวริทธิ์อาจจะใจดีกับพวกคุณ แต่ไม่รู้ว่าเขาจะใจดีกับลูกหนี้อย่างฉันหรือเปล่า”
พิมพ์มาดาถอนหายใจเฮือกๆ อย่างปลงตก ได้แต่ภาวนาให้พ่อเลี้ยงคนนี้มอบความเมตตากรุณาให้กับลูกหนี้เช่นเธอบ้าง
“เชื่อผมเถอะครับ ว่าพ่อเลี้ยงตรินและพ่อเลี้ยงวริทธิ์ต้องชอบคุณพิมตั้งแต่แรกเห็น ขนาดผมเองยังรู้สึกชอบคุณพิมเลยครับ”
พนาธิปไม่ได้ชื่นชอบพิมพ์มาดาในทางชู้สาว แต่เขารู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็น และกล้าเอาหัวเป็นประกันว่าพิมพ์มาดาคนนี้นี่แหละ ที่จะได้ก้าวขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของวริทธิ์ฟาร์ม