เมื่อมิคกี้มาถึงบ้านก็เห็นคุณหญิงโสภิตาแม่ของเขานั่งรอยอยู่ที่ห้องรับแขก พร้อมกับพายัพพ่อของเขาซึ่งเป็นรัฐมนตรี และอีกหนึ่งคนชายหนุ่มรุ่นเดียวกับพ่อแม่ของเขา
“มิคกี้มานี่หน่อย”คุณหญิงโสภิตาปราดสายตามองมิคกี้ จนมิคกี้ไม่กล้าปฏิเสธที่จะเดินเข้ามา
“มีอะไรเหรอครับแม่”
“นั่งลงก่อนซิ ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่อยู่ได้”
“ครับแม่”มิคกี้นั่งลงๆข้างๆพ่อของเขา
“เดี๋ยวแม่จะแนะนำเพื่อนแม่ให้รู้จักนะ นี่อาเกรท เพื่อนร่วมรุ่นของแม่คณะอักษรศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยพิพัฒนเมธา”
“หวัดดีครับอา”เพียงมิคกี้หันไปมองหน้าเกรทเขาถึงกับตกใจ เพราะทั้งชื่อและหน้าคุ้นมาก มิคกี้จึงคิดย้อนหลังก่อนหน้าที่เขาสลบไป ทั้งชื่อและหน้าตานั่นคือเกรทชัดๆ เพียงแต่ตอนนี้ดูมีอายุขึ้น แต่เค้าโครงหน้ายังเหมือนเกรทตอนหนุ่ม ที่เขาพึ่งได้พบเจอเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งมิคกี้คิดว่าเป็นความฝัน
“หน้าตาเหมือน โสภิ มากเลย ส่วนรูปร่างสูงใหญ่ได้พ่อแน่เลย”เกรทยิ้มให้มิคกี้ ซึ่งมิคกี้ก็ยิ้มตอบ
“ขอบคุณครับ แต่ผมคุ้นหน้าคุณอามากเลย”
“อาจจะเห็นในรูปก็ได้นะ เพราะอากับคุณแม่มิคกี้ก็ถ่ายรูปด้วยกันบ่อย”
“ผมว่าเห็นในฝันตอนอาหนุ่มๆ”
“มิคกี้”คุณหญิงโสภิตาเสียงเข้ม
“คุณอารู้จักคนชื่อต่อไหมครับ”
“ใช่ต่อลูกกำนันบุญมีหรือเปล่า ถ้าใช่เพื่อนสนิทอาตั้งแต่วัยเด็กนะ”
“ตอนนี้คนชื่อต่อทำอะไรอยู่ครับ”มิคกี้รู้สึกตื่นเต้นมาก เขาไม่คิดแม้แต่น้อยเลยว่าย้อนเวลาไปยุคเก้าศูนย์ เขาคิดเพียงแต่เป็นความฝันแค่นั้น
“เป็นเกษตรกรที่บ้านเขานั่นแหละ ตอนนี้เขาก็มากรุงเทพกับอานะ แล้วมิคกี้ไปรู้จักเขาได้อย่างไงล่ะ”
“ฝันครับ แต่ฝันเหมือนจริงมาก ถ้าอาว่างพาผมไปหาคนชื่อต่อได้ไหมครับ”
“เกรท อย่าไปฟังมิคกี้มันพูดเลย เดี๋ยวนี้มันเพี้ยนหนักมาก จนฉันนี่ปวดหัวอยู่ทุกวัน”คุณหญิงโสภิตาพูด
“ผมไม่ได้เพี้ยนนะแม่”
“ไม่เพี้ยนแน่นะ”รัฐมนตรีพายัพพูดเสียงเข้ม
“ครับพ่อ”
“อย่าไปดุแกเลย ช่างมันเถอะ แกก็ถามตามภาษาเด็ก แต่จะว่าไปมิคกี้ก็หน้าตาเหมือนต่อตอนหนุ่มเหมือนกันนะ”เกรทมองมิคกี้อีกครั้งอย่างชัดๆ
“มีแต่คนพูดแบบนี้”มิคกี้เผลอพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ฮ่ะ”สามเสียงประสานกันด้วยความประหลาดใจกับคำพูดของมิคกี้
“ไม่มีอะไรครับ แล้วคนชื่อต่อได้เรียนหนังสือไหมครับ”มิคกี้ยิ้มแห้งๆ
“ไม่ได้เรียนนะ ตอนแรกกะจะเรียนรัฐศาสตร์แต่เปลื่ยนใจ อยากทำเกษตรอะไรของแกนั่นแหละ คนนี้มีความเป็นตัวตนสูง เอ่อ อาจำได้แล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งเขาไม่ให้เรียกต่อนะ ให้เรียกมิคกี้ชื่อเหมือนน้องมิคกี้เลย นิสัยก็เปลื่ยนไปพอสมควร แต่ก็เป็นแค่วันเดียวเอง”
“คนนั้นมิคกี้เองนั่นแหละ”
“เพ้อเจ้อ อย่าไปกวนอาเกรทเขาเลย”พายัพทนไม่ไหวที่มิคกี้ถามโน้นถามนี่เกรท
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับอาเยอะเลย ถ้าอายังไม่รีบกลับบ้านวันหลังเราคุยกันนะครับ”
“ได้สิ”เกรทยิ้ม
“มิคกี้”เสียงคุณหญิงโสภิตาดังขึ้น พร้อมด้วยสายตาพิฆาต จนมิคกี้หยุดถาม
“อย่าไปว่ามิคกี้เลย เราก็คุยถูกคอกับมิคกี้นะ เราไม่มีลูกไงได้คุยกับมิคกี้ก็เหมือนได้คุยกับลูก”
“คุณอาไม่มีภรรยาเหรอครับ”
“มิคกี้ เสียมารยาท”เสียงพายัพเข้มพร้อมที่จะจัดการมิคกี้
“ครับพ่อ”
“ถ้าง่วงก็ไปนอนซะ”คุณหญิงโสภิตาพูด
“ครับ เดี๋ยวจะไปนอนก็ได้”มิคกี้ลุกขึ้นยืนและมองหน้าเกรทอีกครั้ง ก่อนที่เขาเดินจากไปท่ามกลางความคิดที่สับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก
เมื่อมิคกี้ขึ้นมาบนห้องนอน เขาก็รีบอาบน้ำทันที หลังจากนั้นก็มานอนเล่นมือถือบนเตียงนอน เขาเปิดแกลอรี่ดูภาพที่เขาบันทึกไว้เรื่อยๆจนมาเจอคนที่เขาเคยรักมากๆเป็นภาพคู่กันที่ถ่ายบนเตียงนอน เขายังจำวันเก่าๆที่มีบอมบอมคนเคยรักเก่า อยู่ในเหตุการณ์ได้ทุกเรื่องราว ในระหว่างที่เขากำลังมองรูปอดีตคนเคยรัก เสียงไลน์ก็ดังขึ้นจนทำให้มิคกี้ได้สติ เขาจึงเปิดดูได้ไลน์ซึ่งเป็นของยูโรที่ส่งมา
“หลับหรือยัง”
“ยัง มีอะไรเหรอ”
“คิดถึงนายว่ะ”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า พึ่งจากกันเมื่อกี้นี้เอง”
“ไม่รู้เป็นอะไร จะนอนทีไรหน้านายก็โผล่ขึ้นมาทุกที”
“นายเป็นหนักมากเลยนะ จู่จู่จะมาคิดถึงกัน มันไม่ใช่เรื่องแล้วนะ”
“ทำไมจะไม่ใช่เรื่อง มันเป็นเรื่องราวที่เราคิดถึงนาย”
“ที่ส่งไลน์มามีแค่นี้เหรอ”
“ทำไม จะคุยเล่นกับนายบ้างไม่ได้เหรอ ก็นายน่ะไม่ค่อยเข้าไปเล่นฟุตบอล นานๆไปทีเพื่อนก็คิดถึงซิ”
“เรียนหนักไง ไม่ค่อยมีเวลาหรอก”
“เราก็เรียนหนักยังมีเวลาเลย นายต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ”
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้นายต้องไปเล่นฟุตบอลนะ”
“ก็ได้ถ้าไม่ได้ติดธุระอะไร”
“ก็ดี พรุ่งนี้เจอกัน”
“โอเค”
“หลับฝันดี”
เมื่อมิคกี้กดวางโทรศัพท์มือถือ เขาก็นอนครุ่นคิดเรื่องราวของเกรท เพราะเป็นความบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ เขาไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความฝันหรือความจริง ถ้าเป็นความฝันก็ไม่น่าจะฝันได้เหมือนจริงซะขนาดนั้น มิคกี้คิดวนไปวนมาจนเขาหลับไปในที่สุด
หลังเลิกเรียนมิคกี้ก็เป็นเล่นฟุตบอลตามนัดที่รับปากยูโรไว้ เมื่อทั้งสองเล่นฟุตบอลเสร็จก็เข้ามาอาบน้ำในห้องน้ำนักกีฬา ซึ่งทั้งสองรวมทั้งนักฟุตบอลคนอื่นๆก็แก้ผ้าล่อนจ้อนอาบน้ำกันทุกคน ในระหว่างที่อาบน้ำมิคกี้ก็รู้สึกได้ว่ายูโรจะมาอาบน้ำใกล้ๆ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนต่างคนต่างอาบแท่บจะไม่ได้คุยกัน แต่ในครั้งนี้ยูโรก็มาแปลก มาอาบน้ำใกล้ๆเขา
“อาบน้ำเสร็จแล้วไปไหนหรือเปล่า”ยูโรถาม
“ไม่ได้ไปไหนนะ กลับบ้านเลยนายล่ะ”
“ก็ไม่ได้ไปไหนนะ แต่อยากชวนนายไปกินข้าวด้วยกัน ไปไหม”ยูโรมองเรือนร่างของมิคกี้ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ และส่วนกลางลำตัวของมิคกี้
“ก็ได้เราก็เริ่มรู้สึกหิวข้าวอยู่พอดี”
“ไปกินที่ไหนดี แต่เราชอบกินข้างทางนะ”
“เหรอ ก็ดีเหมือนกัน เพราะเราไม่เคยได้ไปกินแบบนั้นเลย”
“ถ้าไปกินแล้วนายจะติดใจแน่นอน”ยูโรยังไม่เลิกมองส่วนกลางลำตัวของมิคกี้ จนมิคกี้สังเหตเห็น
“นายมองอะไรของเรานักหนาเนี่ย ของนายก็มีทำไมไม่มองเข้าไป”
“เอ่อ เปล่ามอง แค่คุยกับนายแล้วสายตามันเลื่อนผ่านไปเห็น”
“ก็เห็นอยู่ว่าจ้องขนาดนั้น”
“ไม่ได้จ้องนายเลย ตาฝาดแล้วแหละ อย่ามาใส่ร้ายเพื่อนนะ”
“ใส่ร้ายซะที่ไหน จ้องจนนึกอยากว่าอยากจะกิน”
“ให้กินไหมล่ะ”ยูโรยิ้ม
“นายมันบ้าไปแล้ว”
“ไม่ได้บ้านะ ถ้านายอยากให้กินเราก็กินของนายได้นะ”
“พูดอะไรไม่อายบ้างคนเยอะแยะ”
“ตรงนี้ไม่มีคนไม่มีใครได้ยินหรอก”ยูโรแกล้งเดินไปใกล้ๆมิคกี้
“ออกไปห่างๆเลยนะ อย่ามายุ่งกับของเรา ดูของไอ้นั่นของนายดีๆเหอะ มันเริ่มแข็งแล้วน่ะอายเขาไหม”มิคกี้อดขำไม่ได้
“อู้”ยูโรตกใจเพราะท่อนเอ็นของเขากำลังจะขยายใหญ่ ยูโรจึงเอาปิดไว้แล้วรีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพักกาย
มิคกี้หัวเราะน้อยๆพร้อมอมยิ้ม เพราะขำยูโรที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ซึ่งยูโรทำให้เขาหายเครียดไปบ้างพอสมควร แต่เขาก็กลับมาคิดถึงเกรทในความฝันอีกครั้ง และคิดถึงเหตุการณ์ที่เขาหยอกล้อกับเกรท ซึ่งเขาก็แน่ใจว่าไม่ได้รักเกรท แต่ที่ทำเช่นนั้นก็เพราะตีเนียนเป็นต่อ และมิคกี้รู้สึกเหงาๆพอดี และกำลังมีความต้องการเรื่องกามารมณ์ จึงเผลอกายเผลอใจคิดทำเรื่องอย่างว่าลงไป แต่กับยูโรมีความเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ก็ไม่ได้สนิทกันเท่าไรหนัก พอยูโรรุกเขาหนัก มิคกี้จึงไม่ทันตั้งตัวตั้งรับความรู้สึกนั้นได้ เขาจึงยังรู้สึกเฉยๆกลับยูโร
เมื่อยูโรกับมิคกี้หาที่จอดรถได้เรียบร้อย ยูโรจึงพามิคกี้มาที่ร้านอาหารตามสั่งข้างทาง ซึ่งเป็นครั้งที่สองที่ได้มากิน ครั้งแรกก็ช่วงที่หลงไปในอดีตที่ได้กิน
ยูโรได้พามิคกี้มาร้านอาหารข้างทางที่ไม่ได้หรู ซึ่งหน้าร้านก็เป็นเพียงรถเข็นธรรดา อยู่ใต้ร่มไม่ใหญ่ ไม่ได้มีการตกแต่งแต่ประการใด ซึ่งร้านนี้ยูโรมากินเป็นประจำ ครอบครัวของยูโรก็ได้รวยอะไรเลย พ่อและแม่ของยูโรเป็นพียงแค่ข้าราชการประจำ ไม่ได้ร่ำรวยแบบพ่อแม่ของมิคกี้ ยูโรจึงใช้ชีวิตง่ายๆแบบชาวบ้านทั่วไป
“นายนั่งก่อนเลยนะ เดี๋ยวเราไปตักน้ำมาให้”
มิคกี้มองยูโรไปที่วางน้ำดื่มฟรี มิคกี้เห็นยูโรหยิบแก้วมาสองใบ และนำน้ำแข็งใส่แก้วทั้งสองใบ และกดก๊อกน้ำจากระติกใส่จนเต็มแก้ว แล้วนำมาให้มิคกี้หนึ่งแก้วอีกแก้วของยูโร
“น้ำเป็นขวดไม่มีเหรอ”มิคกี้ไม่กล้าดื่มเท่าไร
“ไม่มีหรอก ถ้านายไม่กล้าดื่มเดี๋ยวเราเดินไปซื้อให้”
“ไม่ต้องหรอกเราดื่มได้”
“สั่งอะไรดี”
“มีอะไรบ้างล่ะ”มิคกี้ถาม
“ก็อาหารตามสั่งทั่วๆไปนั่นแหละ กระเพราไข่ดาว ข้าวผัด คะน้าหมูกรอบ ก็ประมาณนี้แหละ”
“ถ้างั้นเราเอากระเพราหมูไม่เผ็ดไข่ดาวนะ”
“โอเค รออยู่นี่แหละ”ยูโรเดินไปที่รถเข็นที่คนขายกำลังวุ่นกับทำอาหาร
มิคกี้นั่งมองไปรอบๆบริเวณที่ร้านอาหารตามสั่งข้างทาง และพลันไปเห็นเกรทเพื่อนแม่ของเขา กำลังเดินมาทางเขาพอดี
“อาเกรท”มิคกี้เรียกเสียงดังพร้อมกวักมือเรียก
เมื่อเกรทเดินมาถึง มิคกี้ถึงกับตกใจ เพราะคนที่อยู่ข้างๆเกรทเหมือนตัวเขาเอง ในวัยที่เป็นผู้ใหญ่ มิคกี้คิดว่าน่าจะเป็นต่อที่เขาเคยฝันว่าเป็นตัวเอง ยิ่งมิคกี้มองยิ่งทำให้เขาตะลึง ทันใดนั้นเองกิ่งไม้แห้งๆขนาดเล็กที่อยู่เหนือศีรษะมิคกี้ล่วงหล่นมาใส่ศีรษะของเขา หลังจากนั้นมิคกี้ก็สลบหลับไหล