"งั้นหรอกเหรอ คิกๆ ~" ฉันหลุดหัวเราะกับคำตอบของพัตเตอร์ ทำเป็นดุที่ไหนได้ก็แอบเป็นคนดีนี่น่า ดูจากใบหูที่ขึ้นซับสีแดงแล้วสงสัยจะชอบให้คนอื่นพูดขอบคุณด้วยอยู่หรอกใช่ไหม
"อย่าหัวเราะนะเว้ย เด็กใหม่อย่างเธออย่ามาตีสนิทฉันซะให้ยาก"
"ใครตีสนิทนายกัน อีกอย่างพูดดีๆ นะ ตอนนี้ฉันเป็นลูกพี่นายแล้ว"
"ลูกพี่บ้าบออะไร?"
"นายคงไม่ลืมหรอกใช่ไหม ว่าตกลงอะไรกับฉันเอาไว้" ฉันยกยิ้มอย่างเหนือกว่า พัตเตอร์ทำสีหน้าครุ่นคิดขึ้นมาสักพัก ก่อนที่ใบหน้าครุ่นคิดนั่นจะเปลี่ยนเป็นฉายความตกใจออกมาให้ได้เห็น
"นี่อย่าบอกนะว่า..."
"ที่หนึ่งในชั้นเรียนเลยจ้ะ" ฉันตอบอย่างมีจริต เล่นเอาคนที่ได้ยินขยี้ผมของตัวเองแรงๆ อย่างหัวเสียกันเลยทีเดียว
"โกหกน่า อย่างเธอนี่นะ"
"ฉันมันทำไมห้ะ ถึงฉันจะสวยจนเหลียวหลังก็เถอะ ฉันก็ฉลาดเหมือนกันนะ"
"โห้~ โคตรหลงตัวเองเลยว่ะ ถ้าเป็นฉันจะก็ว่าไปอย่าง" คนข้างๆ ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ เล่นเอาฉันกุมท้องหัวเราะรวนกับท่าทางของเขา
"คิกๆ ~ โอ๊ยขำไม่ไหว"
"หึๆ ฉันยอมให้เธอหัวเราะฉันได้แค่คนเดียวนะเว้ย ยังไงก็เกรงใจกันหน่อยละกัน" ถึงจะพูดเหมือนไม่พอใจอยู่ หากแต่ใบหน้าของเขากลับแย้มยิ้มออกมา
ไม่รู้ว่าพวกเราใช้เวลาในการหัวเราะกันไปนานเท่าไหร่ แต่ก็นานพอที่ท้องฟ้าสว่างสดใสเปลี่ยนเป็นมืดสลัว แสงไฟสีส้มจากเสาไฟใกล้ๆที่สาดส่องลงมา มากพอให้ได้เห็นพื้นหญ้าอยู่
"เวลาผ่านไปเร็วจัง ฉันกลับบ้านก่อนดีกว่า วันนี้ก็ขอบคุณนะ" ฉันยิ้มบอกกับพัตเตอร์ ก่อนจะหยัดตัวลุกออกจากชิงช้า เพื่อที่จะกลับบ้านทว่าสองขาเล็กก็ต้องชะงักเมื่อพัตเตอร์ได้เอ่ยถามขึ้นมา
"ที่เธอร้องไห้ มันเป็นเพราะใครหรือเปล่า?"
"....."
"ถ้ามีคนทำให้เธอเสียใจ ก็บอกฉันได้ฉันจะไปกระทืบมันให้เอง" พัตเตอร์เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้าของเขามันเหมือนกับกำลังโกรธแทนฉันอยู่ยังไงยังงั้น
"ขอบใจนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะต่อให้นายไปกระทืบเขา ก็ใช่ว่าเขาจะหันมาสนใจฉันซะหน่อย"
"แล้วเธอจะทนเหรอ?"
"ไม่แล้วแหละ ฉันตัดสินใจว่าจะไปเรียนที่อื่นน่ะ" ฉันไหวไหล่บอกอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เพราะยังไงฉันก็ไม่อยากจะทนรับกับความรู้สึกแบบนี้อีก สู้ไปกลับไปเรียนที่เดิมก่อนที่ฉันจะย้ายมาดีกว่า ถึงพ่อแม่จะอยู่ที่นี่แต่ที่นู่นก็มียายอยู่ เพราะงั้นพ่อกับแม่เลยอนุญาตให้กลับไปเรียนได้ ถึงตอนแรกจะไม่ยอมก็เถอะ
"ทำไมล่ะ ไม่เห็นต้องย้ายเพราะไอ้เฮงซวนคนนึงเลยนี่"
"ทำไมนายคิดถึงฉันหรือไง?" ฉันแกล้งถามอย่างติดตลก จะมีใครคิดถึงฉันได้ ฉันแค่คนที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเท่านั้นเอง
"ก็เออดิ ก็ต่อไปเธอจะเป็นลูกพี่ฉันไม่ใช่ไง ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ถ้าไม่มีลูกพี่อยู่แล้วลูกน้องอย่างฉันจะทำยังไง"
"นายนี่นะ ถึงฉันจะไปเรียนที่อื่นก็ไม่ได้แปรว่าฉันจะเป็นเพื่อนกับนายไม่ได้นี่ถูกไหม?"
"เพื่อนงั้นเหรอ?"
"ทำไมนายอยากจะเป็นลูกน้องฉันอย่างเดียวเลยไง"
"รับปากได้ไหม ว่าเธอจะติดต่อมาหาฉัน"
"อื้อ... ฉันสัญญา"
2 ปีต่อมา...
[ น้ำพุ TALK ]
ไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร ในระยะเวลาตลอดสองปีมานี้ ผมก็ได้แต่รอคอยคนตัวเล็กที่มายืนกดออดหน้าบ้านแล้วส่งยิ้มร่าเริงเหมือนอย่างทุกที แต่มันก็ไม่มีวันนั้นเลย
'ซีเซียเหรอ น้องย้ายกลับไปเรียนที่อื่นแล้วจ้ะ'
นั่นคือคำตอบของแม่ซีเซียในวันที่ผมตัดสินใจไปถามหาเธอที่บ้าน ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้ารู้ว่าหลังจากที่เจอกันวันนั้นผมจะไม่ได้เจอเธออีก ผมคงจะบอกเธอไปตามความรู้สึก
'จะไม่เหงา หรือคิดถึงเซียใช่ไหมคะถ้าเซียไม่อยู่จริงๆ'
คิดถึงสิ คิดถึงมากด้วย..
ผมน่าจะตอบออกไปแบบนี้ แต่ตอนนั้นผมทำเชี่ยอะไรอยู่วะ มานึกเอาตอนนี้แม่งก็สายไปแล้ว ตอนนี้ผมเรียนจบแล้วและกำลังทำงานต่อจากบริษัทของพ่อ เพราะธุรกิจของพ่อผมนั้นต้องการให้ผมเข้าไปช่วยหลังเรียนจบ
"ไอ้พุ เดี๋ยวนี้มึงไม่ไปสนามแข่งเลยนะไอ้เวร" เสียงของไอ้รามที่ดังขึ้นทำลายความคิดของผม ร่างสูงของไอ้รามนอนเหยียดขาพาดไปบนพนักพิงโซฟาตัวหนาในบ้านของผม
ต่อให้ผมไม่ไป พวกมันก็เสนอหน้ามาหาผมได้อยู่ดี ที่ผมไม่ไปส่วนหนึ่งก็เพราะติดงานที่บริษัท ส่วนอีกเรื่องคือผมคอยตั้งหน้าตั้งตารอ ว่าซีเซียจะกลับมากดออดเรียกผมเหมือนเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าต่อให้ผมอยากเจอเธอเท่าไหร่ตอนนี้ก็คงไม่ได้เจออีกแล้ว
"กูยุ่งกับงานที่บริษัท วันนี้มึงจะไปสนามแข่งใช่ไหม งั้นกูจะตามไปขอเคลียร์นี่ก่อน" ผมบอกกับไอ้รามแล้วรีบเคลียร์งานตัวเองให้เสร็จ ถึงมันจะไม่ใช่งานด่วนอะไร แต่เพราะไม่อยากให้สมองมันว่างแล้วคิดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก
"เออ ยังไงตามมาละกันกูไปรอที่นู่น" ไอ้รามหยัดตัวลุกขึ้นยืนแล้วตบบ่าผมเบาๆ ก่อนที่มันจะเดินออกไป
ทันทีที่ผมเคลียร์งานเสร็จก็อาบน้ำแต่งตัว เพื่อที่จะไปตามนัดที่บอกกับไอ้รามเอาไว้ก่อนหน้านี้ รถLamborghini รุ่นใหม่ล่าสุดเคลื่อนตัวรถออกจากรั้วบ้านด้วยความเร็วในระดับหนึ่ง ทว่าภาพตรงหน้าทำให้ผมต้องเหยียบเบรคเพื่อหยุดตัวรถเอาไว้
หญิงสาวในชุดนักศึกษากระโปรงทรงเอเลยเขาขึ้นไปเกือบถึงต้นขา อวดขาเรียวเล็กชวนมอง ผมสีน้ำตาลยาวสยายไปตามแรงลมถูกมือเล็กเกี่ยวขึ้นทัดใบหู ดวงตาสดใสของเธอเหลือบมามองยังรถของผมที่เพิ่งจะพ้นรั้วบ้านออกมา ก่อนที่ใบหน้าสวยหวานจะเบือนหน้ากลับไปส่งยิ้มให้ใครบางคนที่ก้าวเท้าลงมาจากรถแล้วส่งยิ้มกลับให้เธอเช่นเดียวกัน
ทันทีที่ผมแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดหรือคิดไปเอง คนตรงหน้าของผมตอนนี้เป็นซีเซียจริงๆ แล้วเธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?
ด้วยความดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง ผมก็รีบลงจากรถแล้วมุ่งตรงไปหาเธอทันที ซีเซียหันมามองผมเพียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้แสดงออกถึงความดีใจ แม้กระทั่งรอยยิ้มที่เคยมีให้ผม ในตอนนี้กลับไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าของเธอเลยสักนิด
"ซีเซีย..."
"เซียไปกันเถอะเดี๋ยวสาย" ก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไรออกไป ผู้ชายที่ลงมาจากรถก่อนหน้านี้เดินเข้ามาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้เสียก่อน
"ชิ~ ทำมาพูดนายต่างหากที่มาช้า" ปากอิ่มแย้มยิ้มกับคนข้างเธออีกหน สายตาที่เคยส่องสว่างสดใสยามจ้องมองตอนนี้มันกลับดูเย็นชาอย่างบอกไม่ถูก
"ซีเซีย กลับมาเมื่อไหร่เหรอ?" ผมเอ่ยรั้งเธอเอาไว้ ราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยโอกาสนี้ไป ผมจะไม่ได้เจอเธออีก
"ใครอ่ะ?"
"อ้อ.. สงจะเป็นพี่ข้างบ้านน่ะ ไปเหอะ" เธอปรายสายตามามองผมในตอนที่คนข้างกายเธอเอ่ยถาม ด้วยสายตาเรียบเฉยก่อนจะหันไปตอบอีกคนด้วยรอยยิ้ม
ไม่รู้ว่าเป็นคำพูดของเธอหรือเป็นเพราะผมโดนสาป ทำให้ปากไม่ยอมขยับเท้าก็ไม่ยอมทำตามที่สมองสั่ง ผมน่าจะเข้าไปหาเธอแล้วพูดอะไรสักนิด แต่พอถูกสายตาของเธอที่มองมาแบบนั้น มันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นตัวอะไรสักอย่างที่เธอรังเกียจ