แก้วกัลยาลอบมองคนตั้งใจที่กำลังห่วงใยข้อเท้าของเธอ เขานำเท้าเล็กๆ ของเธอวางบนตักของเขาอย่างไม่รังเกียจ ความรู้สึกหวั่นไหวจนหัวใจเต้นแรงแทบจะโลดออกมานอกอก
“เจ็บอีกไหม” เขาถามอย่างห่วงใย
“อุ๊ย! ไม่ค่อยเจ็บแล้วค่ะ” เธอสะดุ้งเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นถามในระยะกระชั้นชิด ลมหายใจของเขาเป่ารดใบหน้าของเธออย่างถนัดถนี่
“อยากพักไหม เดี๋ยวพี่อุ้มไปส่ง” เขาถามเสียงนุ่ม ชวนให้หัวใจสาวละลาย
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอรีบปฏิเสธ ดึงตัวเองกลับมาให้มีสติอีกครั้ง
“อย่าดื้อสิครับ” รัชวินทร์ยืนขึ้นแล้วอุ้มร่างน้อยน้ำหนักเบาเหมือนนุ่นขึ้นสู่อ้อมแขน
เธอไม่กล้าโวยวายหรือต่อต้านอะไรเขาอีกเพราะดูท่าเขาไม่ชอบให้ใครขัดใจ และเธอเองก็ไม่ชอบขัดใจใครด้วย จึงยอมให้เขาอุ้มแต่โดยดี
“ห้องนอนอยู่ไหนครับ”
“เอ่อ... พี่ราร์ดวางน้องแก้วที่ห้องนั่งเล่นก็ได้ค่ะ” เธอตกใจที่เขาจะอุ้มไปส่งถึงห้องนอน
“ทำไมครับ ไม่อยากให้พี่ไปที่ห้องนอนเหรอ” เขาถามอย่างรู้ทันเมื่อเห็นแก้มแดงปลั่งของเธอ ผู้หญิงอะไรน่าแกล้งนัก
“มันไม่ดีนะคะที่ผู้ชายจะเข้าไปที่ห้องของผู้หญิงตามลำพัง ชายหญิงไม่ควรอยู่ด้วยกันสองต่อสองในที่รโหฐาน” เธอรีบเอ่ยเตือนเขา
“ว้า... บ่นเป็นยายแก่เลยครับ ห้องอยู่ไหนคนดี พี่จะอุ้มไปส่ง” เขายังไม่ยอมวางเธอลงอย่างที่เธอต้องการ แก้วกัลยาอ่อนใจจำต้องบอกเขาไป เพราะเขากอดรัดอุ้มเธอเอาไว้อย่างเหนียวแน่น จะดิ้นก็กลัวตก จะต่อว่าเธอก็ต่อว่าใครไม่เป็น ด้วยนิสัยนั้นไม่เคยพูดคำหยาบ ไม่เคยพูดให้คนอื่นเสียน้ำใจ
“เห็นไหมครับ ถึงห้องแล้วไม่ต้องเดิน เจ็บข้อเท้าแบบนี้ควรจะพักผ่อนนะครับ” เขาวางเธอลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน แก้วกัลยาตัวเล็กบอบบาง พออยู่บนเตียงกว้างแล้วยิ่งทำให้ดูตัวเล็กน่าทะนุถนอมเข้าไปอีก รัชวินทร์ทอดสายตามองเธอไม่วาง ยิ่งมองยิ่งหลง...
“ขอบคุณพี่ราร์ดมากๆ ค่ะ” เธอรีบเอ่ยขอบคุณและทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง หวั่นไหวกับสายตาทรงเสน่ห์ของเขาที่กำลังทอดมองเธออยู่
“ลุกทำไมครับ นอนลงไปเลยคนป่วย เราต้องพักเท้านะ”
เขากดร่างเธอให้นอนลงไปบนที่นอนอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงคืบ แก้วกัลยาเบี่ยงหน้าหลบลมหายใจร้อนแรงของเขา เธอหลับตาปี๋หัวใจเต้นระทึก ริมฝีปากสั่นระริก รัชวินทร์เห็นแล้วสงสารปนอยากแกล้ง เขาแกล้งกัดเบาๆ ที่กลีบปากอมชมพูระเรื่อ ก่อนจะวกขึ้นไปกดจุมพิตที่หน้าผากนูนเกลี้ยง คนไม่เคยถูกชายใดสัมผัสมาก่อนถึงกับตาโต หัวใจยิ่งเต้นถี่ๆ ด้วยความรู้สึกเขินอาย
“คิดอะไรอยู่ครับ คิดว่าพี่จะจูบเราหรือไง” เขาล้อเลียนให้เธออายม้วน แก้วกัลยาหน้าแดงทำท่าจะพลิกร่างหนี แต่เขาก็ตามมากอดเอาไว้หน้าตาเฉย
“พี่ราร์ด ปล่อยนะคะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” เธอพยายามดิ้นแต่แรงน้อยนิดนัก สู้แรงของคนตัวโตไม่ไหว
“เห็นแล้วทำไมล่ะครับ ไม่เห็นแปลกเลย เราก็เหมือนพี่น้องกันนี่ครับ” เขาตอบหน้ามึน แกล้งตีเนียนแอบอ้างเป็นพี่น้องกับเธอ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดสนใจ
“พี่ราร์ดไม่เอานะคะ ปล่อยแก้วก่อน” เธอแกะมือเขาออกจากเอวบาง ยิ่งหวั่นใจถึงความไม่เหมาะที่เกิดขึ้น กลัวมีใครมาเห็นเข้า จะยิ่งอับอายและถูกตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไม่ดี
“ไม่ปล่อยมีอะไรไหม”
รัชวินทร์ยิ่งกอดรัด ซุกหน้าที่ซอกคอหอมกรุ่น ก่อนจะกดซ้ำๆ ที่แก้มนวลเนียน ผู้หญิงอะไรตัวเล็กแต่สัดส่วนความเป็นหญิงเต็มไม้เต็มมือ แก้มหอม ตัวหอม ผิวนุ่มนิ่มเหมือนผิวเด็ก เขาไม่เห็นไฝฝ้าหรือรอยแผลอะไรให้รำคาญตา ตอนเด็กๆ จำได้ว่าเธอว่านอนสอนง่าย อยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือน จึงไม่เห็นรอยแผลขีดข่วนให้เห็นแม้แต่น้อย แก้วกัลยาไม่ใช่เด็กซุกซนปีนป่ายต้นไม้ แต่ชอบช่วยงานบ้าน ทำขนม ร้อยมาลัย ขลุกอยู่แต่ก้นครัว
“พี่ราร์ดอย่าแกล้งแก้วแบบนี้สิคะ” แก้วกัลยาตัวสั่นสะท้าน เธออายเมื่อโดนแนบชิด หัวใจยิ่งเต้นกระหน่ำเหมือนแทบทะลุ อยากจะเอาหน้ามุดเตียงหนีถ้าทำได้ เกิดมายังไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนกอดรัดจูบหอมแบบเนื้อแนบเนื้อแบบนี้มาก่อนเลย อีกทั้งผู้ชายทุกคนก็ให้เกียรติเธอ ไม่จู่โจมลวนลามแบบที่รัชวินทร์กำลังทำอยู่
“นอนตัวแข็งเชียว” เขากระซิบที่ริมหู แอบกัดเบาๆ จนเธอต้องเบี่ยงหน้าหนีด้วยความสยิว
รัชวินทร์นึกเอ็นดูปนสงสารคนที่นอนตัวแข็งอยู่ในอ้อมแขน เขาเลยคลายออกแต่ยังไม่ยอมปล่อย สายตากวาดมองรอบห้องกว้างที่สะอาดสะอ้าน ข้าวของจัดเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนจะวกกลับมามองคนที่ก้มหน้างุดจนคางแทบติดกับอกด้วยความมันเขี้ยว
“ให้พี่นอนกอดหน่อยนะครับ พี่ง่วงจังเลย เดินทางมาเหนื่อยเหลือเกิน อยากพักเต็มที” เสียงของเขาง่วงจริงๆ เห็นหรอกว่าคนในอ้อมแขนกำลังทำท่าจะร้องไห้ แต่เขาก็ไม่คิดปล่อย การได้กอดร่างนุ่มนิ่ม หอมๆ ในอ้อมแขนทำให้เขายิ่งง่วงนอน อยากจะหลับอย่างเป็นสุขมากขึ้น
“แก้วไม่ใช่หมอนข้างนะคะ” เธอพูดเสียงแผ่วอย่างเกรงอกเกรงใจ ดิ้นหนีไปไหนไม่รอดเมื่อขยับเขาก็ขยับตาม ดึงกลับมากอดรัดแนบอกอยู่แบบนั้น
“อยากให้เป็นหมอนข้างครับคนดี” รัชวินทร์กดจุมพิตหอมแก้มนวล ก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง แก้วกัลยานอนแข็งค้างอยู่สักครู่ พอเห็นว่าเขาหายใจสม่ำเสมอ เธอทำท่าจะลุกหนี แต่โดนเขาคว้ากลับไปกอดเอาไว้เหมือนเดิม กักร่างเล็กเอาไว้ไม่ยอมให้หนีหายไปไหน
“ห้ามหนีลงจากเตียงนะครับ ไม่งั้นพี่ปล้ำจริงๆ นะ” คำขู่ของเขาได้ผลนักเพราะเธอไม่กล้าแม้แต่ขยับ จะหายใจยังไม่กล้าหายใจแรง นอนอยู่แบบนั้นจนเมื่อยก่อนจะค่อยๆ หลับลงไปเพราะสายลมที่พัดเอื้อยเข้ามาเย็นสบายนัก
รัชวินทร์หลับลงอย่างเป็นสุข กลิ่นหอมกรุ่นเย็นสบายที่แตะจมูกทำให้เขามีความสุขอย่างประหลาด ถ้าได้นอนกอดร่างหอมๆ นุ่มๆ แบบนี้ทุกวันคืนคงจะดีไม่น้อย
“ดูลูกชายสุดสวาทของเธอสิยายเกด” ยายกิ่งแก้วที่มาด้อมๆ มองๆ อยู่หน้าประตูค้อนให้บุตรสาวเมื่อเห็นเด็กๆ กำลังนอนกอดกันกลม หลับปุ๋ยกันไปด้วยความเหนื่อยอ่อน แทบจะเข้าไปแยกคนทั้งสองออกจากกัน แม้แก้วกัลยาไม่ใช่หลานในไส้ แต่รักยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด จึงเริ่มรู้สึกหวงเป็นธรรมดา
“โธ่... คุณแม่จะมาหวงหนูแก้วไม่ได้แล้วนะคะ ไหนเอ่ยปากยกให้เป็นว่าที่สะใภ้ในอนาคตของเกดแล้ว” การะเกดรีบท้วงเพราะกลัวมารดาเปลี่ยนใจ เนื่องจากพ่อลูกชายตัวดีปากว่ามือถึง สายตากรุ้มกริ่มเสียเหลือเกิน แล้วก็ทำท่าจะงาบหลานรักของคุณยายเสียตอนนี้
“หวงก็หวงอยู่หรอก แต่แหม... พ่อเจ้าพระคุณพ่อทูนหัวของเราน่ะทำท่าจะกินตับยายแก้วตั้งแต่ตอนนี้ แม่ชักจะห่วงแล้วสิ ดูนั่นนอนกอดกันกลม ทำยังกับเป็นผัวเมียกัน แม่ละลมจะจับ”
ยายกิ่งแก้วมองแล้วแสลงใจ สอนให้แก้วกัลยารักนวลสงวนตัว แถมยังไม่รู้เท่าทันผู้ชายอีก แล้วจะไปตามหลานชายมากประสบการณ์แสนเจ้าชู้ของท่านได้อย่างไรกัน
“คุณแม่อย่าลืมสิคะว่านี่คือแผนการของคุณแม่” การะเกดหัวเราะคิก เธอก็ห่วงใยแก้วกัลยาจากใจจริง แต่ก็อยากให้ลูกชายจับกินให้รู้แล้วรู้รอดกันไป จะได้จับแต่งงานซะให้เรียบร้อย เพราะรอบกายมีผู้ใหญ่อยู่แบบนี้ รัชวินทร์ไม่กล้าปฏิเสธแน่นอนถ้าถูกจับได้ว่าทำผิดคาหนังคาเขา
“จ้ะ แม่คุณ เดี๋ยวดูเอาเถอะ แม่จะแกล้งเสียให้เข็ดเชียว ทำเป็นปากแข็ง พอเจอหนูแก้วของแม่ละก็ทำท่าจะรวบหัวรวบหางเขาตั้งแต่วันแรก” ยายกิ่งแก้วค้อนให้บุตรสาวที่ดูยังไงก็เข้าข้างลูกชายจนออกนอกหน้า ถ้าทำได้คงเข้าไปจับแก้วกัลยาใส่พานให้พ่อลูกชายตัวดี