EP.1 เจคอป คาเวนดีน
โคร่ม!
….
..
.
[เจคอป คาเวนดีน]
ณ เพนต์เฮาส์หรูใจกลางกรุง
"ทำไมเราต้องเลื่อนงานแต่งออกไปด้วยล่ะเจค" ชมพูเดินตรงเข้ามาพูดใส่ใบหน้าของผมด้วยท่าทางไม่พอใจ
ที่ผมได้ประกาศขอเลื่อนงานแต่งออกไปอย่างไม่มีกำหนด ต่อหน้าทุกคนในครอบครัวและคนอีกมากมายในคืนวันนี้
"นี่เราเลื่อนงานมาสองรอบแล้วนะ...เจคเคยคิดถึงหน้าชมพู... หน้าครอบครัวของชมพูบ้างไหม" ชมพูที่เห็นว่าผมไม่ตอบโต้กลับ เธอก็ยิ่งแผดเสียงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากที่เธอพยายามนั่งเงียบมาตลอดทางกลับคอนโด ตอนนี้เธอก็ระเบิดอารมณ์ออกมาใส่หน้าของผมจนหมด
"ไว้ใจเย็นแล้วค่อยคุยกันดีกว่านะ" ผมถอนหายใจและพยายามเลี่ยงการปะทะกันระหว่างเราสองคน
เสียงกระแทกเท้าของเธอดังก้องไปทั่วห้อง ร่างบางเดินตามหลังผมมาติด ๆ
ในขณะที่ผมยังคงยืนก้มหน้า ปลดกระดุมเสื้อสูทสีดำสนิทออกอย่างช้า ๆ และพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
"สรุปว่าจะแต่งหรือไม่แต่งกันแน่ ฮะ?" ชมพูเดินอ้อมมาหยุดที่ข้างหน้าอีกครั้ง และยังคงถามเซ้าซี้ไม่เลิก
"ถ้าไม่พร้อมจะหยุด แล้วมาขอฉันแต่งงานทำไมอะ" เธอเดินมาถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
"…." ผมสูดลมหายใจเข้าและออกซ้ำ ๆ อยู่นานเกือบสามสิบวินาทีได้
"ว่าไงอะเจค" ชมพูแผดเสียงลั่น พร้อมกับเขย่าแขนของผมเพื่อเค้นเอาคำตอบให้ได้
"งานศพย่าก็ยังไม่ทันจะได้เผาเลยชมพู...จะให้เตรียมจัดงานแต่งตอนนี้" ผมกระแทกเสียงตอบกลับไปด้วยความโมโหไม่ต่างกันเลย
"มันไม่เหี้ยไปหน่อยรึไงวะ" ผมขมวดคิ้วก้มหน้าลงมองเธอ และสบถออกไปอย่างลืมตัวด้วยความโมโหสุดขีด
ในตอนนี้ผมไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเธอจะรีบแต่งอะไรกันนักหนา ทั้ง ๆ ที่วันนี้เราสองคนก็เพิ่งไปงานสวดอภิธรรมศพคุณย่าของผมมาแท้ ๆ ทุกคนในงานกำลังโศกเศร้า และผมเองก็เพิ่งจะสูญเสีย แต่ชมพูกลับมาไม่พอใจที่ผมเลื่อนวันแต่งงานของเราออกไปก่อนแบบนี้เนี่ยนะ
‘เดี๋ยวก็ป่วย เดี๋ยวตาย... คุณย่าเนี่ยขัดขวางความรักของเราทั้งตอนเป็นและตอนตายเลยจริง ๆ เนอะ' ชมพูมุบมิบริมฝีปากของเธอบ่นออกมาเบา ๆ ทั้งน้ำตา
"…." ผมกำหมัดแน่นและหลับตาลงพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด
"เจคจะถือว่าไม่ได้ยินสิ่งที่ชมพูดออกมาแล้วกันนะ!" ผมกัดฟันแน่น เอ่ยบอกกับเธอไปด้วยความใจเย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้ ผมคงยกฝ่ามือตบปากฉีกไปแล้ว แต่เพราะเป็นเธอ ผมเลยทำได้แค่เพียงปล่อยผ่าน ไม่ใส่ใจ ทำเป็นไม่ได้ยินไป
ชมพูเดินไปหยิบโทรศัพท์ของเธอ และกดโทรหาคนขับรถที่บ้านของตัวเอง
"ลุงเพิ่มวนรถมารอที่หน้าเพนต์เฮาส์ได้เลยนะคะ...ชมกำลังจะเดินลงไป" เธอกดวางสายและยัดโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพาย ก่อนจะเดินตรงออกไปจากห้องของผมในทันที
"อย่าไป!" ผมเดินไปยืนขวางที่หน้าลิฟต์เพื่อหวังจะรั้งเธอเอาไว้
ฟุ่บ! เธอสะบัดมือของผมทิ้งอย่างแรง
"ชมทนเพื่อเจคมามากแล้วเหมือนกัน เจคจะนอกกาย มีกิ๊ก ไปมั่วกับดาราที่ไหน ชมก็อดทนได้เสมอ ...แต่ชมขอแค่ให้เราแต่งงานกันตามพิธี ขอแค่เจคให้เกียรติชมบ้าง...มันยากมากใช่ไหม" ชมพูเดินตรงเข้ามาพูดใส่หน้าผมทั้งน้ำตา และผลักแผ่นอกของผมอย่างเต็มแรง
"มันไม่ใช่แบบนั้น มีเหตุผลหน่อยสิ" ผมยืนกุมขมับ และทำได้แค่มองดูเธอเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าและหมดแรงจริง ๆ
วันนี้ทั้งวันผมยุ่งกับเรื่องงานศพของย่า ดูแลแขก และแทบไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน ผมไม่มีแรงจะเถียงอะไรกับเธอแล้ว
ในตอนที่ชมพูเดินกระแทกไหล่ของผม ตรงเข้าไปอยู่ในลิฟต์ด้านนอกห้องรับแขก ผมเดินตามเธอไป และใช้มือดันประตูเอาไว้ เพื่อถามเธออีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย
"ยังไงเราสองคนก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้ว...เธอรออีกแค่ห้าถึงหกเดือน ให้เรื่องงานของย่าผ่านไปสักพักก่อนไม่ได้เลยจริง ๆ เหรอ" ผมเอ่ยถามต่ออย่างไม่เข้าใจเลยว่า แฟนตัวเองคิดบ้าอะไรอยู่กันแน่ ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
"ไม่ได้!" ชมพูตอบกลับผมด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
"ทำไม" ผมยังไม่ทันจะถามต่อเธอก็กดปิดประตูลิฟต์ซ้ำ ๆ จนทำให้ผมต้องดึงมือออกจากขอบประตูก่อน
"เจคดูแคร์คนตายมากจริง ๆ เลยนะ...ไว้ถ้าชมตายบ้าง อยากรู้เหมือนกัน...ว่าเจคจะไว้อาลัยนานเท่าย่าคุณไหม" ชมพูกระแทกเสียงตอบกลับผมอย่างประชดประชัน
"ชม...ทำไมพูดแบบนี้อะ" ผมถามเธอกลับไปอย่างใส่อารมณ์
ในวินาทีที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิดลงอย่างช้า ๆ ชมพูถอดแหวนที่ผมขอเธอแต่งงานออกมาจากนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
"ถ้าไม่แต่งภายในสามเดือนนี้...เราก็เลิกกันไปเลย!" เธอปาแหวนมากระแทกเข้ากับ
แผ่นอกของผม ก่อนจะเอ่ยคำขาด แล้วจึงกดปิดประตูลิฟต์ในทันที
- ห้าชั่วโมงหลังจากที่ทะเลาะกันไป -
อื้อ อื้อ อื้อ เสียงโทรศัพท์ของผมสั่นขึ้นอีกครั้ง
สายเรียกเขา : MY LOVE
"ฮัลโหล...ไง...ใจเย็นลงแล้วใช่ไหม" ผมที่สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาพอเห็นเบอร์คนที่โทรมาก็กดรับสายและอมยิ้มขึ้นมาทันที แต่ปลายสายยังคงเงียบไม่ได้ตอบกลับใด ๆ
"เอาไงที่รัก...ให้ฉันขับรถไปรับเธอกลับตอนนี้เลยไหม" ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบประโยคดี
(ฮัลโหล...ฮัลโหลครับ...) ก็มีเสียงของชายนิรนามคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา ทำเอาผมจากที่งัวเงียอยู่กลายเป็นตื่นขึ้นมาในฉับพลันทันที
"นั่นใคร" ผมกระแทกเสียงถามกลับไปอย่างไม่พอใจ พร้อมกับลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าทันที
(ผมเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยนะครับ) พอปลายสายบอกว่าเป็นกู้ภัย ใจของผมมันก็รู้สึกสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเลย
(คุณเป็นญาติของเจ้าของเครื่องนี้ใช่ไหมครับ)
"ใช่ ๆ ผมเป็น...สามีของเขา" ผมรีบเดินไปหยิบกุญแจรถและกระเป๋าเงิน เตรียมจะเดินออกไปจากคอนโด
(คือ...ผมจะโทรมาแจ้งให้คุณทราบว่า...)
(เจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้...หรือภรรยาของคุณน่ะครับ...เธอเสียชีวิตแล้ว)