Chapter 5
เดลล่ายิ่งแผดเสียงร้องหนักขึ้น “คาร์ลอส ปาร์คมันน้อยไปใช่ไหม ฉันยกคฤหาสน์หลังนี้ให้ด้วยเลยเอ้า หยุดร้องซะที” เขาบอกต่อ ทั้งที่รู้ว่าเธอจะไม่สามารถเข้าใจภาษาของเขา แต่เขาก็ปลอบเด็กไม่เป็น
“อุแว้! อุแว้! อุแว้!”
คราวนี้แก้วหูของชายหนุ่มแทบแตก ความอิดโรยจากการไม่ได้นอนสะสมมาตลอดทั้งคืนทำให้เขามีอารมณ์หงุดหงิดมากกว่าปกติ เขาวางเธอ ลงบนเตียงพร้อมกับลุกขึ้นยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าเธอตาไม่กะพริบ
“จะเอายังไงก็ว่ามา หรือจะไขว้” เขาบอกเสียงดังขึ้นเหมือนแกล้งขู่ พอชายหนุ่มพูดเสียงดังเดลล่าก็ปิดปากเงียบสนิท เธอคงตกใจจนเผลอ หยุดร้องไป
“อ๋อ... ชอบแบบนักเลง สมแล้วที่มาอยู่ในดงมาเฟีย” ชายหนุ่มหัวเราะขำ บอกติดตลก เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรถึงได้ยิ้มโดยไม่รู้สึกเบื่อเมื่ออยู่กับสาวน้อยนางนี้ แม้ว่าการก้าวเข้ามาของเธอจะปั่นป่วนตารางเวลา ในชีวิตประจำวันของเขาแทบพังพินาศก็ตาม
เงียบได้สักพักสาวน้อยก็อ้าปากเตรียมจะร้องขึ้นมาอีก เพราะก้นของเธอเฉอะแฉะต้องการทำความสะอาดอย่างเร่งด่วน แต่ชายหนุ่มก็รีบตบมือ ทำเสียงดังพลางชี้หน้าเธอแบบแกล้งขู่
“หยุดนะ จะร้องอีกไม่ได้นะ”
คราวนี้หนูน้อยคงตกใจ หลับตาร้องไห้จ้าแบบไม่ลืมหูลืมตา ชายหนุ่มเกาศีรษะตัวเองแกรกๆ อย่างไม่เข้าใจ เริ่มนึกทบทวนถึงสาเหตุของการร้องของเธอ
“นมก็เพิ่งกินไปไม่นาน ร้องแบบนี้ไม่น่าจะหิวนม หรือว่าคิดถึงแม่ โอ๊ย! เธอเป็นอะไรกันแน่เดลล่า ช่วยบอกฉันที” ชายหนุ่มช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาได้กลิ่นตุๆ ที่โชยมาจากตัวเธอชัดเจน
“หรือว่าจะอึ!” ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง วางเธอลงบนที่นอนและแกะผ้าอ้อมดูอย่างที่ตัวเองสงสัย
ในที่สุดเขาก็พบขุมทรัพย์มหาศาล สีทองเหลืองอร่ามที่เป็นบ่อเกิดแห่งสงครามเสียงในเช้านี้ ชายหนุ่มส่ายหน้าเนือยๆ อุ้มเธอเข้าไปจัดการชำระทำความสะอาดในห้องน้ำ
“ฉันก็ไม่คิดว่ามาเฟียอย่างฉันจะต้องมาเลี้ยงเด็ก เช็ดอึ ชงนมแบบนี้นะเดลล่า” ชายหนุ่มบ่นพึมพำ แต่ก็ทำจนเสร็จ
หลังจากที่เขาชำระคราบเหนียวเหนอะหนะออกจากตัว สาวน้อยก็ ยิ้มร่าเริงเหมือนไม่เคยร้องไห้มาก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มยิ้มให้หนูน้อยอย่างเอ็นดู แววตาใสแป๋วของเธอสะกดหัวใจของเขาเอาไว้ จนแทบไม่อยากละสายตาออกจากดวงหน้าจิ้มลิ้ม
“เด็กหนอเด็ก ตอนนี้ฉันอยากหักคอแม่ของเธอมาก ถ้าตามตัวมาได้เมื่อไหร่ฉันจะทวงคืนทุกอย่างให้สาสม”
สิตมนกลับมาถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ เธออยู่ในกรุงเทพฯ ต่อเพื่อยื่นใบสมัครงาน หลังจากส่งเอกสารและเดินทางเข้าไปสมัครเองสี่ถึงห้าบริษัท เธอก็กลับไปรอเรียกสัมภาษณ์ที่บ้าน เพราะไม่อยากทิ้งเวลาให้สูญเปล่าไปแม้แต่วันเดียว
กลับมาถึงแดนสวรรค์ของบ้านเกิดตัวเอง ทันทีที่ก้าวออกจากสนามบินในจังหวัด หญิงสาวก็รีบโบกมือเรียกรถรับจ้างเข้าไปส่ง
“ไปร้านส้มตำที่แซ่บที่สุดในอุดร”
“มาตะไสหล่า” คนขับรถส่งภาษาพื้นเมืองถามอย่างแปลกใจ เพราะหญิงสาวมีกระเป๋าหลายใบติดตัวมาด้วย อีกทั้งยังถามหาร้านส้มตำที่มีขายอยู่เกลื่อนเมืองไทย ไม่ว่ากรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด
“มาจากอิตาลีจ้าลุง”
“มีผัวอยู่พู้นบ่นาง” คนขับรถถามต่อ คราวนี้สิตมนยิ้มแหย ปกติเธอเป็นคนชอบพูดชอบคุย แต่ตอนนี้แม้แต่จะยิ้ม เธอก็ยังขี้เกียจ
เมื่อเห็นหญิงสาวไม่ตอบ คนขับรถจึงหันมามองและถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ยิ้ม ถามบ่ตอบ แสดงว่าแม่น คนบ้านเฮากะมีผัวฝรั่งกันนั่นล่ะ ลุงกะมีลูกเขยเป็นฝรั่งคือกัน”
“หนูเมื่อยจ้ะลุง ขอนอนสักงีบเด้อ” หญิงสาวบอกตัดบทและปิดตาลงทันที ตลอดสามถึงสี่วันที่ผ่านมาเธอไม่สามารถวางใจและหลับลงได้อย่างสนิท ไม่รู้ว่าป่านนี้เดลล่าจะเป็นอย่างไรบ้าง งอแงหรือเปล่า นอนหลับดีหรือไม่
เธอกังวลไปหมดทุกอย่าง ตลอดระยะเวลาที่เดินทางกลับเธอไม่สามารถข่มตาหลับ ทิ้งเอาไว้เพียงความเมื่อยล้าจากการเดินทางกับหนังตาหนักอึ้งในตอนนี้
แต่ที่ยอมทำเพราะเชื่อคำพูดของซารีน่า เพราะรับรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด พวกเธอลำบากและผ่านอุปสรรคมาด้วยกันมากมาย เธอไม่อยากเสี่ยงที่จะเอาชีวิตของตัวเองกับเดลล่าออกมาเผชิญกับผู้ทรงอิทธิพลเพียงลำพัง ยิ่งเธอไม่รู้ว่าคนกลุ่มนั้นเป็นใคร ความอันตรายก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
และที่สิตมนเป็นกังวลไม่ยิ่งหย่อนกว่าเดลล่าคือซารีน่า ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ความคิดของหญิงสาวย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เจอกับซารีน่าใหม่ๆ เธอกำลังหนีการตามล่าจาก ชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง เหตุการณ์ครั้งนั้นยังฝังอยู่ในหัวใจของเธอไม่รู้ลืม สิตมนได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้เธอได้เจอเหตุการณ์แบบนั้นอีก เพราะการต่อสู้ เพียงลำพังแบบนั้นคงจะทรมานทั้งตัวและหัวใจ
หญิงสาวกะพริบตาถี่ขับไล่น้ำตาที่เอ่อไหลขึ้นมาทุกครั้งเมื่อนึกถึงมัน เธอยกหลังมือขยี้เบาๆ และแอบเช็ดมันออกไปบ้าง เธอรู้สึกผิดกับเพื่อนรัก เหมือนคนหนีปัญหาทิ้งทุกอย่างกลับมาเมืองไทย ทั้งที่เธอควรจะอยู่ที่โน่นเพื่อเฝ้ารอการกลับมาของซารีน่า หรือไม่ก็เฝ้าดูเดลล่าห่างๆ ในคฤหาสน์หลังนั้น
ในหัวใจของหญิงสาวเฝ้าถามคำถามวนไปวนมาอยู่หลายรอบ เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของซารีน่ากันแน่ ทั้งเมื่อห้าปีก่อนจนกระทั่งถึงตอนนี้ ชีวิตของเธอก็ยังไม่เป็นสุขสักครา แม้ว่าหญิงสาวอยู่แบบเก็บตัวเงียบ พูดน้อย และไม่สุงสิงกับใคร แต่พวกนั้นก็ยังตามราวีเธอไม่หยุดหย่อน
สิตมนต้องรีบเรียกสติกลับเมื่อรถรับจ้างมาจอดที่หน้าร้านส้มตำชื่อดัง หญิงสาวรีบก้าวลงจากรถ บางทีการได้รับประทานส้มตำเผ็ดๆ จะทำให้เธอสร่างและตื่นตัวขึ้นมาอีกครั้งก็ได้ เมื่อเธอกลับถึงบ้าน เธอจะต้องกลับมาเป็นสิตมนคนเดิมให้ทุกคนได้เห็น
สัญญาณเตือนภัยที่หน้าประตูห้องดังขึ้น เมื่อมีคนยืนอยู่ด้านหน้าประตูห้องนอนของเขา สักพักก็มีเสียงอินเตอร์คอมของคนข้างนอกดังขึ้นมา อดัมนั่นเอง
ชายหนุ่มอุ้มหนูน้อยเดลล่าด้วยมือเพียงข้างเดียวเดินมาที่เตียงของเขา เขากดปุ่มบางอย่างที่หัวเตียง สักพักประตูก็ถูกเปิดออก และคนด้านนอกก็ก้าวเข้ามา
เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเมื่อห้าปีก่อน วิศวกรอย่างเขาจึงตั้งระบบรักษาความปลอดภัยและออกแบบห้องนอนขึ้นมาพิเศษ คนในบ้านมีเพียงสองคนที่รู้ว่าในห้องนอนของเขายังมีห้องลับอีกสองสามห้องฝังอยู่ใต้ผนังในแต่ละจุด และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีล้ำหน้าเทคโนโลยี
อดัมเข้ามารายงานความคืบหน้า ถ้าหากพ้นกำหนดเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั่นหมายถึงความบกพร่องของพวกเขา และตอนนี้ก็กำลังจะเป็นแบบนั้น
“ว่าไง” คนเป็นนายถามเสียงเข้ม เขายังอุ้มหนูน้อยเดลล่าอยู่ในมือเพียงข้างเดียว เดินวนรอบห้องเป็นการปลอบให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนนอนหลับ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายอย่างเขาจะกลายเป็นคนที่เลี้ยงเด็กได้
คนถามยังก้มมองคนที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง ไม่ได้สนใจคนที่เดินเข้ามาใหม่แม้แต่นิด เดลล่ายังคงส่งเสียงร้องอ้อแอ้ สลับกับทำปากจู๋ ดูดปากเบาๆ
“หิวแล้วหรือไงคะ” น้ำเสียงที่เขาพูดกับเด็กน้อยแตกต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ มีคำลงท้ายคะ ขา จนบอดีการ์ดหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่าง แปลกใจอยู่หลายครั้ง
พวกเขาไม่เคยคิดว่าเจ้านายหนุ่มจะต้องมาเลี้ยงเด็กเองในระหว่างตามตัวแม่ของเธอมารับผิดชอบ เพราะเพียงแค่ส่งตัวเธอให้ทางการ ทุกอย่าง ก็จะจบลงแบบไม่ต้องห่วง ไม่ต้องลำบากตามหาผู้หญิงคนนั้น
“ยังตามตัวไม่เจอเลยครับ”
“ฉันไม่คิดว่าจะเป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของนายนะอดัม” คนเป็นนายบอกเสียงเข้ม จ้องหน้าเขม็งอย่างต้องการคำตอบ
“ครับ” อดัมโค้งตอบรับ ขอโทษคนเป็นนาย
“ฉันให้เวลาสามวัน ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นไม่มาอยู่ตรงหน้าฉันที่นี่ นายก็ควรพิจารณาตัวเอง หวังว่าฉันจะไม่ได้เห็นหน้านายที่นี่อีกด้วยเช่นกัน”
“ครับ” อดัมตอบรับอีกครั้ง
“ไปได้แล้ว”