ทายาทคาร์ลอส

1511 Words
Chapter 4 ก่อนหน้านี้สิตมนไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนตั้งท้องกับใคร แม้จะอาศัยอยู่ร่วมกันมาห้าปี เพราะเมื่อถามถึงพ่อของลูก คำตอบที่ได้จากเธอคือเงียบและร้องไห้ สิตมนรู้จักกับซารีน่าในวันที่เธอกำลังเดินทางไปเรียนที่ปาแลร์โมทางตอนใต้ของอิตาลี เธอเดินทางมาเยี่ยมพี่สาวและพี่เขยที่โรม แต่ก็เห็นหญิงสาววิ่งหนีตายจากการถูกคุกคามจากชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ ผู้หญิงต่างถิ่นอย่างเธอไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก นอกเสียจากพาผู้หญิงที่มีบาดแผลเต็มตัววิ่งหนีตายเข้าไปซุกในซอกหลืบแคบๆ ทั้งคู่รอดมาได้อย่างหวุดหวิด ซารีน่าอ้อนวอนขอตามเธอไปด้วย บอกเธอว่าพ่อกับแม่ของเธอถูกฆ่าตาย และต้องหนีไปให้ไกลที่สุด แต่เธอเหลือตัวคนเดียวไม่มีญาติอยู่ที่ไหนอีก สิตมนจำต้องพาเธอไปด้วย ทั้งคู่นั่งรถไฟไปเกือบสิบสองชั่วโมง เพราะความที่เป็นลูกกำพร้าเหมือนกันและอยู่ต่างถิ่น ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นเสมือนญาติเพียงคนเดียวของอีกฝ่ายตลอดระยะเวลาห้าปีในเมืองปาแลร์โม หญิงสาวเลื่อนมือขึ้นไปจับล็อกเกตที่คล้องอยู่บนคอตัวเอง ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้น เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ทั้งคู่ผ่านมาด้วยกันตลอดระยะเวลาห้าปีเต็ม จนกระทั่งมาถึงเรื่องราวเมื่อสองสามวันก่อน ข้อความในจดหมายยังจารึกฝังแน่นในหัวใจของเธอ ความรู้สึกในวันวานที่เหมือนเธอถูกธารน้ำแข็งมหึมาไหลทาบทับเอาไว้บนตัว เธอเปิดเข้ามาในบ้านก็เห็นสภาพกระจัดกระจาย หนูน้อยเดลล่าร้องไห้จ้าเพราะกำลังหิวนม เธอรีบวิ่งถลาเข้าไปหาหนูน้อย ปากก็ตะโกนร้องเรียกหาเพื่อนสาวที่อยู่ในบ้าน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากเธอ พบเพียงกระดาษที่วางอยู่ใกล้ๆ ข้อความในจดหมายทำให้เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะทำตามได้ ‘แม่น้ำผึ้งสุดที่รักของฉัน เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ฉันเคยมี เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน ในขณะที่ฉันก็นำความเดือดร้อนมาให้เธอทุกครั้ง ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะวิงวอนขอร้องเธอ ถึงตอนที่เธอได้อ่านจดหมายของฉัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะยังมีลมหายใจอยู่หรือเปล่า ขอร้องให้เธอช่วยรักษาลมหายใจของเดลล่าเอาไว้ เธอช่วยพาเดลล่าไปวางไว้ที่บ้านที่ฉันเขียนแผนที่เอาไว้ให้เธอ ที่นั่นจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับลูกของฉัน และได้โปรดอย่าพูดถึงฉันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ผู้ชายที่เป็นเจ้าของคฤหาสน์เขาจะรับรู้ทุกอย่างด้วยตัวเองโดยไม่ต้องอธิบายแม้แต่คำเดียว หลังจากนั้นฉันขอให้เธอย้ายออกไปจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อความปลอดภัยของเธอเช่นกัน ขอโทษที่ทำให้เธอเดือดร้อนอีกครั้ง ถ้าฉันยังรักษาชีวิตของฉันเอาไว้ได้ ฉันจะติดต่อเธอกลับไปอย่างเร็วที่สุด ที่นัดหมายสำหรับเรายังเป็นที่เดิม ฉันจะมาฉลองวันเกิดกับเธอทุกปีที่นั่น ฉันรักเธอเสมอ’ จดหมายฉบับนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องรีบแพ็กกระเป๋าบินกลับเมืองไทย หลังจากส่งตัวหนูน้อยเดลล่าไว้ที่หน้าคฤหาสน์ และมีคนรับตัวเธอเข้าไปข้างใน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสาวน้อยจะไม่โชคร้ายเหมือนแม่ของเธอ เพราะไม่รู้เรื่องราวตื้นลึกหนาบางระหว่างคนทั้งคู่ เอาเข้าจริงๆ เธอก็ไม่รู้จักประวัติของเพื่อนสาวนอกเสียจากสิ่งที่เธอเล่า และแทบไม่รู้จักอะไรเลย เพราะนิสัยของซารีน่าค่อนข้างจะพูดน้อยและเก็บตัวเงียบ เธอมีอาการฝันร้ายและหวาดผวาถึงเรื่องราวที่เธอหนีมาในตอนนั้น เมื่อเห็นเพื่อนเป็นอย่างนั้นหญิงสาวก็รู้สึกสงสารเพื่อน ไม่เคยถามเรื่องราวในอดีตของเพื่อนสาวอีกเลยนอกเสียจากเธอจะเล่าให้ฟังเอง เพราะอย่างนั้นสิตมนจึงจำยอมทำตามข้อความที่อยู่ในจดหมายของเพื่อนสาว ทุกอย่าง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เธอถูกตามล่าเมื่อห้าปีก่อน เธอกลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยและต้องหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนอย่างคราวนั้น ซารีน่าก็คงคิดถึงข้อนี้ เธอถึงเขียนจดหมายกำชับเอาไว้ในตอนท้าย สิตมนกับซารีน่าเป็นเหมือนหยินหยางที่แตกต่างกันทุกอย่าง แต่ก็คือความลงตัวทุกอย่างเช่นกัน สิตมนเป็นคนพูดเก่งเปิดเผยและค่อนข้างจะเป็นผู้หญิงแมนๆ รั่วๆ ซารีน่าเก็บตัวเงียบและพูดน้อย เธอชอบทำอาหาร ในขณะที่สิตมนไม่ชอบเข้าครัว แต่ชอบงานบริการมากกว่า มันเป็นความลงตัวที่ทำให้ทั้งคู่อยู่กันมาได้ยาวนานโดยไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งหรือเกี่ยงงอน อยู่ด้วยกันแทบจะไม่เคยแยกจากกันนานๆ แต่จู่ๆ ซารีน่ากลับเดิน เข้ามาบอกเธอว่าตั้งท้อง พอสิตมนถามถึงพ่อของเด็ก อีกคนก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ จนสุดท้ายหญิงสาวก็ต้องเลิกถาม กระทั่งซารีน่าคลอดลูก ทั้งคู่ก็ช่วยกันเลี้ยงตั้งแต่แรกคลอด ผลัดเวลากันไปทำงานที่เพิ่งเริ่มในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จนกระทั่งวันเกิดเหตุ สิตมนไปทำงานที่ร้านอาหารตามปกติ ซารีน่าเลี้ยงหนูเดลล่าอยู่ที่บ้าน เมื่อหญิงสาวกลับมาก็ตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นสภาพบ้านถูกรื้อกระจัดกระจาย กับจดหมายสั่งลาฉบับเดียว ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังไร้วี่แววที่จะตามหาสาวในภาพวงจรปิดเจอ เสียชื่อผู้มีอิทธิพลที่สุดแห่งอิตาลี พวกเขาตามหาแทบทุกช่องทางที่คิดว่าจะเจอ ซันเซสขอบตาดำเป็นแพนด้าเพราะเขาต้องดูแลเด็กหญิงคนเดียวทั้งคืน ไม่รู้ว่าเด็กในวัยนั้นตื่นขึ้นมาดื่มนมทุกๆ สองชั่วโมง อีกทั้งแม่หนูน้อยก็ร้องโยเยทั้งคืนแบบหลับไม่สนิท ทำให้เขาเครียด คอยพะวงหน้าพะวงหลังจนไม่ได้นอนไปด้วย ครั้นเขาให้คนอื่นมาช่วยดูแล พอเดลล่าถูกเปลี่ยนมือไปเธอก็ร้องไห้จ้าหน้าเขียวหน้าเหลือง สุดท้ายชายหนุ่มจึงตัดปัญหาโดยการดูแลคนเดียวตลอดทั้งคืน และสั่งกำชับให้คนสนิทตามตัวแม่ของเธอมาโดยด่วนที่สุด ความอิดโรยตลอดทั้งคืนทำให้ชายหนุ่มหลับไปตอนเจ็ดโมง มือของเขายังวางทับไว้บนหน้าอกของหนูน้อย เป็นการส่งสัญญาณว่าเขายังอยู่ตรงนี้ไม่ได้หนีไปไหน ตลอดค่ำคืนที่ผ่านมาเขาต้องสัมผัสกับตัวเธอเอาไว้อย่างนี้ ไม่อย่างนั้นหนูน้อยก็จะสะดุ้งและหลับไม่เต็มตื่นจนกลายเป็นร้องไห้โยเย “อุแว้! อุแว้!” เสียงของเดลล่าปลุกชายหนุ่มอีกครั้งในตอนเช้า เขายกคอมองทั้งที่อิดโรย ตาแทบจะเปิดไม่ขึ้น แต่เพราะเขาเป็นคนรู้สึกตัวเร็วมากกว่าคนปกติ จึงทำให้มีสติตลอดเวลาแม้จะเหนื่อยล้าสักเพียงใด “อะไรอีกแล้วล่ะเดลล่า เมื่อคืนเธอก็ป่วนฉันทั้งคืนเลยนะ” ชายหนุ่มปรือตาขึ้นมองและถามเบาๆ ราวกับว่าเจ้าตัวเล็กที่นอนอยู่ข้างๆ จะเข้าใจคำพูดของเขาและสามารถสื่อสารตอบกลับได้ ห้องนอนของเขาเป็นห้องเก็บเสียง และมีระบบนิรภัยป้องกันแน่นหนา มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถผ่านเข้ามาได้ และจะไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดเข้าออกแม้เท่าเสียงยุงบิน “อุแว้! อุแว้!” เธอยังร้องไม่หยุด แต่กลับยิ่งแผดเสียงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่า คนด้านนอกไม่มีโอกาสได้ยิน และคนที่จะหูดับจากเสียงร้องของเธอก็มีเพียงเขาเท่านั้น ชายหนุ่มจำต้องลุกขึ้นและช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้ม เขย่าเบาๆ เหมือนเป็นการปลอบโยนให้เธอหยุดร้อง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องแต่อย่างใด ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สำหรับเขาแล้วการเลี้ยงเด็กคนเดียวยากกว่าคุมคนนับพันเสียอีก เขาไม่รู้ว่าอาการแบบนี้เธอต้องการอะไร เพราะไม่สามารถสื่อสารกันได้ยิ่งทำให้ทุกอย่างดูลำบากมากขึ้น “จะเอาอะไรเดลล่า เธออยากได้คาร์ลอส ปาร์คหรือเปล่า เพียงแค่เธอหยุดร้อง ฉันจะเซ็นมอบทุกอย่างให้เธอ” ชายหนุ่มพูดไปอย่างที่ตัวเองจะนึกได้ หวังเพียงอย่างเดียวว่าเสียงของเขาจะทำให้เธอหยุดร้อง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD