บทที่3) กวางหนุ่มของแซนดี้
สวนกาแฟศันสนีย์, อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
"สวัสดีครับน้าซันนี่" ฝ่ายเฟียสต้าที่หลีกเลี่ยงการร่วมโต๊ะรับประทานอาหารเย็นกับน้องชายฝาแฝดอย่างไฟท์เตอร์ก็รีบมุ่งตรงมายังไร่กาแฟของศันสนีย์ในทันทีที่ลงมาจากเครื่องเจ็ทบินส่วนตัว
"เป็นหนุ่มแล้วหล่อเชียวนะ" ศันสนีย์เอ่ยชมอย่างจริงใจ เธอรู้สึกเสียดายไม่น้อยที่ลูกสาวคนเดียวอย่างแซนดี้นั้นอายุน้อยกว่าเฟียสต้ามากถึงถึงสิบปีด้วยกัน ไม่เช่นนั้นแล้วเด็กหนุ่มคนนี้นี่แหละที่จะได้รับตำแหน่งเป็นลูกเขยคนโปรดในอนาคตของเธออย่างแน่นอน
หน้าตาก็ดี สุภาพอ่อนโยน คิดแล้วก็ยังเสียดายไม้หาย...
"ขอบคุณครับ" เฟียสต้าตอบรับคำชมตามมารยาท "คุณแม่บอกเฟียสว่าโรงคั่วกาแฟของน้าซันนี่กำลังมีปัญหา ไม่ทราบว่ามีอะไรที่เฟียสพอจะช่วยเหลือได้บ้างไหมครับ"
"ทางนี้จ๊ะตาเฟียส"
"นี่ไงดูสิ เมล็ดกาแฟที่น้าอบเอาไว้เพื่อรอสี จู่ๆ มันก็ขึ้นเป็นฟองขาวๆ คล้ายจะเป็นราหมดเลย น้าเองก็ไม่รู้หมือนกันว่าทำไม" ศันสนีย์ว่าอย่างเสียดายหนักหนา ด้วยว่าเธอเป็นชาวไร่กาแฟมือใหม่ที่ยังไม่ค่อยจะสันทัดในเรื่องนี้เท่าไหร่นักจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลุ้มใจเมื่อรับรู้ได้ว่าธุรกิจของตัวเองกำลังจะขาดทุนยับเยินเสียตั้งแต่ผลผลิตชุดแรก
"เพราะอุณหภูมิและความชื้นในการเก็บรักษาสูงจึงทำให้เกิดการเสื่อมสภาพจากการทำงานของเอนไซม์ในกาแฟนะครับน้าซันนี่ หลักๆเลยก็คงต้องแก้กันตั้งแต่ขั้นตอนการตากและอบเมล็ดกาแฟให้แห้งมากที่สุดเป็นอันดับแรกและปรับอุณหภูมิในพื้นที่ใช้เก็บเมล็ดกาแฟให้เหมาะสมครับน้าซันนี่"
"แล้วในเมื่อมันเป็นอย่างนี้แล้ว พอจะแก้ไขให้นำผลผลิตชุดนี้ส่งออกขายได้อยู่อีกไหมตาเฟียส"
"เห็นทีว่าจะต้องทิ้งไปทั้งหมดครับ และเริ่มใหม่ทั้งหมดตั้งแต่การดูแลยันวันเก็บเกี่ยวกาแฟเลยครับน้าซันนี่" เฟียสต้าว่าอย่างเข้าใจในหัวอกของศันสนีย์ เพราะเขาเองก็เคยเผชิญเหตุการณ์ทำนองนี้มาแล้วเหมือนกันเมื่อครั้งที่พึ่งเปิดไร่กาแฟใหม่ๆ
"ตายจริง" เมื่อได้รู้ดังนั้นศันสนีย์เองก็ถึงกับเข่าทรุดอย่างหมดเรี่ยวแรง เพราะถ้าหากเป็นอย่างที่เฟียสต้ากล่าวมาก็เท่ากับว่าเมล็ดกาแฟจำนวนหลายพันตันในล็อตนี้ก็คงมีอันต้องทิ้งไปนั่นเอง "น้าจะเป็นลม"
"คุณแม่" แซนดี้ที่เดินทางกลับมาจากโรงเรียนรีบวิ่งเข้ามารับร่างสูงโปร่งของแม่ที่กำลังจะล้มลงหมดสติด้วยความตกใจ "แม่คะ เป็นอะไรไปคะ"
"เธอ" เฟียสต้าเอ่ยเรียกแซนดี้อย่างเลื่อนลอยเมื่อพบว่าเด็กผู้หญิงที่เขาหลงใหลและติดตามมานานนับเดือนนั้นแท้จริงแล้วเธอเป็นลูกสาวของศันสนีย์
"แล้วนี่ไม่คิดจะช่วยพยุงแม่ฉันบ้างหรือไงคะคุณ" เสียงตวาดแว้ดของเธอทำให้เขาที่ยังคงตกอยู่ในภวังค์รู้สึกตัวขึ้นมา ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยพยุงร่างของศันสนีย์ไปนอนพักตรงแคร่ไม้สักที่อยู่ถัดไปประมาณสิบก้าวเดิน
"คุณเป็นใคร แล้วจะมองหน้าฉันอีกนานไหม หรือหน้าฉันมันบังเอิญไปเหมือนญาติฝ่ายไหนของคุณถึงได้มองจัง" แซนดี้เอ่ยอย่างนึกรำคาญขณะยื่นยาหอมเข้าจ่อใต้จมูกของแม่และสังเกตได้ว่าชายตรงหน้านั้นเอาแต่จ้องมองมาจนแทบจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว
"มองคนสวย" แม้จะรู้สึกตกใจกับวาจาที่ช่างแตกต่างกับในไลฟ์สดจนลิบลับของแซนดี้แต่เขาก็ไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
เธอสวย เธอน่ารัก เธอมีเสน่ห์มากเสียจนเขาอยากจะกระชากเธอเข้ามาขังเอาไว้ในห้องใจของเขาแต่เพียงผู้เดียว
"ไอ้เ*******ู!"
"แซนดี้ อย่าหยาบคายกับพี่สิลูก" ศันสนีย์ที่ฟื้นขึ้นมาแล้วบังเอิญได้ยินถ้อยคำหยาบคายออกมาจากปากลูกสาวพอดีจึงยกมือขึ้นหยิกสีข้างของลูกสาวเบาๆ
"แม่อ่า แซนดี้เจ็บนะ"
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ น้องคงยังไม่ค่อยประสา" เฟียสต้าก้มหัวลงนิดนึงอย่างไม่นึกถือสาในสิ่งที่เด็กสาวพึ่งจะกล่าวหาเขาออกมา เพราะถ้าหากถ้าการที่เขาจะถูกแซนดี้เรียกว่าไอ้เ*******ูแล้วมันจะแลกมากับการที่เขาจะนั่งมองหน้าของเธอไปได้อีกนานๆ แน่นอนว่าเขานั้นจะยอมนั่งให้หญิงสาวก่นด่าอยู่อย่างนั้นจนกว่าเธอจะรู้สึกพอใจ
"ขอโทษค่ะ" แซนดี้ที่ไม่เคยพานพบผู้ชายที่สุภาพอย่างเฟียสต้ามาก่อนเริ่มรู้สึกกระดากอายนิดหน่อยก่อนจะยอมยกมือไหว้ชายหนุ่มรุ่นพี่อย่างรู้สึกผิดในทันที
"ไม่เป็นไรครับ พี่เองก็ต้องขอโทษที่เอาแต่มองจนหนูรู้สึกอึดอัด" ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกที่เขาจะโดนเธอจะด่าเอา ก็ในเมื่อเขาเล่นไปนั่งจ้องหล่อนจนตาแทบจะถลนออกมาเอาซะขนาดนั้น เป็นใครๆก็คงด่านะแหละ
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อแซนดี้ เรียกหนูแซนเฉยๆ ก็ได้ค่ะ" แซนดี้เริ่มแนะนำตัวเองอย่างมีเจตนาแอบแฝง เธอไม่อยากจะคิดเลยจริงๆว่าถ้าหากเธอสามารถที่จะทำให้ผู้ชายที่มีบุคลิคเป็นคนสุภาพอย่างคนตรงหน้านั้นกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของตัวเองได้แล้วมันจะสร้างความสนุกให้กับเธอมากขนาดไหน
"สวัสดีครับ พี่เฟียสต้า ลูกชายแม่เพียงฟ้ากับพ่อเฟิส์ตครับ" เฟียสต้าที่ตามเกมส์ของแซนดี้ไม่ทันรีบแนะนำตัวเองด้วยความกระตือรือร้นในทันที โดยหารู้ไม่ว่าท่าทางที่ตัวเองกำลังเป็นนั้นคือสิ่งที่สาวน้อยจอมเจ้าเล่ห์อย่างแซนดี้นั้นปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นมัน
"คุยกันไปก่อนนะลูก แม่จะเข้าไปยกน้ำมาให้นะ" ศันสนีย์รีบลุกออกจากแคร่ไม้สักที่นอนอยู่เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกสาวได้พูดคุยกับบุคคลที่เธอนั้นอยากจะได้มาเป็นลูกเขย
"จำได้ค่ะ" แซนดี้ยกยิ้มมุมปากอย่างเริ่มมีแผนการณ์ ด้วยว่าเธอพอจะรับรู้มาบ้างว่าเฟียสต้านั้นยังมีพี่น้องร่วมสายเลือดที่เป็นผู้ชายอีก5คนด้วยกัน
ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆว่ามันจะสนุกขนาดไหนถ้าหากเธอสามารถที่จะใช้ความสวยที่ตัวเองมีเป็นตัวหลอกล่อให้ทั้งหกคนนั้นฟาดฟันกันเองเพื่อหมายจะแย่งชิงตัวเธอไปครอบครอง
"ไม่ทราบว่าพี่เฟียสเล่นเฟสบุ๊กหรือเปล่าคะ" แซนดี้ทิ้งตัวลงนอนเพื่ออวดเต้านมกลมใหญ่ที่ล้นทะลักออกมาจากเสื้อนักเรียนของเธออย่างตั้งใจยั่วยวน
"เล่นหรือเปล่าคะ" สองแขนเล็กยกขึ้นเท้าคางพลางทำตากลมแป๋วประดุจว่าตัวเองนั้นเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายไร้ซึ่งเดียงสา
"เฟสหนูแซนชื่อ Noozan Sarinya นะคะ" เมื่อเห็นว่าแม่ตัวเองกำลังเดินออกมาแซนดี้จึงรีบดีดตัวขึ้นยืนและเอ่ยบอกชื่อเฟสบุ๊กให้เฟียสต้านั้นรับรู้ ก่อนจะรีบทำท่าทีเหมือนกับว่ากำลังจะเดินเข้าบ้านไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
"ผู้ชายหน้าโง่ เปิดนมให้ดูนิดเดียวก็ออกอาการซะขนาดนั้น" แซนดี้หัวเราะออกมาอย่างสะใจเป็นที่สุดเมื่อเฟียสต้านั้นแสดงท่าทีที่เธอต้องการจะเห็นออกมาอย่างชัดเจน
ติ๊ง!
'อนุชิต ศิระศิลป์ธิญพล ส่งคำร้องขอเป็นเพื่อนกับคุณ'
ติ๊ง!
'พี่เฟียสต้าเองครับ'
'รับแอดพี่หน่อยน้า พลีส🙏'
'งือ~ อ่านแล้วตอบแชทพี่เฟียสหน่อยน้า'
"หึ! เสร็จอีแซน"
แซนดี้โยนสมาร์ทโฟนเครื่องหรูลงบนที่นอนก่อนจะลุกขึ้นไปเลือกชุดในตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ของเธอออกมาเตรียมไว้บนเตียงและเข้าห้องอาบน้ำไปอย่างอารมณ์ดี
-ตัด-
เอาแล้ว ยัยแซนดี้เริ่มแล้ว พ่อแม่นางรักเดียวใจเดียวนะแต่ลูกสาวคนเดียวที่คลอดออกมาก็อย่างที่เห็น😁
มัลลิกา
(เขียน)