บทที่20) ไม่ใช่ขอทาน...ไม่ต้องการเศษใจ
ผ่านมาเกือบสี่เดือนอาการมโนภาพของเฟียสต้าก็เริ่มที่จะลดน้อยลงและดีขึ้นมาตามลำดับ หากจะมีบ้างบางครั้งที่เขายังคงคลุ้มคลั่งขึ้นมาเมื่อบังเอิญไปเจอหรือเห็นอะไรที่เกี่ยวกับตัวของแซนดี้
"แซนดี้ผ่านมาแถวนี้พอดีเลยว่าจะแวะเยี่ยมพี่เฟียสต้าเขาสักหน่อยนะคะน้าซันนี่" เธอรู้สึกดีใจไม่น้อยที่ในวันนี้คนที่ออกมาเปิดประตูไม่ใช่พี่น้องอีกสี่คนของชายหนุ่ม เพราะไม่เช่นนั้นก็คงไม่พ้นที่เธอจะโดนไล่กลับไปอีกอย่างแน่นอน
"ขอบใจนะจ๊ะ" พสุธาว่าและยื่นมือไปรับกระเช้าของฝากที่ลูกสาวของเพื่อนรักตั้งใจหิ้วมาฝาก "ไว้น้าจะบอกพี่เฟียสให้นะจ๊ะ"
"ค่ะ สวัสดีค่ะ" แซนดี้ที่กำลังหมุนตัวกลับได้แต่ลอบมองประตูรั้วบ้านชายหนุ่มตาละห้อย แม้กระทั่งพสุธาที่รักเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่งก็ยังออกอาการเชิงไล่เธอกลายๆแบบนี้ แล้วสมาชิกคนอื่นๆในบ้านจะเหลืออยู่หรอกหรือ
เธอแค่อยากจะขอโทษ อยากที่จะได้พูดคำนี้ต่อหน้าเขาอีกครั้ง ทั้งๆที่เธอเป็นฝ่ายผรุสวาทออกไปอย่างมั่นใจว่าไมต้องการเขาเมื่อเดือนจนเป็นเหตุให้ชายหนุ่มล้มป่วยเมื่อหลายเดือนก่อนเองแท้ๆ แต่พอเอาเข้าจริงๆเธอไม่เคยรู้สึกมีความสุขเลยสักวันเมื่อทุกสิ่งอย่างมันต้องจบลงแบบนี้
เธอรู้สึกค้างคา ว้าเหว่และ...สับสน และคิดเอาไปเองว่าเธอคงจะรู้สึกผิดถึงได้มีอาการดังกล่าวมาคอยกวนใจ และมันก็คงจะดีขึ้นถ้าหากเธอได้บอกเขาไปสักคำว่า...เธอเสียใจ ขอโทษ
แต่ดูเหมือนว่าโอกาสนั้นสำหรับเธอคงจะหมดไปเสียตั้งแต่วันที่เฟียสต้าล้มป่วยเมื่อวันนั้นแล้ว ทางบ้านเขาไม่อยากยอมรับคำขอโทษจากเธอ และความรู้สึก สับสน ว้าเหว่และค้างคานี้มันก็คงจะอยู่กับเธอไปตลอดชีวิต
"เธอควรจะอยู่ในที่ของเธอ ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ที่นี่" เพราะหัวใจยังคงจดจำทุกคำพูดของแซนดี้ในวันนั้นได้อย่างไม่ลืมเลือน เขาก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นเดียวกันว่าเด็กสาวตัวเล็กๆคนนึงจะทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวเองไปได้มากถึงขนาดนี้
"ไหวไหมพี่เฟียส" โฟร์ตอล น้องชายลำดับที่สามเอ่ยถามอย่างระวัง ด้วยว่าช่วงแรกๆที่เด็กหญิงแวะเวียนมาถึงหน้าบ้านเพื่อขออนุญาติเข้าเยี่ยมเยียนพี่ชายนั้น พี่ชายของเขาได้มีอาการตัวสั่นขั้นรุนแรงจนหัวใจที่เต้นกระหน่ำแทบจะทะลุออกมากองอยู่นอกอก
"พี่ไม่ใช่ขอทาน พี่ไม่ต้องการเศษใจเหลือๆจากใคร หรือแม้จะต้องการนั่นก็คงจะเป็นพี่ในเมื่อก่อน...ไม่ใช่ตอนนี้โฟร์ตอล ขอบใจน้องนะที่เป็นห่วงพี่"
"ก็พี่ชายผมเนอะ" โฟร์ตอลว่าอย่างเอาใจก่อนจะเข้ามากอดพี่ชายคนโตแรงๆหนึ่งครั้งอย่างให้กำลังใจ
"พี่จะไม่ร้องไห้เพราะเธออีกแล้ว พี่สัญญา" และคงจะไม่มีโอกาสร้องไห้ให้กับผู้หญิงคนไหนอีกแฃ้วตลอดทั้งชีวิตนี้ เข็ดแล้วกับความรัก
เหมือนตายทั้งเป็น...
"ถึงอย่างนั้นพวกผมก็ยังอยากที่จะเห็นหน้าตาของพี่สะใภ้อยู่นะครับ" ฟอร์โต้เดินเข้ามาพร้อมกับอีกสามหนุ่มและขยิบตาแพรวพราวอย่างมีลูกเล่นเพราะไม่อยากให้พี่ชายรู้สึกโดดเดี่ยว
"เอาอะไรมาได้เห็น ถ้าหายพี่ก็คงจะบวชตลอดชีวิตไปเลยละมั้ง เหนื่อยแล้ว" แต่เขารู้ดีว่าอาการพวกนี้มันจะไม่ไปไหน มันจะยังคงอยู่ และมันก็จะกลายเป็นแผลที่ไม่มีวันหายไปจนถึงวันตายของเขา
เขาเกลียดตัวเอง...ที่เผลอใจรักผู้หญิงใจร้ายคนนั้น
"อย่าโทษตัวเอง" โฟร์ตอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดดุเพราะรู้ดีว่าพี่ชายนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
"หากจะมีใครสักคนที่ผิด พี่เฟียสเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าเป็นใคร"
"โฟร์ พอได้แล้ว" ฟริสเต้ปรามด้วยกลัวว่าพี่ชายจะเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีก "ขอโทษพี่เฟียสด้วย"
"ขอโทษครับพี่เฟียส ผมแค่โกรธ โกรธผู้หญิงคนนั้นที่เข้ามาเพื่อหวังให้พวกเราแตกแยกกัน"
พวกเขาน่าจะเชื่อไฟท์เตอร์ตั้งแต่ทีแรก ไม่อย่างนั้นโศกนาฏกรรมแบบนี้มันคงจะไม่เกิดขึ้นกับครอบครัวของพวกเขา
เพราะเอาแต่คิดกันไปว่าไฟท์เตอร์แค่อยากจะได้ตัวหญิงสาวไปครอบครองถึงได้บอกพวกเขาออกมาแบบนั้น จึงเป็นเหตุให้ไฟท์เตอร์แยกตัวออกไปตั้งแต่วันที่ชาบหนุ่มไปส่งแซนดี้ที่บ้านเมื่อหลายเดือนก่อน
และถึงแม้ไฟท์เตอร์จะกลับมาค้างที่บ้านบ้างเป็นครั้งคราวหากแต่พวกเขาก็ไม่เคยได้คุยอะไรกันเพราะยังมีความคิดที่ว่าไฟท์เตอร์พยายามจะแย่งชิงผู้หญิงที่พี่ชายคนโตรักไปไว้ในครอบครองนั่นเอง
จนถึงตอนนี้ที่เรื่องราวทั้งหมดถูกเปิดเผย...ไฟท์เตอร์ก็ยังคงตีตัวออกห่างจากพวกเขาอยู่อย่างนั้น ถ้าหากจะถามว่าไฟท์เตอร์กับเฟียสต้าต่างกันตรงไหนเห็นทีคำตอบที่ได้คงจะเป็นไฟท์เตอร์นั้นเป็นคนจำพวกรักแรงเกลียดแรง และแค้นฝังหุ่นเป็นที่สุดนั่นเอง
แต่ครั้งนี้พวกเขาต่างก็แอบหวังกันเอาไว้ในใจลึกๆว่าเฟียสต้าจะกลับมาเข้มแข็งและเอานิสัยส่วนที่ต่างกันนี้มาใช้กับตัวของเขาเองบ้าง สักนิดก็ยังดี
"วันนี้พวกนายอยู่เป็นเพื่อนพี่เฟียสนะ เรามีธุระ" โฟร์ตอลเอ่ยขึ้นอย่างโยนภาระหน้าที่ "เรามีนัด"
"ธุระอะไรของนายโฟร์ ธุระหรือเข้าผับกันแน่" ฟริสเต้หัวเราะ "เรารู้ทันนายหรอกน่า แล้ววันนี้วันเป็นเวรของนายที่จะต้องอยู่เป็นเพื่อนไม่ใช่หรือไงอย่ามาเนียนซะให้ยาก"
"เอาเถอะพวกนายจะไปไหนก็ไป เรากับเฟย์จะอยู่เป็นเพื่อนพี่เฟียสเอง" ฟอร์โต้เอ่ยขึ้นพร้อมด้วยเฟย์ตันที่พยักหน้ารับหงึกหงัก
"พี่ไปด้วย" เป็นเฟียสต้าที่เอ่ยขึ้นมาบ้าง "พี่อยากดื่ม" ดื่มให้ลืมเธอ
"พี่ว่าอะไรนะ" ราชานักดื่มอย่างโฟร์ตอลยกมือขึ้นแคะหูอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ด้วยว่าพี่ชายของเขาไม่เคยดื่มเหล้าหรือแม้แต่จะดูดบุหรี่มาตลอดชีวิตนั่นเอง
แต่คิดๆไปแล้วมันก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้มีเพื่อนดื่มเพิ่มอีกหนึ่งคน
"นายได้ยินน่าโฟร์" เฟียสต้าว่าพลางหัวเราะออกมาในรอบหลายเดือน ทำเอาน้องชายอีกสี่คนถึงกับน้ำตาซึมกันไปตามๆกัน
"พวกนายจะร้องไห้ทำไม พี่ยังไม่ตายสักหน่อย" พูดติดตลกทั้งที่รู้ดีว่าน้องชายดีใจมากแค่ไหนที่เห็นเขายิ้มได้ ซึ่งเขาเองก็ดีใจไม่ต่างกันที่สามารถเรียกรอยยิ้มของตัวเองกลับมาได้ในรอบหลายเดือน
"ไป แต่งตัวกัน แต่พวกนายห้ามหล่อกว่าพี่นะรู้ไหม พี่มันแก่แล้วให้พี่ได้เด่นกับเขาบ้าง" ว่าจบก็กางแขนออกเพื่อดันหลังน้องชายทั้งสี่ให้ไปแต่งตัวเพื่อจะออกไปท่องโลกยามราตรีกัน
"หล่อเอาเรื่องว่ะไอ้เฟียส" หนุ่มวัยยี่สิบหกในชุดกางเกงขาเดฟสีเทาหม่นคู่กับเสื้อแขนกุดสีขาวสะอาดทับด้วยเสื้อยีนส์แขนยาวสไตล์วินเทจ เขาหมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องแต่งตัวก่อนจะหยิบหมากฝรั่งขึ้นมาโยนใส่ปากเพื่อลมหายใจที่หอมเย็นและสดชื่น
"โอ้โห พี่เฟียสโคตรเท่ห์จรเข้ฟาดหาง" โฟร์ตอลกับอีกสามหนุ่มในตีมเสื้อฮาวายกับกางเกงขาสามส่วนและรองเท้าแตะช้างดาวเอ่ยแซวพี่ชายคนโตอย่างอดไม่ได้
"สภาพพวกนายควรจะไปทะเลมากกว่านะ" เฟียสต้าว่าอย่างติดตลก ด้วยรู้ดีว่าที่น้องๆพากันใสชุดนี้ก็เพื่อเรียกสายตาสาวๆให้หันมามองนั่นเอง
เพราะสำหรับน้องชายของเขาแล้วนั้น แตกต่าง=หล่อ นั่นเอง
"พี่เฟียสบูลลี่น้อง" โฟร์ตอลว่าอย่างไม่จริงจังนัก "ไปกันได้แล้วช้ากว่านี้โต๊ะเต็มหมดสนุกกันพอดี"
"Let Go!"
-ตัด-
เฟียสต้าเวอร์ชั่นใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
แอบรักแอบคิดถึง
(เขียน)