ตอนที่ 9 คุณหนูตระกูลเฉิน

1513 Words
ณ ห้องอาหารริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง ร่างบางในชุดสีชมพูอ่อนปักลายดอกบัวกำลังนั่งรอคนรักที่มาสายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางมีนามว่าเฉินเฟยซิ่น บุตรบุณธรรมของเจ้ากรมยุติธรรม ชีวิตของนางที่ผ่านมาพบเจอแต่เรื่องยากลำบาก แม้แต่การใช้ชีวิตอยู่ในจวนเองก็ใช่ว่าจะสุขสบาย เพราะที่จริงแล้วนางหาใช่บุตรบุญธรรมทั่วไป แต่เป็นบุตรนอกสมรสที่บิดาทิ้งขว้างมาเนิ่นนาน แต่เพราะไร้ทายาทสืบสกุลจึงนึกถึงพวกนางแม่ลูกและพาเข้ามาอยู่ในจวนด้วย ชีวิตสาวชาวบ้านที่ได้มีโอกาสเข้ามาอยู่ในตระกูลขุนนางย่อมมีแต่คนริษยา ไม่มีใครเลยที่รู้ว่าแท้จริงแล้วการอยู่ที่นั่นก็เหมือนตกนรกทั้งเป็นจากการโขกสับเหมือนนางและมารดาหาใช่มนุษย์เฉกเช่นเดียวกับพวกเขา แต่เพราะมารดาที่รักมั่นในตัวท่านพ่อมากจนยอมใช้ชีวิตอยู่เช่นนี้นางจึงไม่สามารถทำอันใดได้ จนกระทั่งนางได้มาพบกับเขา… กุนซือของท่านแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงจากตระกูลขุนนางที่รักมั่นในตัวสตรีเดียว และถ้านางสามารถเป็นสตรีผู้นั้นได้มันจะดีสักเท่าใดกัน ในตอนแรกมันก็เป็นเพียงความฝันเฟื่องที่นางเพ้อเจ้อไปเอง แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาก็ทำให้เราทั้งสองได้ทำความรู้จักกัน น่าแปลกที่ทั้งเขาและนางสามารถพูดคุยกันได้อย่างสนุกสนานราวกับรู้จักกันมาเนิ่นนาน นางเริ่มรักเขาจากใจจริง ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้เรายังไม่ได้เอ่ยคำว่ารักให้กันแต่การกระทำนั้นบ่งบอกว่าเรากำลังคบหาดูใจกันอยู่ ทั้งนางและเขากำลังจับจูงมือกันเดินไปในเส้นทางที่โรยไปด้วยกลีบดอกไม้จนถึงวันที่สตรีคนนั้นเข้ามาทำลายความรักของเราทั้งคู่! เพียงแค่คิดมาถึงตรงนี้ดวงตาดอกท้อคู่สวยก็เริ่มรื้นไปด้วยหยาดน้ำใส จะมีหญิงใดบ้างที่ไม่เจ็บปวดยามคนรักต้องแต่งงานไปกับคนอื่น ยิ่งพวกเขามีลูกด้วยกันมันก็ตอกย้ำความชัดเจนแล้วว่านางไม่มีโอกาสได้เขาคืนกลับมาอีกแล้ว แต่ก็ไม่สามารถตัดใจได้ “คุณหนู นี่เลยเวลามามากแล้วนะเจ้าคะ” เสียงของสาวใช้คนสนิทเอ่ยเตือนเพราะทั้งสองแอบหนีออกจากจวนมา ถ้าเกิดฮูหยินรู้เข้าคงได้หาเรื่องโบยตีคุณหนูอีกเป็นแน่ “คงมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา…” คนรักของนางไม่เคยผิดนัดสักครั้ง ไม่ว่านัดนั้นจะกะทันหันแค่ไหนเขาก็มาหานางอย่างทันท่วงทีเสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเงียบหายไปโดยไม่แจ้ง “ถึงอย่างไรเราก็อยู่นานไม่ได้นะเจ้าคะ” สาวใช้ตัวน้อยยังคงต้องการให้อีกฝ่ายรีบกลับก่อนที่จะมีปัญหา “อืม เข้าใจแล้วล่ะ” หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ที่นางนัดเขามาในวันนี้ก็เพื่อจะบอกเขาว่านางคงรอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว นางที่เลยวัยปักปิ่นมาถึง 2 ปีกำลังโดนบิดาสั่งให้แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลอื่น… ถึงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเขาด้วยตนเองแต่สุดท้ายเขาก็จะรู้จากข่าวลือที่กำลังจะถูกพูดถึงอยู่ดี เมื่อได้ข้อสรุปสุดท้ายคุณหนูตระกูลเฉินจึงเดินทางกลับจวนโดยไม่รั้งรออีก จวนตระกูลเฉิน เพี๊ยะ! ใบหน้าหวานหันไปตามแรงตบท่ามกลางความตกใจของบรรดาบ่าวไพร่ แม้เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นบ่อยครั้งแต่อย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่คิดเลยว่าฮูหยินจะออกคำสั่งด้วยตนเอง “คุณหนูหายไปแต่เจ้ากลับไม่รู้ เลี้ยงเสียข้าวสุก!” เสียงตวาดดังลั่นขณะที่ดวงตาเรียวจ้องมองร่างบอบบางซึ่งนั่งลงไปกองกับพื้นด้วยความหงุดหงิด นางเป็นถึงฮูหยินเอกของจวนแต่กลับไม่สามารถมีทายาทได้ และไม่ใช่แค่นางแต่เมียคนอื่นของสามีก็ไม่มีใครตั้งครรภ์สักคน มีเพียงนังสตรีบ้านป่านี่ที่บังอาจข้ามหน้าข้ามตานาง “ขะ ขออภัยเจ้าค่ะฮูหยิน” สตรีผู้มีใบหน้าอ่อนหวานละล่ำละลักบอกทั้งน้ำตา เรื่องที่นางเป็นมารดาของคุณหนูในจวนเป็นความลับที่ถูกสั่งห้ามเอ่ยปากบอกใคร และได้อยู่ข้างกายบุตรสาวในฐานะพี่เลี้ยงเท่านั้น “ข้าไม่ต้องการคำขอโทษ ตบมันอีก” ริมฝีปากสีชาดเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยันเฝ้ามองใบหน้าของคนที่ตนเกลียดบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด “พอเถิดเจ้าค่ะ ฮูหยิน!” เสียงหวานใสดังจากด้านหลังเรียกให้ทุกคนหันไปมอง ก่อนร่างระหงจะรุดเข้าไปโอบกอดมารดาที่แท้จริงของตนเอาไว้ “เจ้าหายไปไหนมา” เห็นคนที่ตามหาโผล่มาเสียทีเฉินฮูหยินจึงตวัดสายตาแข็งกร้าวมองอย่างไม่สบอารมณ์ “ด้ายที่ข้าใช้ปักผ้าหมดน่ะเจ้าค่ะ ข้าเลยออกไปเลือกสีที่ต้องการเอง” เฉินเฟยซิ่นสบมองอีกฝ่ายโดยไม่หลบตา นางยอมได้ทุกอย่างยกเว้นเพียงการทำร้ายร่างกายของมารดาที่นางรัก “อย่าลำพองให้มาก ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ายังมีประโยชน์อยู่ข้าคงไม่เอาพวกเจ้าสองคนไว้แน่” การได้เกี่ยวดองกับตระกูลใหญ่คือสิ่งที่สามีของนางต้องการ ดังนั้นตอนนี้ยังไม่อาจลงมือกับนังเด็กนี่ได้เหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน” คุณหนูผู้ไร้อำนาจตอบกลับก่อนจะประคองร่างบอบบางของมารดาขึ้น แต่ขณะที่กำลังจะเดินกลับเรือนพัก คำพูดของนายหญิงตระกูลเฉินก็ทำให้นางชะงักงัน “ตอนนี้คุณชายจินกำลังรอพบเจ้าอยู่ที่โถงหลัก” ตระกูลจินเป็นตระกูลที่สืบทอดตำแหน่งเจ้ากรมคลังมา 2 รุ่นแล้ว พวกเขาได้รับความไว้ใจจากฮ่องเต้ให้ทำหน้าที่นี้มานานกว่าร้อยปี และคาดว่าคุณชายจินก็จะได้รับตำแหน่งต่อจากบิดาเป็นแน่ ดังนั้นหลังจากที่พลาดหวังจากการแต่งเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลหลี่ที่วาดหวังไว้ สุดท้ายพวกเขาจึงตัดสินใจเลือกตระกูลจินมาแทน เมื่อ 2-3 ปีก่อนที่พวกเขาได้ยินข่าวลือถึงการคบหาดูใจกันระหว่างเฉินเฟยซิ่นและหลี่หานเย่ ความเป็นอยู่ของนางและมารดาก็สุขสบายขึ้นมาจากเดิมมากเพราะบิดาตั้งความหวังเอาไว้สูง แต่เมื่อทุกอย่างมันพังทลายลงสุดท้ายแล้วธาตุแท้ของคนพวกนี้ก็กลับสู่จุดเดิม…หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ “ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบไปเจ้าค่ะ” ความจริงนางต้องการไปส่งมารดาด้วยตนเองเสียก่อน นางไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น “รีบเข้าล่ะ อย่าให้เขาต้องรอนาน” ถ้าพลาดโอกาสในครั้งนี้คงไม่มีตระกูลดีๆ ที่เหมาะแก่การใช้หมากตัวนี้อีกแล้ว “เจ้าค่ะ” หญิงสาวรับคำก่อนจะตรงกลับเรือนเล็กที่อยู่เกือบท้ายจวน “แม่ขอโทษนะซิ่นเอ๋อร์” เสียงหวานสั่นเครือเอ่ยบอกเมื่อมาถึงที่พักของพวกตนแล้ว “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่” จะให้นางกล่าวโทษมารดาได้เช่นไร คนที่ผิดอาจเป็นนางเองที่ไม่แข็งแกร่งพอจะต่อกรกับสตรีคนนั้นได้ “แม่ไม่ควรกลับมาที่นี่” ตู้เฟยเถาพึมพำทั้งน้ำตา แม้จะเจ็บปวดเพียงใดแต่สุดท้ายนางก็ไม่อาจทำใจจากเขาไปได้ “ถึงท่านแม่ไม่กลับมาด้วยตนเอง คนอย่างพวกเขาก็มีร้อยแปดวิธีพาพวกเรากลับมาอยู่ดีเจ้าค่ะ” แต่ก่อนนางอาจเป็นเด็กสาวที่อ่อนต่อโลก แต่เพราะโลกใบนี้มันโหดร้ายเกินกว่าที่คนอ่อนแอจะใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่แตกสลาย สุดท้ายนางจึงกลายเป็นคนที่ไม่สามารถมองโลกในแง่ดีได้อีก “คุณหนูเจ้าคะ” สาวใช้คนเดิมกลับมาพร้อมเสื้อผ้าที่เตรียมไว้พร้อม ถ้าเกิดว่าคุณหนูไม่ได้เปลี่ยนชุดตามที่บอกฮูหยินไป สุดท้ายคนที่ต้องโดนลงโทษก็คือมารดาที่แท้จริงของคุณหนู “ท่านแม่อยู่แต่ในเรือนไปก่อนนะเจ้าคะ แล้วข้าจะรีบกลับมา” เฉินเฟยซิ่นเป็นห่วงคนตรงหน้านัก ร่างกายที่โดนรังแกนี้อ่อนแอลงทุกวัน “ไปเถิด” นางรู้ดีว่าบุตรียอมทำทุกอย่างก็เพื่อตัวนางที่ยังคงเป็นได้แค่ภาระของอีกฝ่ายเท่านั้น หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะรีบเปลี่ยนอาภรณ์แล้วตรงไปยังห้องโถงก่อนที่จะเป็นการเสียมารยาทต่อแขก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD