“พะ พี่คะ…หะ หายใจไม่ออก” เพราะพวกเขากำลังทำในท่านอนคว่ำราบสนิทไปกับที่นอนโดยมีชายหนุ่มทาบทับลงมาอีกที ความเหนื่อยจึงทำให้ลมหายใจสายฝนเริ่มติดขัด
“พี่ใกล้แล้ว” ความมัวเมาในรสราคะทำให้ชายหนุ่มไม่ทันได้ฟังว่าเสียงครวญแผ่วของคนใต้ร่างกล่าวว่าอะไร สิ่งเดียวที่เขารู้ตอนนี้คือต้องเร่งจังหวะให้หนักหน่วงขึ้นเพื่อส่งเขาไปสู่จุดหมาย
“อะ…หายใ-…อึก” มันเป็นความทรมาณที่ยากจะเอ่ย ทั้งหายใจไม่ออก ทั้งเสียดเสียวจากแรงส่งที่เขาดุนดันเข้ามาในร่องรัก จนในที่สุดสติอันน้อยนิดของเธอก็ดับลง
…………………
…………
….
ขณะที่สายฝนกำลังดำดิ่งสู่ห้วงจิตอันว่างเปล่า ความรู้สึกเจ็บตามร่างกายก็ทำให้เธอต้องขมวดคิ้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาแม้จะมีเข้าฉากรุนแรงบ้างแต่ก็ไม่น่าจะถึงขนาดนี้ ใครเป็นคนมาทำร้ายเธอกัน…
“อย่ามาทำสำออย” เสียงทุ้มโกรธเกรี้ยวสบถออกมาก่อนจะกระแทกกระทั้นส่วนล่างอย่างไม่ปราณี อาจเพราะไม่ได้มีการเตรียมการใดๆ ทั้งสิ้นจึงกลายเป็นว่าช่องทางรักอันฝืดฝืนนั้นจึงระบมช้ำไปด้วยการกระทำที่แสนโหดร้าย
“อือ…เจ็บนะ…เอาออกไป!” แม้จะลืมตาไม่ขึ้นแต่สายฝนก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ เซ็กส์ที่ดีมันควรมีความสุขทั้งสองฝ่าย มิใช่การตักตวงความสุขฝ่ายเดียวเช่นนี้
“กล้าออกปากไล่ข้างั้นหรือ ดี!” ยิ่งเห็นสตรีตรงหน้ามีสีหน้าทุกข์ใจเพียงใดเขายิ่งพอใจ แต่อยู่ๆ เมื่อครู่อีกฝ่ายกลับกล้าชักสีหน้าใส่เขา
“โอ๊ย…อื้อ…คุณมันห่วยแตกชะมัด!” คำด่าแปร่งแปลกนั่นทำเอาร่างแกร่งที่กำลังขยับโยกหยุกชะงัก แม้จะฟังไม่ออกแต่เขากลับรู้สึกได้ว่ามันเป็นคำหยาบคายสำหรับเขามากแน่ๆ
“ในเมื่อเจ้าอยากเป็นเมียข้ามาก ตอนนี้จะมาร้องไห้ทำไม!” สตรีร้อยเล่ห์มารยานางนี้ถึงกับยอมพลีกายให้เขาเพื่อบังคับให้เขาต้องรับผิดชอบ แล้วเหตุใดเขาจะต้องทนุถนอมนางด้วยเล่า!
“บ่นบ้าอะไรของคุณ ออกไปเลยนะ!” แม้จะเหนื่อยล้าจนแทบสิ้นสติแต่สายฝนก็ยังต้องไล่ไอ้คนชั่วที่มาลักหลับเธอไปให้พ้นเสียก่อน แต่สุดท้ายร่างกายที่อ่อนแรงบวกกับจิตวิญญาณที่อ่อนล้าทำให้เธอมิอาจฝืนทนไหว
“นี่เจ้า! อย่ามาหมดสติตอนนี้นะ!” เสียงทุ้มตวาดลั่น แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยังคงสลบไปอยู่ดี เมื่อมองไปยังกลางกายก็พบว่าหยาดเลือดสีแดงผสมปนเปกับน้ำรักของพวกเขาเปรอะเปื้อนไปตามหน้าขา เมื่อเขาหยัดกายขึ้นมาแก่นกายที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยก็ทำให้เขาอารมณ์เสียมากกว่าเดิม นี่ถ้าไม่ใช่เพราะสตรีไร้ยางอายบนที่นอนเขาคงมีความสุขกับคนรักไปแล้ว!
“บัดซบ!” เมื่อไม่มีที่ให้ระบายความโกรธสุดท้ายชายหนุ่มจึงหุนหันออกจากห้องนอนไป ทิ้งไว้เพียงร่างเปลือยเปล่าซึ่งนอนหมดสติเพียงลำพัง
“โอย…เจ็บไปหมดเลย” ทันทีที่รู้สึกตัวหญิงสาวก็พบว่าเธอกำลังนอนแก้ผ้าอยู่บนเตียงยับย่นคนเดียว และเมื่อกระพริบตาถี่ๆ ก็ต้องตกใจเพราะยามนี้เธอไม่ได้อยู่ที่ห้องของเธอ
“นี่มัน…อะไรกันเนี่ย!” มือบางคว้าผ้าห่มมาห่อตัวก่อนจะกวาดตามองโดยรอบ ห้องไม้แบบจีนโบราณที่เห็นตามฉากในซีรีส์นี่ทำให้เธอถึงกับพูดไม่ออก ไม่มีทางที่ผู้จัดการของเธอจะลากเธอออกมาจากห้องนอนได้ จึงทำให้เธอแปลกใจกับสถานการณ์ในตอนนี้เป็นอย่างมาก
“ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ ฮูหยิน” เสียงสาวใช้ตัวน้อยเดินเข้ามาทันทีที่ได้ยินคนในห้องขยับกาย แม้สภาพในห้องจะเละเทะมากแต่พวกนางกลับเงียบปากเหมือนว่านี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำเมื่อนายท่านมาหาฮูหยินที่เรือน
“นักแสดงหน้าใหม่อย่างนั้นหรอ” หญิงสาวถามอย่างสงสัยก่อนจะงุนงงมากกว่าเดิมเมื่อเสียงที่เปล่งออกมามันแหบแห้งจนแทบฟังไม่ได้ยิน
“บ้วนปากก่อนนะเจ้าคะ วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าให้แจ้งว่าไม่ต้องไปคารวะเช้าเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทเอ่ยอย่างอ่อนโยน แม้จะทุกข์ใจที่คุณหนูของตนจะต้องมาเป็นที่ระบายอารมณ์คนอื่นเช่นนี้ แต่ถ้านางแสดงออกให้คุณหนูของตนทราบ คงโดนลงโทษแน่ๆ
“เอ่อ…นี่มันบทละครเรื่องไหนกัน” เธอเป็นนักแสดงมืออาชีพ ก่อนแสดงย่อมจำบทของตนผ่านตามาบ้าง แต่นี่อะไร…มันไม่มีอยู่ในความทรงจำเธอสักนิด
สายฝนถูกจับอาบน้ำแต่งตัวแม้เธอจะไม่มีแรงเลยก็ตามที เมื่อแต่งตัวเสร็จมื้อเช้าก็ถูกจัดไว้บนโต๊ะอย่างเรียบง่าย เธอตั้งสติอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเรียกสาวใช้คนเดิมกลับมาอีกครั้ง
“ข้ามีนามว่าอะไร” เธอไม่ใช่คนโง่ ที่แห่งนี้ไม่มีผู้กำกับหรืออุปกรณ์สำหรับถ่ายทำเลยสักนิด ที่สำคัญสาวใช้เหล่านี้กลับปรนนิบัติเธอเหมือนเป็นเรื่องที่ทำประจำ ยิ่งไปกว่านั้นใบหน้าในกระจกทองเหลืองแสนเลือนลางนั่น…ก็ไม่ใช่ของเธอเช่นกัน!
“เอ่อ…ฮูหยินมีนามว่า ฟางเสวี่ยเจี๋ย เจ้าค่ะ” สาวใช้ตอบอย่างสับสน แต่เพราะรู้ดีว่าผู้เป็นนายมักอารมณ์ไม่คงที่นักจึงไม่กล้าถามไถ่ออกไป
“ฟางเสวี่ยเจี๋ย…” เสียงหวานทวนชื่อที่ตนเพิ่งเคยได้ยิน ก่อนดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยจะเบิกกว้างเมื่อนึกขึ้นได้
“นิยายสำหรับสายหื่นเรท 18+ นั่นอ่ะนะ!” สายฝนแทบเป็นลมเมื่อนึกได้ว่าชื่อตัวละครช่างคุ้นแสนคุ้น จะไม่คุ้นได้ยังไงในเมื่อเธอโดเนทให้กับนักเขียนนิยายเรื่องนี้รัวๆ งานอดิเรกอันแสนสนุกคือการนอนอ่านนิยายวาบหวิวกระตุ้นความหื่น เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับทำงาน
นิยายเรื่องนี้มีชื่อว่า ‘ปราบรักองค์รัชทายาท’ ชื่อเรื่องเรียบง่ายขัดกับเนื้อหาที่มีความรุนแรงทางเพศแบบสุดกู่ ทั้งเซ็กส์แบบไม่เต็มใจ เซ็กส์กึ่งทารุณกรรม การข่มขืน สารพัดเรื่องบนเตียงที่นักเขียนจะสรรหาโดยมีนางร้ายของเรื่องเป็นผู้เริ่มต้นทุกอย่าง
ในเรื่องนี้พระเอกคือองค์รัชทายาทแห่งแคว้นหยาง เป็นองค์ชายรองที่เกิดจากฮองเฮาจึงได้รับตำแหน่งนี้ไป และพลอตของนักเขียนก็เหมือนทั่วๆ ไป ความอิจฉาริษยาในหมู่พี่น้องต่างมารดา โดยเฉพาะองค์ชายใหญ่ที่เกิดจากหนึ่งใน 4 สนมขั้นเฟย มีสิทธิ์ได้รับการสืบทอดราชบัลลังก์เช่นกัน ส่วนนางเอกของเรื่องก็คือบุตรสาวของตระกูลเจ้ากรมคลัง เป็นสาวน้อยน่ารักร่าเริงสดใสได้มาจากมารดาผู้เป็นเพียงฮูหยินรอง เนื่องจากแต่เดิมมารดาผู้นี้เป็นเพียงบุตรบุญธรรมของเจ้ากรมยุติธรรมเท่านั้นจึงทำให้ฐานะในจวนไม่มั่นคงนัก นี่แหละขวากหนามความรักของคนทั้งคู่ที่จะต้องฟันฝ่า
อีกหนึ่งอุปสรรคที่จะขาดไปไม่ได้ ในเมื่อมีเรื่องฐานะเข้ามาเกี่ยวข้อง นางร้ายของเรื่องก็ต้องมีฐานะที่สูงกว่านางเอก และนางร้ายที่ว่าก็คือบุตรีของกุนซือหนุ่มผู้ครอบครองฉายานักปราชญ์หมื่นกลยุทธ ในสงครามใหญ่ที่เกิดขึ้นตระกูลหลี่ได้ชนะอย่างหมดจดด้วยจำนวนทหารที่เสียชีวิตน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ นั่นจึงทำให้เขาคนนี้ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก แต่เรื่องในเรือนกลับไม่ได้ดีเช่นนั้น นางร้ายของนิยายเรื่องนี้คือบุตรซึ่งถูกทอดทิ้งจากบิดาที่รังเกียจฮูหยินตนเอง
ในนิยายกล่าวถึงพื้นหลังของนางร้ายไว้ค่อนข้างเยอะเหมือนปูมาให้เรารู้สึกผูกพันกับนางร้ายด้วย โดยมีใจความประมาณว่า ตระกูลหลี่เมื่อสามร้อยปีก่อนเกือบล่มสลายเนื่องจากเรือนหลังวางยาพิษกันจ้าละหวั่น ทายาททุกสายตายตกเป็นใบไม้ร่วงจากความอิจฉาของสตรีที่แต่งเข้ามา ดังนั้นจึงมีกฎหนึ่งเกิดขึ้นโดยผู้นำตระกูลในตอนนั้นเป็นคนบัญญัติเอาไว้
ทายาทตระกูลหลี่ที่เป็นบุรุษทุกคนสามารถมีภรรยาได้เพียงคนเดียวเท่านั้น นอกเสียจากว่าภรรยาไม่สามารถมีบุตรได้จึงจะรับฮูหยินรองเพิ่มได้หนึ่งคน และเมื่อมีฮูหยินแล้วห้ามไปมีสัมพันธ์กับสตรีใดอีกเด็ดขาด ถ้าผู้ใดกล้าละเมิดกฎของตระกูลจะต้องถูกขับไล่ออกไปไม่มีข้อยกเว้น