บทที่6

1293 Words
นี่เขากลายเป็นผู้ปกครองหล่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือตอนไหนกัน! นั่นคือคำถามที่ดังขึ้น พร้อมกับคำพูดที่ถูกสวนออกไปทันควัน “ทีหน้าทีหลังไม่ต้องแต่งหน้าก็ได้เวลาไปไหนมาไหนกับฉัน!” น้ำเสียงดุดันนั้นแม้จะทำให้ตกใจ แต่ก็ไม่มากจนทำให้ขวัญหนีดีฝ่อ อาจเพราะตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ เธอได้ยินมันอยู่บ่อยๆ ยามที่ทำงานผิดพลาด จึงเริ่มชินกับนิสัยนี้ของเขาบ้างแล้ว “เสื้อผ้าพวกนี้ก็ด้วย ไม่ต้องแต่งสวยให้มันมาก เอาแค่ทะมัดทะแมงก็พอ ทำงานกับดินกับหญ้าตลอดทั้งวัน จะแต่งสวยไปให้ใครดู!” คำกล่าวหานั้นทำให้คนถูกว่าต้องก้มมองดูตัวเองก่อนจะพบว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้น มันไม่ได้สวยอะไรเลยสักนิด ออกจะธรรมดาด้วยซ้ำในความรู้สึก อีกอย่างชุดพวกนี้ก็เป็นคุณป้าฉัตร แม่ของเขาที่ส่งมาให้ จะให้ทิ้งขว้าง หรือทำเป็นไม่ใส่ใจเธอก็ทำไม่ลง ใครๆ ก็ชมว่าเธอใส่แล้วน่ารัก สมวัยกันทั้งนั้น มีแต่เขานี่แหละที่เห็นต่างคนอื่น ซ้ำยังมาพาลเธออีก หรือที่นี่มีกฎแบบนี้อยู่แต่เธอไม่รู้ จะว่าแบบนั้นก็ไม่น่าใช่ เพราะไม่เคยมีใครพูดถึงสักคน “ไม่ได้ยินที่สั่ง...” จนเสียงเขาดังขึ้นมาอีกครั้งนั่นแหละถึงได้ตอบรับกลับไปเบาๆ “ดะ...ได้ยินค่ะ” ได้ยินแล้วยังไงต่อ ไม่เห็นรับปาก เอาแต่ทำตาใสใส่แบบนั้นเขาจะรู้ไหมว่ามันหมายความว่าตกลงหรือไม่ตกลง สุดท้ายเมื่อเจ้านายไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบแก้วเจ้าจอมจึงเริ่มทำงานต่อ จนกระทั่งถึงเวลาเที่ยงถึงได้ปลีกตัวมาหาพี่ๆ ที่ร่มไม้ “มาทันเวลาอร่อยพอดีเลยค่ะน้องอ้อน! นี่พี่เพิ่งตำส้มตำเสร็จเอง! หาที่นั่งเลยนะคะ” พี่นิดตะโกนเรียกกันทันทีที่พบหน้า ซึ่งเธอก็ไม่ขัดต่อคำชวนที่ว่าของอีกฝ่ายรีบทิ้งตัวลงนั่งทันทีที่เดินมาถึง “กำลังหิวอยู่พอดีเลยค่ะพี่นิด มีอะไรให้อ้อนช่วยไหมคะ” แก้วเจ้าจอมเอ่ยถามพร้อมส่งยิ้มอบอุ่นไปให้พี่ๆ คนงาน เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนได้รับคำชวนให้เข้าร่วมปาร์ตี้นี้เมื่อหลายวันก่อน แต่เพราะต้องเรียนรู้งานกับคุณรามในเวลาจำกัด เลยทำให้เธอไม่มีเวลาปลีกตัวมาร่วมวงกับทุกคนสักที จนกระทั่งวันนี้เมื่อสบโอกาส จึงไม่ยอมพลาดแม้แต่เมนูเดียว “หนูคอยช่วยพี่ชิมก็แล้วกันค่ะ ว่าขาดเหลืออะไร” หญิงสาวยิ้มรับต่อคำตอบนั้น ก่อน ‘ปาร์ตี้ส้มตำ’ จะเริ่มขึ้นเมื่อทุกคนมากันพร้อมหน้า โดยมี ‘พี่นิด’ มือวางอันดับหนึ่งเรื่องตำส้มตำเป็นแม่งาน “อร่อยว่ะนังนิด ฝีมือมึงนี่เปิดร้านได้เลย!” หนึ่งในนั้นเอ่ยปากชมทันทีที่ส้มตำคำแรกถูกส่งเข้าปาก โดยมีคนอื่นๆ ที่เหลือพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย โดยเฉพาะแก้วเจ้าจอมที่เพิ่งเคยชิมฝีมืออีกฝ่ายเป็นครั้งแรกก็รู้สึกติดใจกับรสชาติ ที่ไม่ผิดไม่จากที่ใครว่าไว้ “อร่อยจริงๆ ค่ะพี่นิด” เธอเอ่ยสมทบก่อนจะแสดงให้เห็นถึงความจริงว่าไม่ได้พูดเพื่อยอให้อีกฝ่ายดีใจเล่น ด้วยการตักส้มตำเข้าปากคำแล้วคำเล่า ภาพนั้นเรียกสายตาเอ็นดูได้จากทุกคนที่ได้เห็นแทบจะทันที ที่เด็กใหม่ ซ้ำยังพกดีกรี ‘คนของนาย’ ดูเป็นกันเองอย่างไม่น่าเชื่อ คราแรกที่รู้ว่ามาจากกรุงเทพคิดว่าจะเป็นพวกไม่เอาไหน แต่หลายวันที่ผ่านมา อีกฝ่ายก็ได้แสดงจุดยืนของตัวเองให้เห็นแล้ว ว่าเธอมีดีมากกว่าที่ตาเห็น! ไม่นานบทสนทนาก็ต้องยุติลงเมื่อร่างสูงคุ้นตาของใครบางคนเดินตรงเข้ามาใกล้ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ คนที่กำลังหลับหูหลับตากินอย่างเอร็ดอร่อยภาพนี้ทำให้เกิดรอยยิ้มเอ็นดูขึ้นเมื่อเห็น “กินยังไงให้เลอะไปถึงแก้ม หึ!” เขาไม่เปล่าถาม แต่กลับทำในสิ่งที่ทำให้หลายต่อหลายคนต้องตาค้าง ด้วยการเอื้อมมือไปปัดเม็ดข้าวที่แก้มป่องให้ สายตาที่ทอดมองเจ้าของมันนั้น อ่อนโยนเสียจนใครต่อใครพากันขนลุกเพราะนอกจากคุณนลินแล้ว นี่นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้เห็นนายใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนอื่น ซ้ำยังดูเป็นธรรมชาติเสียจนคนที่เผลอทำตัวตีสนิทกับแก้วเจ้าจอมเริ่มรู้สึกวางตัวลำบาก “ก็มันอร่อยนี่คะ คุณรามจะทานด้วยไหมคะ เดี๋ยวอ้อนตักให้ ไก่ย่างไหมคะ ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไหร่” แต่เหมือนอีกฝ่ายนั้นจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเจ้านายของพวกเขาให้ความใส่ใจมากกว่าคนอื่นๆ “เอาสิ” คเชนทร์ตอบรับก่อนจะนั่งร่วมปาร์ตี้เล็กๆ กับทุกคนอย่างเป็นกันเอง แต่ความเป็นกันเองของเขานั้นกลับยิ่งสร้างความกดดันให้ใครต่อใครเพิ่มมากขึ้น เพราะว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆ แม้นายจะไม่ใช่คนเจ้ายศเจ้าอย่างอะไร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลดตัวลงมานั่งกินข้าวเที่ยง ร่วมกับคนงานอย่างที่กำลังเป็นอยู่ และคงมีแต่เจ้าตัว กับสาวแก้วป่องข้างกายเท่านั้นที่ไม่ได้รับรู้ถึงอุณหภูมิที่เปลี่ยนไป ซึ่งแม้จะไม่ได้พูดหรือประกาศให้ได้รับรู้ แต่การกระทำของเจ้าตัวนั้น มันกลับชัดเจนเสียยิ่งกว่าเสียงเสียอีกว่าคนข้างกายคนนี้คือ ‘เด็กหวงของนาย’ ห้ามยุ่ง ถ้าไม่อยากเจอดี! ทานข้าวกลางวันเสร็จแก้วเจ้าจอมก็ถูกเจ้านายลากตัวแยกออกมา ก่อนที่เธอจะพบเข้ากับพาหนะอันใหม่จอดพิงต้นไม้รออยู่... “ปั่นเป็นไหม” “เป็นค่ะ พ่อเคยสอนให้ตอนอ้อนเด็กๆ แต่ก็ไม่ได้ปั่นมานานแล้วนะคะ”เธอให้คำตอบ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อคิดไปถึงบิดาผู้จากไป เธอสนิทกับพ่อมากกว่าแม่ เลยอดที่จะคิดถึงท่านมากกว่าไม่ได้ ถ้าพ่อยังอยู่ชีวิตเธอคงไม่พลิกผันแบบนี้ ท่านเป็นพ่อที่ดี ไม่เคยทำให้เธอกับแม่ต้องพบเจอกับความลำบาก ไม่เคยเลยสักครั้ง “ไว้จะพาเข้าเมืองไปซื้อไว้สักคัน เพื่อไว้ปั่นออกกำลังกาย หน้าหนาว วันนี้ซ้อนท้ายฉันไปก่อนก็แล้วกัน” เธอยิ้มรับก่อนจะกระโดดขึ้นไปคร่อม และไม่ลืมกอดเอวเขาไว้หลวมๆ อย่างเคยชิน เพราะปกติเจ้านายของเธอชอบเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์คันโปรด เธอในฐานะที่ต้องตามติดเขาเป็นเงา จึงได้พลอยซ้อนท้ายอยู่บ่อยๆ แรกๆ ก็มีเกร็งไปบ้างเพราะไม่ค่อยมีโอกาสได้นั่งเท่าไหร่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอไม่ค่อยได้ไปไหนไกลบ้าน ไปโรงเรียนแต่ละครั้ง ก็โดยสารด้วยรถประจำทางตลอด แต่พอเริ่มคุ้นชินก็เริ่มสนุก อีกอย่าง...ยิ่งได้รู้จัก ก็ยิ่งได้เห็นชัด ว่าจริงๆ แล้วคุณรามไม่ใช่คนใจร้ายอะไรเลย ถ้าตัดเสียงดุๆ ออกไปออกจะใจดีด้วยซ้ำ เขาไม่เคยถือตัวไม่ว่าจะกับใคร แม้แต่ตอนทำงานก็ทำให้เห็นไม่ใช่แค่ชี้นิ้วสั่ง วันก่อนขนาดรถตกหลุมเขายังอาสาไปช่วยเข็น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD