หลังจากที่บาสเตียนกลับมา เขาได้ให้รถกับมินธิราไว้ใช้หนึ่งคัน สำหรับไปส่งและรับอลิซที่โรงเรียน รวมทั้งเวลาที่เธอออกไปเรียนหรือทำธุระต่างๆ โดยเขาเป็นสละเวลาเป็นไกด์นำทางหนึ่งสัปดาห์ เพื่อให้เธอรู้จักและคุ้นเคยกับสถานที่ต่างๆ
วันศุกร์หลังจากส่งอลิซถึงโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว มินธิราขับรถออกมาจากหน้าโรงเรียน แต่แทนที่จะเลี้ยวกลับไปตามทางเดิม หญิงสาวตัดสินใจเลี้ยวไปอีกทางหลังจากที่หาโอกาสแวะร้านค้าที่ขับรถผ่านมาหลายวันแล้ว
แต่อีกหนึ่งเหตุผลสำคัญก็คือ เธอต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้เป็นเจ้านาย ที่มีท่าทีจงเกลียดจงชังเธอนัก ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
วันนี้จึงตัดสินใจว่ารอเวลาที่เขาน่าจะออกไปทำงานแล้ว แล้วค่อยกลับเข้าบ้านจะดีกว่า เพื่อจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากัน
หลังจากเดินชมร้านค้าอยู่ร่วมสองชั่วโมง หญิงสาวก็ได้ของติดไม้ติดมือจำนวนหนึ่ง และคิดว่าเขาคงจะออกจากบ้านไปแล้ว จึงเดินกลับไปขึ้นรถและตรงกลับบ้านทันที
แต่ทว่ามินธิรากลับคิดผิด เพราะเมื่อกลับมาถึงบ้านก็เห็นรถคันหรูของบาสเตียนยังจอดอยู่ที่เดิม และตอนนี้เขาก็กำลังยืนทำหน้านิ่งรออยู่ที่หน้าบันไดเข้าบ้าน
"ผมนึกว่าคุณหลงทางไปไหนซะอีก" บาสเตียนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่คนฟังรับรู้ได้ถึงความประชดประชันที่แฝงอยู่
"ฉันคุ้นเคยกับเส้นทางแล้วค่ะ ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะหลง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ทำอะไรที่มันกระทบกับเวลางานนี่คะ"
"ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่ไปช้อปปิ้งทั้งที ทำไมไปเดินตลาดล่ะ แทนที่จะไปเดินห้างใหญ่ๆ หรูๆ ห้างแถวนี้เล็กนิดเดียว เดินไม่กี่ก้าวก็ทะลุแล้ว"
...เขาต้องการอะไรกันแน่นะ จะประชดประชันกันทำไมก็ไม่รู้...
"พอดีฉันไม่ชอบอะไรแบบนั้นน่ะค่ะ" มินธิราเป็นคนที่มีนิสัยติดดิน ไม่ชอบซื้อของแพงๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
"หึ! ใครจะไปรู้ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง นิสัยแต่ละคนก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก ถ้าจะต่างก็คงต่างที่วิธีการของแต่ละคนมากกว่า"
"นี่คุณ!"
"ทำไม ผมพูดอะไรผิดงั้นเหรอ"
...พูดถูกก็เลยร้อนตัวล่ะสิ... ประโยคหลังเขาเพียงแค่คิดในใจ
"ค่ะ คุณพูดไม่ผิดหรอก แต่คุณช่วยรู้ไว้ด้วยนะคะ ว่าผู้ชายก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้หญิงหรอก ถ้าจะต่างก็ต่างตรงที่ผู้ชายจะชอบคิดว่าตัวเองทำถูกเสมอ"
"งั้นเหรอ" บาสเตียนพูดแล้วยิ้ม แต่เป็นการยิ้มเยาะหยันพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ในลำคอ จนหญิงสาวแทบจะทนกับคนตรงหน้าไม่ไหว
"มีอะไรจะถามอีกไหมคะ ถ้าไม่มีฉันขอตัวก่อน"
"เชิญ!"
...คนบ้าอะไร ถ้ารู้จักมาก่อนหรือว่าฉันเคยไปขัดแข้งขัดขาเขามาก่อนจะไม่แปลกใจเลยสักนิด แต่นี่เพิ่งรู้จักกัน แต่ทำท่าโกรธเกลียดเหมือนฉันไปฆ่าใครตายมางั้นแหละ โอ๊ย!!! ชีวิตฉันทำไมต้องมาเจอคนแย่ๆ แบบนี้ด้วยนะ หนีจากคนหนึ่งมา ก็มาเจออีกคนหนึ่ง เวรกรรมอะไรนักหนา...
เมื่อกลับเข้ามาในห้องพัก มินธิราก็รู้สึกได้ในทันทีว่ามีอะไรบางอย่างไม่เหมือนเดิม มันคือสมุดสเกตภาพที่เธอทำค้างไว้ มันไม่ได้อยู่ที่เดิมซึ่งเธอคิดว่าต้องเป็นฝีมือเจ้านายหน้ายักษ์แน่ๆ
มินธิราเดินหาเขาจนทั่วบ้านก็ไม่เจอ รถก็ยังจอดอยู่ที่เดิมแสดงว่าเขายังไม่ได้ออกไป น่าจะอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของบ้าน
"คุณบาสเตียน!" หญิงสาวร้องเรียกเมื่อเห็นเขากำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ที่แปลงกุหลาบข้างบ้าน
"ทำไมต้องตะโกนเสียงดังด้วย ที่บ้านคุณไม่สอนเรื่องมรรยาทหรือไง" บาสเตียนตอบกลับมา
"ฉันต่างหากที่ควรถาม ว่าคุณไม่เคยเรียนเรื่องมรรยาทหรือไง" เธอตอบกลับด้วยความโมโห
"ผมไปทำอะไรให้คุณเข้าใจแบบนั้น"
"คุณเข้าไปในห้องฉันทำไม"
"ทำไมผมจะเข้าไม่ได้ ก็นี่มันบ้านผม"
"เรื่องนั้นฉันไม่เถียง แต่อย่างน้อยคุณก็ควรจะรู้จักมรรยาทบ้าง"
"หึ...มรรยาทสำหรับผม มีไว้สำหรับคนที่คู่ควรจะได้รับเท่านั้นแหละ" ชายหนุ่มพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน
"ค่ะ ฉันเข้าใจ ฉันจะได้จำไว้ว่าพี่เลี้ยงเด็กอย่างฉันมันก็แค่คนต่ำต้อย ไม่สมควรที่ใครจะมามีมรรยาทด้วย" พูดจบหญิงสาวก็เดินหนีมาด้วยความเจ็บใจ
วันเสาร์เป็นวันหยุดของมินธิรา แต่แทนที่เธอจะหมกตัวอยู่ในห้อง สู้ออกมาเล่นและอ่านหนังสือกับอลิซไม่ได้ เพราะบาสเตียนดูเหมือนจะมีงานด่วนจึงกลับขึ้นห้องทำงานไปแล้ว
ขณะที่สองสาวต่างวัยกำลังเล่นต่อเลโก้กันอยู่นั้น ก็มีเสียงรถแล่นเข้ามาและครู่หนึ่งเจ้าของรถก็ปรากฏตัวขึ้น
"อาเซน!" อลิซร้องด้วยความดีใจ แล้ววิ่งเข้าไปหาเซนด้วยความคิดถึง มินธิราเองก็ดีใจไม่ต่างกัน เพราะในเวลานี้นอกจากอลิซแล้ว ก็มีเพียงแค่เขาที่ถือว่าเป็นเรื่องดีๆ คนดีๆ อยู่บ้าง
"คนเก่งของอาเซนสบายดีไหมคะ" ชายหนุ่มถามหลานสาว ทว่าสายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่พี่เลี้ยงสาวแทน
"สบายดีค่ะ มินนี่ดูแลหนูดีมากค่ะ" เสียงเจื้อยแจ้วของอลิซ เรียกรอยยิ้มจากผู้ใหญ่ทั้งคน
"อาเซนชักจะอิจฉาอลิซซะแล้วสิ อืม...อลิซจะว่าอะไรหรือเปล่า ถ้าอาเซนจะขอยืมตัวมินนี่สักสองสามวัน" เซนแกล้งพูดเย้าหยอกหลานสาว แต่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่มินธิราเช่นเดิม
"ไม่ได้ค่ะ ถ้าอาเซนพามินนี่ไป อลิซก็คิดถึงมินนี่สิคะ" อลิซปล่อยมือจากเซนแล้ววิ่งมากอดพี่เลี้ยงสาวอย่างหวงแหน
"ก็ได้ๆ ถ้าหวงขนาดนี้ อาไม่ยืมก็ได้"
"ก็ดีค่ะ" หนูน้อยว่าแล้วก็นั่งลงต่อเลโก้ต่อ
"มินนี่สบายดีนะครับ แล้วทำงานเป็นยังไงบ้าง" เซนถามพร้อมส่งยิ้มน่ารักให้หญิงสาว
"ฉันสบายดีค่ะ เรื่องงานก็เรียบร้อยดีค่ะ"
...ติดอยู่อย่างเดียว คือเจ้านายหน้ายักษ์นั่นแหละ... มินธิราได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดออกมา
"วันนี้วันหยุดคุณมีแพลนออกไปเที่ยวที่ไหนไหมครับ"
"ไม่มีหรอกค่ะ ฉันอยากอยู่อลิซมากกว่า เพราะดูเหมือนคุณบาสเตียนจะยุ่งๆ เรื่องงานอยู่ เห็นมีสายโทร.เข้ามา จากนั้นเขาก็กลับขึ้นห้องทำงาน จนป่านนี้ยังไม่ลงมาเลยค่ะ"
"เฮ้อ! นั่นแหละครับปัญหาใหญ่ วันหยุดแท้ๆ แทนที่จะใช้เวลากับลูกให้มากๆ ก็เป็นซะอย่างนี้" เซนบ่นพลางลูบศีรษะหลานสาวตัวน้อยด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
"เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ถ้าคุณไม่มีแพลนอะไร เราพาอลิซออกไปเดินเล่นสูดอากาศกันดีไหมครับ" ชายหนุ่มถามพลางตาเป็นประกายระยิบระยับ
"จะดีเหรอคะ"
"ดีสิครับ ทำไมจะไม่ดี แค่ออกไปเดินเล่นเอง อลิซอยากไปไหมคะ เดี๋ยวอาเซนจะพาไปกินไอศกรีมด้วย"
"ดีค่ะ ไปด้วยกันนะคะมินนี่" เมื่อเจอลูกอ้อนของหนูน้อย มินธิราก็ใจอ่อน
"ก็ได้ค่ะ แล้วจะไปตอนไหนกันดีคะ"
"ไปตอนนี้เลยค่ะ" อลิซร้องขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นกระโดดไปรอบๆ
"ก็ได้ค่ะ งั้นมินนี่ขอตัวไปหยิบเสื้อคลุมก่อนนะคะ" มินธิราพูดจบก็ลุกออกไปหยิบเสื้อคลุมในห้องนอน เซนมองตามไปแล้วแอบอมยิ้มคนเดียว