“มาสิพี่กล้วย เดี๋ยวฉันจุดธูปให้ ดื่มคนเดียวมันเหงา”
เสียงเจื้อยแจ้วยามค่ำมันก็มักจะมาจากบ้านหลังนี้เสมอ แม้จะอยู่ใจกลางเมือง แต่บ้านไม้สองชั้นแห่งนี้ กลับมีราคาค่าเช่าถูกแสนถูก ตอนแรกที่กำลังเดินหาที่พักที่เหมาะสมกับจำนวนยอดคงเหลือในบัญชี ก็มีคุณป้าโผล่มาแนะนำว่าบ้านแห่งนี้คิดไม่แพง เข้าอยู่ได้เลย มีทั้งเฟอร์นิเจอร์ และยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ให้ใช้อีกต่างหาก คนที่มาแต่ตัวอย่าง ‘สิงหา’ มีหรือจะพลาดโอกาสสำคัญ
แม้จะน่าสงสัยสุด ๆ ก็ตาม
“ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว ว่าข้ามีชื่ออันงดงามว่า ‘เจนนิเฟอร์’ เหตุใดไยเจ้ายังเรียกข้าว่ากล้วยอยู่อีก”
ร่างสวยสะอาด พร้อมหน้าตาสะสวยอันเป็นเอกลักษณ์ ห่อหุ้มด้วยสไบสีเขียวแบบเดียวกับที่อยู่อาศัยของนาง รวมไปถึงผ้าถุงลวดลายอ่อนช้อยเข้าชุดกับสไบ อีกทั้งเครื่องประดับตกแต่งเต็มกาย ทำให้ดูอย่างไรนี่ก็งดงามแบบไทยแท้ จะมาเจนนงเจนนี่อะไรกันคะ!?!
“มานั่งเร็ว เดี๋ยวเบียร์ก็หายเย็นหมดหรอก พี่กล้วยก็ช้าจริง!”
คนหิวเบียร์กำลังหงุดหงิด เนื่องจากเพื่อนที่ไม่ใช่มนุษย์ของตนกำลังยืดยาดเกินไป หากน้ำแข็งละลาย มันคงจะหมดอารมณ์พอดี
และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมบ้านหลังนี้ค่าเช่าช่างถูกแสนถูก คุณป้าที่ปล่อยเช่าหลัง ๆ ก็แทบจะไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ ก็แน่ล่ะ เป็นใครก็ไม่กล้าโผล่มา แค่จะมาดูความเป็นไป ก็เห็นว่าเจ้าหล่อนที่เป็นผู้เช่ารายใหม่ กำลังสนุกสนานครื้นเครง... อยู่คนเดียวตลอด
ประวัติบ้านหลังนี้ ง่าย ๆ ก็แค่บ้านที่เคยมีคนตายไม่ต่ำกว่า 3 ครอบครัว สิงหาที่เคยชินกับอะไรแบบนี้ มีหรือจะไม่คว้าไว้ ส่วนวิญญาณที่ยังยึดติดกับที่นี่ เจ้าหล่อนก็ส่งกลับไปยังภพภูมิของตัวเองเรียบร้อย ก็มีแต่เหล่าสัมภเวสีทั้งหลาย ที่เธอพาเข้ามาเป็นเพื่อนคุยเพียงเพราะว่าสงสารนี่แหละ
เพื่อนเป็นคนมันน้อย เหงาไม่ไหว เลยต้องพาผีมาอยู่คุยด้วย
“เจ้ามีเรื่องอะไร ถึงได้มานั่งซดเบียร์ตั้งแต่หัวค่ำแบบนี้” พี่กล้วยของสิงหาถามขึ้น พร้อมกับกระดกเบียร์ที่เธอถวายให้ตาม
“ตกงาน ไม่มีเงิน...” สิงหารีบบอกทันที แน่ล่ะทุกคำพูดของเธอล้วนแล้วแต่มีความหมาย “... พี่กล้วยช่วยให้เลขตรง ๆ กับฉันหน่อยสิ จะเอาไปจ่ายค่าเช่าบ้าน ติดมาหลายเดือนแล้ว”
“นี่มันไม่ใช่หน้าที่ของข้านะ ข้าอยู่ที่นี่มาก่อนเจ้าจะเกิดเสียอีก และต้องดูแลที่นี่ไปจนกว่าข้าจะได้รับการปลดปล่อย การที่ข้าบอกในเรื่องที่ไม่ควร จะทำให้ข้าไม่ได้ไปเกิด แถมยังโดนตำหนิอีก!!” แม่นางสไบเขียวอธิบายพ่วงระบายความในใจเสียยาวยืด กี่ครั้งแล้วที่เธอยอมใจอ่อนช่วยเด็กสาวตรงหน้าเพื่อแลกกับของถวายรสเลิศ สุดท้ายก็โดนเหล่ารุ่นพี่ตำหนิครั้งแล้วครั้งเล่า เลยตั้งมั่นว่าต่อให้ของถวายจะล่อตาล่อใจแค่ไหน นางจะไม่ยอมเด็ดขาด!!
“พี่กล้วยจ๋า~” เสียงอ้อนแบบเดิม เพิ่มเติมคือมีการหยอดตาหวานใส่นางเป็นกำลังเสริม “ถ้าฉันโดนไล่ออก แล้วพี่กล้วยจะคุยกับใครล่ะคะ~”
วี้ดดด~
“เจ้าไม่ต้องมาทำตัวน่าสงสาร ไม่ใช่ว่าเจ้าจะเดือดร้อนเสียหน่อย พ่อแม่เจ้าเองก็มี เหตุใดเจ้าจึงไม่ไปขอพวกเขาเล่า!”
เหมือนว่าสหายสีเขียวของสิงหาจะไม่ยอมง่าย ๆ แถมยังไล่ไปหาพ่อกับแม่ที่เธอหนีออกมาอีก ทำให้ตอนนี้สมองตื้อกว่าที่เคยเป็น ท่าทางต้องใช้ไม้เด็ด
วี้ดดด~
“ฉันคิดว่าจะไปซื้อชุดใหม่ให้พี่กล้วยด้วย แบบเดียวกับเจนนี่ แบล็กอิ้งค์เลยนะ กำลังลดราคาพอดี แต่ถ้าไม่มีเงินไปจ่ายค่าเช่างวดนี้ ฉันก็คงไม่มีปัญญา”
สิงหาเสสายตามองร่างสวยที่อยู่ด้านข้าง แม้จะทำทีท่าว่าไม่สนในคำพูดของเธอ แต่สายตาก็ดูสนใจไม่น้อย กี่สิบปีมาแล้วที่นางจะต้องสวมชุดสุดโบราณนี้ในแบบเดิม และตัวเดิมอยู่เสมอ หากได้ชุดใหม่แบบสมัยนิยมล่ะก็ คงงามมิใช่น้อย
“ไม่ได้!” พี่กล้วยของสิงหากระแทกแก้วเบียร์ลงที่แคร่ไม้ไผ่ที่ทั้งคู่นั่งอยู่ดังปัง จนเจ้าตัวต้นเรื่องสะดุ้งโหยง “ข้ามิยอมให้เจ้ามาลวงข้าแน่!”
คนที่อยู่มานานหลายสิบปีจะไม่รู้เชียวหรือว่าที่เด็กสาวพูดมันจริงหรือหลอก เป็นผีหลอกคนมาก็นาน จะให้มาโดนคนหลอกมันใช้ได้ที่ไหนกัน!!
“โธ่~ พี่กล้วย ฉันขอร้องล่ะ ป้าเจ้าของบ้านเขาเก็บแค่ค่าน้ำค่าไฟที่ฉันใช้เท่านั้นเองนะ แต่ดูเหมือนเจ้าที่ในตู้เย็นจะชอบเปิดทิ้งไว้ประจำ ฉันเลยต้องมานั่งกลุ้มใจอยู่นี่ไง แถมยังมี... ค่าน้ำที่รดที่อยู่พี่กล้วยอีก นี่มันก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ!!”
วี้ดดด~
เจ้าหล่อนเล่นพูดเสียยาว ยังไม่พอ ยังหลากอารมณ์จนวิญญาณที่มาร่วมฟังการสนทนา (หรือต่อรอง) ครั้งนี้ ต่างลุ้นตัวโก่งว่าฝ่ายไหนจะชนะ
“ข้าเกรงว่าข้าจะโดนตำหนิต่างหาก ข้าถึงไม่ให้เจ้า เจ้ายังไม่เป็นแบบข้า เจ้าจะไปรู้อะไร ข้าน่ะ... ข้าน่ะ...”
เอาล่ะ ละครที่นางสไบเขียวชอบดูกับมนุษย์ร่วมบ้านมันกำลังออกฤทธิ์แล้ว สาวสวยกำลังบีบน้ำตาตามบทที่คิดไว้ พร้อมตวัดสไบผืนยาวมาซับน้ำตาที่ไม่มีให้ไหลเบา ๆ ทำเอามนุษย์เพียงหนึ่งเดียวกลอกตามองอย่าง... ละเหี่ยใจ
เอาแบบนี้ใช่มั้ย? ... ได้!
“หรือว่า... ที่เขาลือกันจะเป็นเรื่องจริง?”
วี้ดดด~
ผีที่กำลังแสดงละครในแบบของมนุษย์สะดุดกึกเหมือนได้ยินเรื่องที่พยายามปิดบังจากเจ้าหล่อนตรงหน้า จะใครก็ได้ แต่ไม่ใช่เธอ เรื่องนี้มีแค่เธอเท่านั้นที่ไม่ควรรู้มากที่สุด!
“จะ... เจ้าพูดถึงเรื่องอะไรกัน!?!”
มีพิรุธสุด ๆ
“ฉันก็หมายถึงบ้านที่เพิ่งมาสร้างใหม่” เด็กสาว (ที่ไม่สาว แค่อายุน้อยกว่าคู่สนทนามากเกินไปต่างหาก) หรี่สายตามองคน ไม่สิ ผีเลิกลั่กจนจับสังเกตได้ไม่ยาก “ฉันเดินผ่านมา รูปหล่อใช่เล่นเลยสินะ... ที่มากับเสาต้นใหญ่ต้นนั้น”
“ไม่นะ ๆ ๆ ๆ เจ้าจะพูดแบบนี้ไม่ได้ เจ้าห้ามพูดเด็ดขาด ข้าน่ะ... ข้าน่ะ... ข้าไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าข้าชอบท่านผู้นั้นมาก!!”
เป็นผีที่บ้าจี้กว่าที่คิดแฮะ สิงหามองใบหน้าขาวสวยสะอาด ที่กำลังมีความแดงตีขึ้นหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ ตั้งแต่เล็กจนโต ก็เห็นผีมาหลายรูปแบบ แต่ผีเขินจนหน้าแดงแบบนี้ไม่เคยเห็นเลยแฮะ ปกติมาทีเลือดอาบทั้งตัว ไม่เคยเห็นแบบเลือดฝาด พร้อมท่าทีเขินอายแบบนี้ แปลกดีแฮะ
“พี่กล้วย... ใจเย็น ๆ แล้วค่อย ๆ หายใจนะ เดี๋ยวตายซ้ำตายซ้อนฉันจะบาปเอา” สิงหาพยายามปลอบคนที่ดูเหมือนจะตกใจจนนั่งไม่ติด ตอนนี้นางไม่กล้าจะหันมามองมนุษย์ตรงหน้าแล้ว เหตุใดถึงรู้ได้ “พี่กล้วย เรื่องนี้มันไม่ยากเลย เดี๋ยวฉันจัดการให้ รับรองว่าได้มีท่านเทพารักษ์มาอยู่ใกล้ ๆ แน่นอน”
พอจับจุดได้หน่อยก็เอาใหญ่
วี้ดดด~ (ไม่มีใครสนใจ คอแห้งหมดแล้ว)
“สิงหา ข้าว่าเจ้าอย่ามายุ่งเรื่องของโลกพวกข้านักเลย เจ้าควรคบหากับมนุษย์เสียบ้าง ที่ข้าบอก เพราะข้าหวังดีนะ”
เจนนิเฟอร์ หรือแม่ตานีที่เราคุ้นหูคุ้นตากันดีได้เอ่ยขึ้น ทุกวันนี้หญิงสาวตรงหน้าแทบจะไม่มีมนุษย์คนไหนกล้าคุยด้วยเลยด้วยซ้ำ กลายเป็นตัวประหลาดของคนแถวนี้ แม้กระทั่งเด็ก ก็เอาแต่ร้องเพลงล้อเจ้าหล่อนไม่หยุด นางที่เป็นผีล่องลอยมานาน เหตุใดจะไม่รู้ว่ามันคือความโดดเดี่ยวที่เธอไม่ควรได้รับ
วี้ดดด~
“พอเถอะพี่กล้วย เรื่องนี้ฉันแค่สบายใจที่จะอยู่กับพวกพี่ เป็นผีแล้วไง เป็นคนแล้วไง ฉันอยู่กับพวกพี่สบายกว่าตั้งเยอะ... มนุษย์น่ะ น่ากลัวกว่าผีเสียอีก”
ความทรงจำที่ยังตราตรึงอยู่ไม่ยอมหาย ‘มนุษย์’ ในความทรงจำของเธอ ไม่เห็นจะมีดีเลยสักคน เว้นแต่พวกพี่ชายของตัวเองที่เข้าใจ ต่อหน้าก็พร้อมจะยิ้มให้ แต่ลับหลังเอาเธอไปพูดเสียหายแค่ไหน ทำไมจะไม่รู้ล่ะ
วี้ดดด~
“โธ่~ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปเจออะไรมา แต่มนุษย์ก็ไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียวหรอก มันยังมีอยู่นะ คนที่ดีมาก ดีจนใจหาย คนที่เจ้าจะสามารถวางใจของเจ้าให้เขาได้ดูแล ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องได้เจอคนแบบนั้นในสักวัน”
แม่ตานีพูดเพื่อให้กำลังใจแก่คนโลกแคบอย่างเด็กสาวตรงหน้า ไม่เพียงเท่านั้น เหล่าวิญญาณที่เธอเคยช่วยเอาไว้ ต่างก็เห็นด้วยกับเจ้าที่อย่างแม่ตานีที่อยู่มานาน
“เจอตอนนี้เลยได้มั้ย... กำลังร้อนเงินสุด ๆ ไปเลย”
วี้ดดด~
ร่างสูงใหญ่เสียดฟ้าเข้ามาใกล้กว่าทุกครั้งที่เคยเห็น สูงเสียจนทั้งคู่ต้องเงยหน้ามองจนสุดคอ เงาดำขนาดใหญ่มาพร้อมกับเสียงโหยหวน ความเย็นในอากาศเริ่มเพิ่มขึ้น เสียงหวีดร้องทั้งแน่นทั้งหนักอันคุ้นหู แน่ล่ะ คืนนี้ยังมีแขกอีกตนที่ยังต้องการจะมาพูดคุยกับทั้งคู่
วี้ดดด~ วี้ดดด~ วี้ดดด~
“โอ๊ย!! นี่ก็พูดไม่รู้เรื่องแล้วยังขยันพูดจัง อุตส่าห์ทำเป็นไม่สนใจแล้วนะ!”
“สิงหา เจ้าต้องใจเย็น ๆ นางเพิ่งมาใหม่ ยังไม่ชินกับที่นี่” สหายสีเขียวบอก และคอยปรามเธอให้ใจเย็นลง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหล่อนจะไม่ใช่คนที่จะใจเย็นง่าย ๆ นี่สิ
ร่างเล็กเดินมุ่งไปหาผู้มาใหม่ แน่ล่ะ เธอตัวสูง สูงที่สุดกว่าใครในที่แห่งนี้ แต่ปากกับเล็กกว่าใครในที่นี้ด้วยเช่นกัน เห็นว่ากำลังทรมานกับกรรมที่ตนเองได้ก่อ สิงหาเลยพามาอยู่ที่นี่ แต่ดูเหมือนชาติก่อนนางจะเป็นคนช่างคุยสินะ ถึงได้ส่งเสียงไม่หยุด
วี้ดดด~
“รู้แล้ว ๆ แต่ช่วยเงียบ ๆ ก่อนได้หรือเปล่า เพราะฉันกำลังคุยเรื่องสถิติสำคัญกับพี่กล้วยอยู่” เธอเท้าเอวแหงนมองร่างที่มีความสูงกว่า (มาก)
วี้ดดด~
“อะไรเล่า พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลย บอกแล้วว่าให้ไปนั่งฝึกกรรมฐานกับหลวงพ่อไง ทำไมถึงยังมาที่นี่อยู่อีก! แล้วเมื่อไหร่จะหลุดพ้นสักที บาปหนักมากนะเราน่ะ”
วี้ดดด~
“ยังจะเถียงอีก!”
วี้ดดด~
“ปัดโธ่เว๊ย!!”
ขาเรียวยาว... ยาวมาก อยู่แค่ตรงหน้าของสิงหาแค่นี้เอง เธอเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะวอร์มขาข้างถนัดเล็กน้อย และออกแรงเหวี่ยงท่อนขาของตัวเองเข้าที่ขายาว ๆ ของผู้มาใหม่จนเพื่อนตัวสูงร้องเสียงหลง!!
ปัก!!!
วะ... วี้ดด วี้ดดดดด วี้ดดด~
ทั้งสองข้อมือ และสองข้อเท้าของสิงหา มีสายสิญจน์สีแดงผูกเอาไว้ ที่เป็นของสำคัญของเหล่าพี่ชายทั้ง 4 ให้เธอเพื่อป้องกันตัว แม้เธอจะนำมาตบตีกับเหล่าวิญญาณเป็นว่าเล่นก็ตาม เชื่อเถอะว่าถ้าเหล่า 4 คนนั้นรู้ รับรองเธอได้โดนเทศนายาวแน่สิงหาเอ๋ย~
ร่างที่สูงยาวจนต้องแหงนมองคอตั้ง ส่งเสียงร้องอย่างน่าสงสาร และการที่เธอมา ณ ที่แห่งนี้ ก็แค่ต้องการจะมาตอบแทนเรื่องที่หญิงสาวผู้เท้าเอวท่าทางหาเรื่องคนนี้ได้ช่วยนางเอาไว้เท่านั้น เพียงแค่พูดไม่รู้เรื่องเฉย ๆ
แต่ก็ไม่ต้องถึงขนาดมาเตะกลางแข้งขนาดนี้!!
“เป็นไงล่ะ ฉันบอกแล้วว่าอย่ากวน!” นี่หรือคือคนที่ช่วยเหลือวิญญาณไปทั่ว นอกจากจะช่วยเหลือแล้ว ยังช่วยซ้อมผีจนเจ็บไปหลายตน แม้กระทั่งเปรตเจ้าหล่อนก็ไม่คิดจะกลัว
“สิงหา! เจ้าจะทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า!?” พี่กล้วยรีบเข้ามาดูอาการของน้องใหม่ แม้จะเจ็บไม่มาก แต่ก็เล่นเอาน้ำตาซึมอยู่ไม่น้อย “เขาแค่จะมาบอกเลขที่เจ้าต้องการ เจ้าไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้”
“อะไรนะ!?!”
จากมารร้าย กลับกลายเป็นนางฟ้า สิงหาแทบจะถลาเข้าไปหาจุดที่เธอเพิ่งฟาดเข้าไปเต็มแข้งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะค่อย ๆ ลูบเพื่อให้คลายความเจ็บลง พอหันไปมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยผมพะรุงพะรังนั่นกำลังมีน้ำใส ๆ ซึมออกจากดวงตาก็รู้สึกผิด (ปลอม ๆ) อย่างสุดหัวใจ
“ฉันขอโทษนะ ‘แมรี่’ พอดีฉันอาจจะเมาไปหน่อยเลยหงุดหงิดง่ายน่ะ”
“โธ่ ยัยสิงหา เจ้าเรียกข้าว่ากล้วย แต่เรียกยัยน้องใหม่ว่าแมรี่”
ช่างลำเอียง กล้วยคิด แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยรอบนี้ก็ดูเหมือนว่านางจะไม่โดนเหล่ารุ่นพี่ตำหนิแล้ว เพราะหลังจากนี้ ยัยเด็กน้อยที่เป็นมนุษย์เข้ามาอยู่ได้ไม่นาน คงจะไปปรับทุกข์กับคู่หูตัวสูงแทน
“3 ตัวตรงเลยเหรอ!?!”
วะ... วี้ดดด~
แถมยังเปิดใจคุยกันรู้เรื่องอีกต่างหาก!