ทว่าพีรวัฒน์กลับมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า ห่างเหินราวกับว่าไม่รู้จักสาวตรงหน้ามาก่อน ปนัดดารู้สึกเจ็บกับดวงตาคู่นั้น แต่เธอยอมเจ็บหากได้อยู่ใกล้คนที่ตัวเองรัก
ไม่ว่าพีรวัฒน์จะรู้สึกอย่างไรกับปนัดดา สุดท้ายเขาก็ต้องทำตามที่เธอสั่ง ลำแขนใหญ่ยกขึ้นสูงก่อนจะโอบกอดร่างสาวไว้ในวงแขน กดปลายจมูกลงบนแก้วชมพูปลั่ง แล้วขยับปากไปตรงใบหู ก่อนจะบอกคำรักตามที่เธอปรารถนาจะได้ยิน
“พี่รักแต้วคนเดียว” ปนัดดายิ้มกับคำรักจอมปลอม คำรักที่เธอบังคับให้เขาพูด ไม่มีใครรู้ความรู้สึกของปนัดดาเวลานี้เลยว่า หวานอมขมกลืนมากแค่ไหน เจ็บปวดกับการที่อยู่ร่วมบ้านกับคนที่ไม่เคยคิดจะรัก แล้วเจ็บยิ่งกว่าที่รู้ว่าเขาอยู่เพราะเงิน แต่ถึงกระนั้นปนัดดาก็ยอมเจ็บ แล้วหวังว่าหากไม่มีอักษรา พีรวัฒน์จะต้องกลับมาเป็นของเธอคนเดียว
“แต้วรักพี่พีค่ะ รักมากที่สุด” เธอกระชับลำแขนกอดร่างหนามากขึ้น แนบศีรษะลงบนแผงอกอุ่นของเขา ซึมซับความอบอุ่นอันน้อยนิดที่เขามีให้ไว้ในความรู้สึก “จูบแต้วหน่อยสิคะพี่พี”
ปนัดดาเงยหน้าบอกพีรวัฒน์ที่โน้มใบหน้าเข้าหานวลหน้าสวยที่เผยอปากรอรับจุมพิตอย่างเสียมิได้ เป็นจูบที่ไร้ซึ่งความเสน่หา จูบเพราะต้องจูบ ความเร่าร้อนจึงไม่เกิดขึ้นในความรู้สึกของพีรวัฒน์
แต่สำหรับฝ่ายหญิง จูบของเขาเร่าร้อน มีความซาบซ่านกระจายไปทั่วช่องปากและร่างกาย เธอหลงใหลกับจุมพิตที่ไม่ได้มาจากความเต็มใจนี้เหลือเกิน
“ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ เหนื่อยอยากพักผ่อน”
พีรวัฒน์พูดขึ้นเมื่อเขาดึงริมฝีปากออกห่างเรียวปากของปนัดดา จากนั้นก็ดันร่างเล็กให้ออกห่าง เบี่ยงตัวเดินไปยังห้องนอนทันที ปล่อยให้เจ้าของห้องน้ำตาร่วงกับความเฉยชา ไม่สนใจใยดีของเขา
ปนัดดามองตามร่างของคนที่ตนรักทั้งน้ำตา หยดน้ำใสๆ ไหลเกลือกกลิ้งแก้มนวลเป็นทาง ย้อนคิดถึงวันแรกที่เขามาอยู่ที่นี่ ในคืนนั้นความสัมพันธ์เร่าร้อนระหว่างเธอกับพีรวัฒน์เกิดขึ้นจากความเมาไม่ได้สติของเขา แล้วนับจากนั้นเรื่องบนเตียงก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย จะมีเพียงการจุมพิตที่เธอเรียกร้องเป็นครั้งคราวเท่านั้น
รักคนที่เขาไม่รักเรามันเจ็บอย่างนี้นี่เอง แต่อีกไม่นาน อีกไม่นานพีรวัฒน์ก็จะหันมามองและรักเธอ เพราะเสี้ยนหนามตำใจถูกขจัดออกไปจากชีวิตเธอแล้ว แต่ทว่าจะต้องให้กระเด็นออกไปอย่างถาวร อักษราต้องไม่มีหน้ากลับมาหาพีรวัฒน์อีก
ความรักที่ปนัดดามีต่อพีรวัฒน์ กำลังทำให้ชีวิตของใครหลายคนเปลี่ยนไป
เรือเร็วลำหนึ่งแล่นอยู่เหนือผืนทะเลสีมรกต บนเรือมีชายฉกรรจ์สี่คนนั่งมองทะเลที่พวกเขาคุ้นเคย จะมีเพียงคนเดียวที่หลุบตามองร่างของอักษราที่ถูกมัดมือมัดเท้า มีผ้าผืนใหญ่ปิดปากเอาไว้ เปลือกตาสาวหลับพริ้มและดูเหมือนว่าจะไม่ฟื้นคืนสติง่ายๆ
เวลาผ่านไปราวยี่สิบนาทีเรือเร็วลำนั้นได้จอดอยู่ตรงชายหาดสีขาวที่ทอดยาวประมาณร้อยกว่าเมตร น้ำทะเลใสแจ๋วจนเห็นปลาสีสันสวยงามแหวกว่ายไปทั่วบริเวณ
สมศักดิ์ สมชาย สมปองกระโดดลงจากเรือตามลำดับ เหลือเพียงปุณณ์ที่ไม่คิดจะลงจากเรือ เขากลับมองร่างของอักษราอย่างใช้ความคิด ในระหว่างที่สมองกำลังประมวลอะไรบางอย่างอยู่ ฉับพลันนั้นเสียงร้องไห้ของน้องสาวก็ดังก้อง คำบอกเล่า คำตัดพ้อ คำรำพันเสียใจวนเวียนในหูทั้งสองข้าง ทำให้เขาพลอยเจ็บแทนปนัดดาไปด้วย ปุณณ์จึงทำในสิ่งที่ลูกน้องทั้งสามไม่คิดว่าเจ้านายจะทำ
“ตูม” ร่างของอักษราที่ยังไม่ได้สติ แล้วยังจะถูกมัดมือมัดเท้าและปิดปาก ถูกโยนลงมาจากเรือด้วยมือของเจ้าของเกาะ ลูกน้องทั้งสามมองตากันเลิ่กลั่ก อยากจะไปช่วยสาวน้อยผู้น่าสงสารใจจะขาด แต่ถ้าช่วยมีหวังพวกเขาต้องโดนบาทาของเจ้านายแน่นอน
อักษรารู้สึกตัวเมื่อร่างกายกระแทกกับผืนน้ำ น้ำเค็มๆ ซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามาในปากและจมูกจนเธอเกิดอาการสำลัก เปลือกตาสาวเปิดขึ้นในเวลาต่อมาแต่ก็ต้องหลับลงอีกครั้ง เพราะน้ำทะเลเข้าไปในดวงตาของเธอจนเกิดความแสบ อักษรารีบทะลึ่งตัวขึ้นเหนือน้ำ โดยไม่รู้ว่าเวลานี้ตนเองตกอยู่ในสภาพอย่างไร
“อื้อๆ อื้อๆ” ทันทีที่ขาทั้งสองข้างยืนอยู่บนทรายใต้น้ำ และรู้ว่าตัวเองถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกทั้งข้อมือและเท้า ปากก็เช่นกันหาได้มีอิสระถูกปิดทับด้วยผ้าผืนใหญ่
“อ๊าย!” ความที่ข้อเท้าเล็กถูกมัดด้วยเชือก ส่งผลให้เธอยืนได้ไม่ถนัดนัก เสียการทรงตัวจนร่างคะมำลงไปในผืนน้ำ แต่เธอก็พยายามยืนขึ้นอีกแต่สุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิม อักษราจึงเลือกที่จะนั่งลงบนผืนทรายใต้น้ำที่มีความลึกประมาณครึ่งเมตร
อักษรานั่งมองร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำน่าเกรงขาม ใบหน้าของเขามีหนวดเคราขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบมองมายังเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เขากระโดดลงมาจากเรือเร็วก่อนจะเดินลุยน้ำทะเลมาหาเธอ
“ไง ตื่นแล้วเหรอ นึกว่าจะตายเพราะยาสลบซะแล้ว”
เสียงห้าวใหญ่พูดขึ้น ในขณะที่มาหยุดยืนเท้าเอวตรงหน้าเธอ อักษราเงยหน้ามองชายหน้าตาน่ากลัวที่จ้องหน้าเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออย่างหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าเขาทำเช่นนี้กับเธอทำไม จะถามก็ไม่ได้เพราะปากถูกปิดด้วยผ้าผืนใหญ่
อักษราไม่เพียงแค่มองชายร่างตึกนี้เท่านั้น ยังมองไปยังร่างของชายอีกสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลด้วย ความกลัวอัดแน่นในใจสาวมากขึ้น สัญชาตญาณบอกเธอว่า ตนเองกำลังมีอันตราย ร่างเล็กจึงกระเถิบตัวหนี พยายามขยับข้อมือที่ถูกมัดไขว้ไว้ทางด้านหลังไปมา เพื่อให้ปมของเชือกนั้นคลายออก แต่ดูท่าจะยากเนื่องจากมันถูกมัดแน่นเหลือเกิน
“จะหนีเหรอ” ปุณณ์พูดเสียงเย็นยะเยือก กระตุกยิ้มน่ากลัว “ฉันบอกได้เลยนะว่ายาก แต่ถ้ามีปัญญาก็ลองดู” เขาพูดไปด้วยย่างเท้าก้าวเข้าไปหาอักษราที่ยังกระเถิบตัวหนีไม่หยุด
“%#@&*^%! %$” คำพูดไม่รู้เรื่อง จับใจความไม่ได้ พูดไม่เป็นภาษาก้องอยู่ในลำคอของอักษรา คำพูดเหล่านั้นที่ไม่อาจเอ่ยให้ใครเข้าใจได้ มันคือคำถามที่ถามชายตรงหน้าว่า จับเธอมาที่นี่ทำไม