บทที่ 3 สถานที่ลับ [1/3]

1434 Words
“มึงจริงจังกับน้องของขวัญจริงเหรอวะ?” ไอ้มาร์คพูดถามไอ้พีไอด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ซึ่งผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน เพราะไอ้หน้าตายพูดน้อยอย่างไอ้พีไอจู่ ๆ ก็บอกว่าชอบน้องของขวัญเกรดเจ็ดที่พึ่งเข้ามาใหม่และยังเป็นลูกของทีชเชอร์ขนิษฐาด้วย และมันกับน้องก็อายุห่างตั้งห้าปี แม่งอยากกินเด็กไม่เจียมกะลาหัวตัวเองเลย “อืม จริงจัง” ไอ้พีไอตอบเสียงเรียบ เห็นแววตาดูเอาจริงเอาจังของมันแล้วทำผมอดที่จะแซวไปไม่ได้ “หึ โคแก่ชอบกินหญ้าอ่อนนี่หว่า” ไอ้พีไอที่ได้ยินผมแซวไปแบบนั้นก็มองแรงใส่และก่นด่าผมทางสายตารัว ๆ ผมจึงกระตุกยิ้มมุมปากทำเป็นไม่สะทกสะท้านใส่มันกลับไป “ถ้าหญ้าอ่อนน่ากินกูก็อยากลองนะ” ไอ้ปุณณ์พูดหยอกเย้าด้วยแววตาหื่นกระหาย เรียกสายตามองแรงของไอ้พีไอที่กำลังมองผมอยู่ไปที่มันแทน ก่อนจะได้ยินสบถใส่ไอ้ปุณณ์ “เวร!” “กูก็พูดไปงั้น มึงอย่าถือสาไอ้พีไอ ฮ่าฮ่าฮ่า” ไอ้ปุณณ์หัวเราะร่าด้วยใบหน้ายียวนกวนประสาทและดูน่าหมั่นไส้ไม่น้อย “เหอะ!” ไอ้พีไอแค่นเสียงในลำคอบ่งบอกว่าไม่พอใจขั้นสุด แต่กระนั้นก็เลิกสนใจพวกผมแล้วหลุบตามองจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ากำลังรอน้องของขวัญตอบแซตอยู่ชัวร์ “พวกเพื่อน ๆ มีคนที่ชอบที่สนใจกันจะหมดแล้ว มึงไม่สนใจใครเลยเหรอวะไอ้เหหา?” ไอ้มาร์คหันมาถามผม ซึ่ง ‘เหหา’ คือชื่อเล่นที่พวกมันตั้งให้ผมเพราะไม่อยากเรียกผมว่าเหมันต์ดี ๆ โดยที่ผมก็ไม่ได้รู้สึกชอบใจไอ้ชื่อนี้สักเท่าไหร่ ออกจะรู้สึกไม่ลื่นหูเวลาได้ยินซะด้วยซ้ำ “ไม่ว่ะ” ผมจึงตอบมันไปแบบไม่ต้องคิด เพราะยังไม่เจอคนที่สนใจจนทำให้ชอบได้เลยสักคน ตัดไปที่เพื่อน ๆ ที่ต่างมีคนที่ชอบกันหมดแล้ว แม้แต่ไอ้คนที่ผมเคยคิดว่ามันอาจจะเป็นโสดและบวชเป็นพระตลอดชีวิตอย่างไอ้พีไอ “อยากครองตัวเป็นชายโสด ใจโฉด โหมดคิตตี้รึไงวะ มึงหาคนที่ชอบสักคนดิ ใกล้จะเรียนจบแล้วนะเว้ย ไม่งั้นไปเรียนมหา’ลัยแล้วมึงได้อายคนเขาตายเลย เขาจะหาว่าหน้าตาก็หล่อแต่ดันไม่เคยมีแฟนสักคน” “เคยมีแฟน และมีคนที่ชอบแต่เขาไม่เอาแบบพวกมึงกูไม่เอาด้วยหรอก” ผมพูดจิกกัดใส่ไอ้พวกเพื่อนเวรทั้งหลายที่ส่วนใหญ่ชอบสาวแต่เขาไม่เล่นด้วย “เอ้า ไอ้นี่!” ไอ้มาร์คแยกเขี้ยวใส่ผมอย่างไม่พอใจ ผมจึงกระตุกยิ้มอย่างสะใจใส่มันไป “มันก็เป็นของมันแบบนี้มาตลอด อ่อยสาวไปเรื่อยแต่ไม่เอาสักคน มึงอย่าไปยุ่งกับมันเลย เอาตัวเองให้รอดเถอะไอ้มาร์คเพื่อนรัก” ไอ้ปุณณ์พูดพลางตบไหล่คล้ายปลอบใจไอ้มาร์คเบา ๆ อย่างเห็นใจ ทั้งที่มันก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกับไอ้มาร์คนั่นแหละ แต่ปากแข็งและไม่รู้ใจตัวเอง “แม่ง!” ไอ้มาร์คเม้มปากแน่นเพื่อข่มความซอกซ้ำน้ำใจ เพราะมันชอบน้องเกรดสิบคนหนึ่ง แต่น้องเขาไม่ชอบมันและเพิ่งมีแฟนไปเมื่อวานซืนเอง หลังนั่งคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อยได้สักพักหนึ่ง ผมก็รู้สึกต้องการอะไรบางอย่าง “เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำแป๊บ” พูดบอกไอ้พวกเพื่อนตัวแสบเสร็จผมก็เดินออกมาจากห้องเลย แต่ทว่าไม่ได้ตรงไปยังห้องน้ำอย่างที่ว่า แต่สาวเท้าไปยังสถานที่ลับซึ่งเป็นที่ฮีลลิ่งของผมแทน สถานที่ที่ผมกำลังจะไปต้องเดินผ่านห้องเรียนหลายห้อง และก็ได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดดังแว่วตามหลังมา รวมทั้งมีรุ่นน้องที่ยืนจับกลุ่มคุยกันตามทางเดินที่ส่งยิ้มมาให้ ผมจึงต้องคลี่ยิ้มบาง ๆ กลับไปอย่างรักษามารยาท ผมเดินเลาะและอ้อมตึกเรียนมายังตึกอาคารกิจกรรม แล้วก็เดินขึ้นบันไดมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงดาดฟ้า พอมาถึงก็หยิบบุหรี่ออกมาคาบที่ปากแล้วเอาไฟแช็กจุดบุหรี่ สูดนิโคตินเข้าปอด แล้วพ่นควันขาวโพลนออกมาทั่วบริเวณ แอร๊ดดด.. เสียงเปิดประตูเรียกความสนใจของผมให้รีบหันไปมองและเห็นเป็นร่างเล็กยืนทำหน้าอึ้งและตกตะลึงอยู่ “ขะ..ขอโทษค่ะ” “เดี๋ยว” เธอโค้งหัวขอโทษอย่างลนลานแล้วหมุนตัวเตรียมจะเดินหนี ผมจึงเอ่ยเรียกเธอไว้ ทำให้ฝีเท้าของเธอหยุดชะงักกึกอยู่หน้าประตู ผมทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วเอาเท้าบดขยี้มันให้ดับ ก่อนจะสาวเท้าเดินตรงเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ก้มหน้างุดไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม “น้องรู้ได้ยังไงว่าดาดฟ้านี้เข้ามาได้” ปกติตึกกิจกรรมแทบไม่มีคนเข้ามาใช้ แล้วยิ่งเป็นดาดฟ้ายิ่งไม่ค่อยมีคนเฉียดมาใกล้ เพราะมันกลายเป็นที่เก็บของ รวมทั้งเป็นที่ทิ้งพวกโต๊ะและเก้าอี้ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว “นะ..หนูได้ยินเสียงคนเปิดประตูค่ะ เลยขึ้นมาดู” เธอพูดแล้วเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อกวาดสายตามองดูสภาพรก ๆ ของดาดฟ้า ทำให้ผมได้เห็นใบหน้าของเธอชัดเจน ผิวสีซีด ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตากลมโต และผมที่หยิกฟูดูเป็นเอกลักษณ์ “ไม่เคยขึ้นมา?” “พึ่งเคยขึ้นมาครั้งแรกค่ะ หนูไปก่อนนะคะพี่” พูดบอกผมก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะเดินหนีอีกครั้ง “พี่กำลังคุยด้วยน้องจะรีบหนีไปไหน” เท้าของเธอหยุดชะงักอีกรอบเมื่อได้ยินผมพูดไปแบบนั้น ก่อนจะหันมาทำหน้าตาบ้องแบ๊วใส่เป็นเชิงถามผมว่าอยากคุยอะไรกับเธออีก ผมโน้มใบหน้าลงไปให้อยู่ในระดับเดียวกับใบหน้าของคนตัวเตี้ยกว่าแล้วเอ่ยถามขึ้น “น้องมาทำอะไรที่ตึกนี้ครับ?” “นะ..หนูมาวาดรูปที่ห้องศิลปะค่ะ” ได้ยินเธอตอบมาแบบนั้น ผมก็ปรายตาไปมองที่สมุดวาดภาพของเธออย่างอัตโนมัติด้วยความอยากรู้ ที่แท้ก็เป็นเด็กศิลป์ชอบวาดรูป “น้องหน้าตาคุ้น ๆ นะ” “……” เธอทำหน้าตาเหลอหลา ดวงตาล่อกแล่กดูมีพิรุธ ยิ่งเห็นแก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่อก็ทำผมนึกขำ “น้องใช่คนที่พึ่งแอดเฟรนด์พี่ในเฟซบุ๊กมาเมื่ออาทิตย์ก่อนรึเปล่า?” “อะ..เอ่อ...” “ใช่สินะ” เห็นเธอตะกุกตะกักพูดไม่ออกก็พอจะเดาคำตอบได้ไม่ยาก แต่ที่จริงผมจำได้ว่าเพิ่งกดตอบรับคำขอเป็นเพื่อนของเธอเมื่อไม่นานมานี้ และถ้าถามว่าทำไมถึงจำได้ ก็เพราะผมเข้าไปส่องโปรไฟล์ของเธอก่อนกดตอบรับไงล่ะ “ค่ะ” “น้องชื่ออะไร?” เธอรีบเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมแบบอึ้ง ๆ ทันที คงแปลกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ผมก็อยากรู้ชื่อของเธอ และที่ผมถามเพราะอยากรู้ไปอย่างนั้นแหละ ก็แค่ถามเผื่อไว้ เผื่อได้เจอหน้าน้องบ่อย ๆ “น้องลืมชื่อตัวเองเหรอครับ ทำไมไม่บอกพี่” “นะ..หนูชื่อแยมโรลค่ะพะ..พี่เหมันต์” “รู้ชื่อพี่ซะด้วย” ผมกระตุกยิ้มมุมปาก ทักเธอไปแบบนั้นทั้งที่รู้ดีว่ามีใครบ้างที่ไม่รู้จักผมและแก๊งเพื่อน “นะ..หนูมีเรียนต่อค่ะ ขะ..ขอตัวก่อนนะคะ” พูดเสียงตะกุกตะกักบอกผมก่อนจะโค้งหัวให้หนึ่งทีแล้วรีบหมุนตัวเดินจากไปอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวว่าผมจะเรียกเธอเอาไว้อีก ผมมองตามแผ่นหลังของน้องขนมฟูตัวเล็กจนหายไปจากสายตาพลางยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะล้วงเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอีกมวน เพราะแค่มวนเดียวมันคงไม่พอสำหรับการเรียนช่วงคาบบ่ายที่แสนน่าเบื่อและชวนง่วงนอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD