“อื้อ... ท่านประธานทำอะไรคะ” พิมพ์พิศาดิ้นรน แต่มือหนาของเขากดมือเธอไปกับผนังห้องไม่ยอมปล่อย
“ผมหิว”
“หิวอะไรคะ อื้อ... พอก่อนค่ะ” ถามอีกก็ถูกจูบอีก จูบจนปากแทบช้ำ
“หิว” เขาตอบสั้นน้ำเสียงอ้อยอิ่ง มองริมฝีปากจิ้มลิ้มของเธอไม่วาง สายตาของเขานั้นทำให้ท้องไส้ของเธอปั่นป่วนยิ่งนัก
“ท่านประธาน อย่าค่ะ” เธอเบี่ยงหลบเมื่อเขาทำท่าจะประทับจุมพิตลงมาอีกครั้ง
“ทำไมเรียกพี่เสียห่างเหินแบบนั้นล่ะ”
“คะ” พิมพ์พิศาหลุดอุทานออกมา มองเขาตาปริบ ๆ พลางกัดปากตัวเองด้วยความรู้สึกใจสั่นสะท้าน อย่าบอกนะว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว
“อุตส่าห์นั่งรถไปตั้งไกล เหนื่อยไหม” ในขณะที่เธอกำลังตกตะลึง เขาก็ดึงวิกผมของเธอออก ก่อนจะดึงแว่นตาหนาเตอะออกไปด้วย
ผมนุ่มสลวยที่อยู่ใต้วิกผม แผ่สยายไปทั่วแผ่นหลังและล้อมกรอบใบหน้าหวานเอาไว้
“พี่เปรม” พิมพ์พิศาเพิ่งหาเสียงเจอ
“คิดว่าพี่จำคู่หมั้นตัวเองไม่ได้หรือไง” เขาขยับใบหน้าเข้าไปจนชิดใกล้ พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มหวาน
“พี่เปรมจำพิมพ์ได้ตอนไหนคะ”
“ตั้งแต่เห็นหน้ากันครั้งแรก”
“แล้วทำไมพี่เปรมไม่บอกพิมพ์ล่ะคะ” เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อ อายแสนอายนัก
“ก็อยากรู้ว่าคู่หมั้นของพี่จะปลอมตัวไปถึงไหน ถ้าจะปลอมตัวต้องทำให้แนบเนียนกว่านี้หน่อย”
“ก็ไม่ได้อยากปลอมตัวหรอกค่ะ เพราะคิดว่ายังไงพี่เปรมก็ต้องจำได้ แต่ดันจำไม่ได้ เพราะเลขาที่ชื่อพิมพ์ไม่ได้สวยหยาดฟ้ามาดินเหมือนผู้หญิงที่พี่ควงใช่ไหมคะ”
“หึงเหรอ” เขาขยับเข้าไปถาม พลางยิ้มใส่ตา ทำเอาคนถูกถามถึงกับหน้าแดงก่ำ ลามไปถึงใบหู
ก็หึงน่ะสิ ยังจะมาถามอีก
“ใครจะไปหึงกันล่ะคะ” คนปากแข็งกัดปากตัวเองเบาๆ เพราะพูดโกหก
“งั้นต้องพิสูจน์กันว่าหึงหรือไม่หึง” เปรมอดใจไม่ไหวก้มลงไปจุมพิตริมฝีปากของเธออีกครั้ง ท่าทีการกัดปากของหล่อนทำให้เขานึกมันเขี้ยวเหลือล้น
“พี่เปรมพอแล้วค่ะ ปากพิมพ์ช้ำไปหมดแล้ว”
“หิว”
“พี่เปรมหิวข้าวก็ไปหาข้าวกินสิคะ”
“ไม่คิดถึงพี่บ้างเลยเหรอ” เขารั้งเธอไปที่โซฟา ก่อนจะกดร่างเธอลงบนตัก รั้งเอวคอดของเธอเอาไว้ไม่ให้เธอหนีหายไปไหน
“ปล่อยค่ะพี่เปรม” เธอดิ้นแต่เขายิ่งกอดรัดมากขึ้นไปอีก พลางใช้จมูกกดเบา ๆ ที่ไหล่ละมุน สูดดมความหอมกรุ่นจากเรือนกายสาว
“กอดกันแบบนี้อุ่นดี ตัวก็หอมด้วย”
“อย่ามาทำเป็นพูดดีไปเลยค่ะ ไปเรียนต่อตั้งหลายปีไม่เห็นโทร. มาหาหรือติดต่อมาหาพิมพ์บ้างเลย ชิ! อยู่ที่โน่นคงมีสาว ๆ รายล้อมไปหมด”
“ที่ไม่โทร. หาเพราะพี่โทร. มาหาพ่อแม่ของพิมพ์อยู่แล้ว พี่คุยกับอาเพลิงกับอาแก้วอยู่ตลอด”
“โทร. หาแต่พ่อแม่ของพี่” เธอพูดอย่างมีแง่งอน
“น้อยใจเหรอที่พี่ไม่โทร. หา”
“เปล่าเสียหน่อย พิมพ์ไม่ได้คิดแบบนั้นเสียหน่อย อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย”
“ว้า... เสียใจจังนึกว่าพิมพ์จะคิดถึงพี่เหมือนอย่างที่พี่คิดถึงพิมพ์”
“พี่น่ะเหรอคะคิดถึงพิมพ์ ไม่เชื่อหรอกค่ะ”
“เชื่อเถอะนะ ไม่งั้นไม่โทร. มาถามพ่อแม่ของพิมพ์หรอกว่าพิมพ์เป็นยังไงบ้าง แต่ที่พี่ไม่ได้โทร. หาพิมพ์โดยตรงเพราะพี่ไม่อยากรบกวนการเรียนของพิมพ์ อยากให้พิมพ์ตั้งใจเรียนมากกว่า รู้ไหมว่าพี่ต้องทรมานแค่ไหนที่ต้องทำแบบนี้ เพราะพี่เองอยากคุยกับพิมพ์มาก ถ้าไม่หักดิบตัวเองก็อยากจะคุยทุกวัน เรียนไม่จบกันพอดีเพราะคิดถึง”
“อย่ามาปากหวานเลยค่ะ ตรรกะอะไรไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน”
“ไม่เชื่อไปถามอาเพลิงกับอาแก้วดูสิว่าพี่โทร. มาหาพวกท่านบ่อยแค่ไหน”
“ไม่ต้องถามหรอกค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่เคยบอกแล้วค่ะ แต่มันน่าน้อยใจไหมล่ะคะ คิดถึงแต่ไม่ยอมโทร. มาหากันเลย โทร. หาแต่คนอื่น”
“พี่อยู่นี่แล้วไง ได้คุยตัวเป็น ๆ ทุกวัน ไม่ต้องโทร. อยู่ไกลกันเหลือเกิน ได้ยินแค่เสียงไม่ได้สัมผัสเนื้อตัวกันแบบนี้”
“ปล่อยพิมพ์เลยนะคะ”
“อย่างอนไปเลยนะคนดี สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายว่าพี่จะให้พิมพ์ทำโทษพี่เท่าที่พิมพ์ต้องการ โทษฐานที่ไม่โทร. หาพิมพ์เลย เอาแต่ตั้งใจเรียนเพื่อให้จบเร็ว ๆ เพราะอยากกลับมาเจอพิมพ์”
“ดูพูดเข้าสิคะ ถ้าพิมพ์ต่อว่าอะไรพี่อีก ก็เท่ากับพิมพ์เป็นคนไม่มีเหตุผลใช่ไหมคะ” เขาเล่นพูดดักคอแบบนี้เสียแล้ว เธอจะไปทำอะไรได้
“แล้วคิดถึงพี่ไหมครับ”
“ใครจะไปคิดถึงกันล่ะคะ”
“ปากแข็งแบบนี้ ต้องทำโทษยังไงดี”
“คนที่จะทำโทษพี่เปรม ข้อหาที่ทำให้คิดถึงคือพิมพ์ต่างหากล่ะคะ”
“งั้นทำโทษเลยครับ เอาโทษฐานที่พี่จูบพิมพ์ก่อนดีไหม พี่ให้พิมพ์จูบลงโทษพี่จนหนำใจเลย”
“ถ้าพิมพ์ทำแบบนั้นก็เข้าทางพี่เปรมน่ะสิคะ คนอะไรเจ้าเล่ห์ร้ายกาจนัก” ใครเขาจะลงโทษกันแบบนั้น แบบนั้นก็เสียเปรียบน่ะสิ เธอคิดแล้วก็ให้หน้าแดง
“เราก็หมั้นกันนานแล้ว พี่จะให้คุณพ่อกับคุณแม่ไปคุยเรื่องแต่งงานของเราให้เรียบร้อยพิมพ์ว่าดีไหม”
“พิมพ์ยังไม่พร้อมค่ะ”
“พิมพ์ติดขัดปัญหาอะไร”
“พิมพ์ยังไม่มั่นใจในตัวของพี่เปรมค่ะ”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องผู้หญิงมากมายที่รายล้อมอยู่รอบตัวยังไงล่ะคะ”
“แสดงว่าพิมพ์ไม่เชื่อใจพี่”
“เปล่านะคะ”
“แล้วยังไง”
“ก็เห็นในข่าวควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า”
“เพื่อน แล้วก็ลูกค้าครับ” เขาจับคางสวยของเธอมองสบตาอย่างค้นคว้า
“จะไม่ถามเหรอคะว่าพิมพ์ปลอมตัวมาทำไม”
“รู้แล้วครับ”
“พี่เปรมรู้ได้ยังไงคะ”
“พิมพ์ไม่เชื่อใจพี่ก็เลยปลอมตัวมาสืบ”
“ใครบอกกันคะ”
“เรารู้จักกันมากี่ปีแล้วตั้งแต่เล็กจริงหรือเปล่า ทำไมพี่จะไม่รู้นิสัยของพิมพ์ล่ะ” หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ที่เขาไม่ได้โทร. หาเธอเลยเพราะอยากให้เธอใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่เสียก่อน หากเธอหวั่นไหวไปกับชายอื่นก็ถือว่าเขากับเธอไม่ใช่เนื้อคู่กัน แค่ผู้ใหญ่หมั้นหมายกันตามความเหมาะสมมากกว่า
คนอื่นอาจจะคิดว่าถ้าอยากได้ต้องแย่งชิงเอามาเป็นของตัว แต่นี่คือความรัก ถ้าเขาและเธอมั่นคงต่อกัน สิ่งใดก็มิอาจขัดขวางความรักของเขากับเธอในครั้งนี้ได้ ที่สำคัญก็คือ เขาก็อยากให้เธอได้คิดทบทวนว่าโตขึ้นจริง ๆ เธออยากแต่งงานกับเขาไหม ด้วยว่าตอนนั้นเธอยังเด็ก กว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องผ่านช่วงเวลาของการมีเพื่อนมีแฟน หรือมีผู้ชายมาชอบพอ มาจีบ ถ้าเธอหวั่นไหวไปกับคนอื่น และคนนั้นก็เป็นคนดี ทำให้เธอมีความสุขได้ เขาก็จะตัดใจในทันที