“แล้วเรากินข้าวกินปลาหรือยัง”
“กินแล้วค่ะ”
“อ้าวเหรอ แม่เก็บกับข้าวเอาไว้ให้เรา จะให้พรอุ่นให้กิน เรากินมาแล้วเหรอ”
“ที่กินมาแล้วคือกาแฟค่ะ กินกาแฟจนพุงกาง คืนนี้น่าจะตาค้างไม่ได้นอนค่ะ” ประโยคนั้นของบุตรสาวทำให้สองสามีภรรยาหัวเราะประสานเสียงกันอย่างเอ็นดูบุตรสาวไม่น้อย
“แล้วทำไมถึงกินกาแฟเข้าไปเยอะขนาดนั้นจ๊ะ” พิมพ์แก้วเอ่ยถาม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอยู่ไม่คลาย ทำเอาพิมพ์พิศาถึงกับหน้างอกับรอยยิ้มของมารดา
“ก็หนูไปนั่งร้านกาแฟก็ต้องสั่งกาแฟกินสิคะ แต่นั่งนานไปหน่อย พนักงานมองแรง ถ้าไม่สั่งอะไรเพิ่มก็เกรงใจเขาน่ะค่ะ” เพลิงกับพิมพ์แก้วได้ยินบุตรสาวพูดแบบนั้นก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
“คุณพ่อคุณแม่จะหัวเราะเยาะหนูทำไมกันคะ งอนแล้วนะคะ” พิมพ์พิศากอดอกพลางทำหน้างอน
“ถ้าเรายอมเจอพี่เขาก็สิ้นเรื่อง ไม่ต้องกินกาแฟจนพุงกางขนาดนี้ คืนนี้จะนอนหลับไหมล่ะ”
“สงสัยนอนตาแข็งทั้งคืนค่ะคุณแม่ หิวข้าวจังเลยค่ะ” คนพูดลูบท้องไปมา ก่อนที่ท้องจะร้องออกมา
“ถ้าเป็นพ่อดื่มกาแฟเข้าไปเยอะขนาดนี้ พ่อคงกินข้าวไม่ลงแน่ ๆ”
“แต่ไม่ใช่หนูค่ะ หนูขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวลงมากินข้าวเย็นค่ะ แต่น่าจะไม่ใช่ข้าวเย็นแล้วนะคะ น่าจะเป็นข้าวมื้อค่ำค่ะ” คนพูดยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำอาบท่า ความเย็นของสายน้ำทำให้เธอสดชื่นและกระปรี้กระเปร่าไม่น้อย
พิมพ์พิศาลงมารับประทานอาหารที่มารดาให้สาวใช้อุ่นเตรียมเอาไว้รอ
“อาหารฝีมือคุณแม่นี่อร่อยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะคะ” พิมพ์พิศามีความสุขกับการกิน เธอไม่เคยอ้วนแม้จะกินเยอะขนาดไหน ไม่เหมือนเพื่อนสาวบางคนที่กินแค่นิด ๆ หน่อย ๆ ก็อ้วนเร็วมาก จึงต้องควบคุมอาหารให้ดี
“กินเยอะๆ เลยจ้ะ มื้อเย็นแม่เตรียมอาหารย่อยง่ายไม่หนักท้องให้เรา ตามที่เราชอบจ้ะ” พิมพ์แก้วเป็นนักโภชนาการที่ดีที่สุดในบ้าน นางเตรียมอาหารให้เหมาะสมกับช่วงเวลา ช่วงวัยและตามโอกาสที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก ไม่ใช่ทำอาหารตามใจปาก อยากทำอะไรก็ทำ กินเข้าไปแล้วจะมีผลเสียต่อร่างกาย
มื้อเย็นเน้นผัก ผลไม้ ถั่วและธัญพืชเป็นหลัก ไม่ปรุงอาหารพวกเนื้อสัตว์ กะทิหรืออาหารที่มีไขมันสูง เพราะเป็นอาหารที่ย่อยยาก กินเข้าไปแล้วทำให้มีไขมันสะสมในร่างกายและทำให้ป่วยได้ในอนาคต
พิมพ์แก้วจึงให้ความสำคัญกับอาหารการกินเป็นสำคัญ เรากินอะไรก็ได้สิ่งนั้น กินสิ่งดี ๆ เข้าไปร่างกายก็ไม่เจ็บป่วย ทั้งยังได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่อีกด้วย
เสียงข้อความไลน์ดังขึ้น พิมพ์พิศาเปิดอ่านข้อความแล้วแทบสำลัก ดีที่บิดามารดาอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ไม่ได้นั่งร่วมโต๊ะกันอยู่ ไม่อย่างนั้นพวกท่านคงตกใจ
หญิงสาวรีบยกน้ำขึ้นดื่ม ลูบหน้าอกตัวเองไปมาให้คลายจากอาการสำลัก
ข้อความที่ส่งมาทำเอาเธอแทบกลืนข้าวไม่ลง จึงหยุดทุกอย่างแล้วใช้สมองครุ่นคิด
-พรุ่งนี้ผมไปรับ-
เธออ่านข้อความนี้ซ้ำ ๆ จะตอบเขาไปว่าอย่างไรดี ทำเป็นนิ่งเฉยไปเสียก็สิ้นเรื่อง เขาไม่รู้นี่นาว่าบ้านของเธออยู่ไหน หรือตอบไปว่าไม่ต้องมารับ เพราะอ่านข้อความเขาแล้วไม่ตอบ เขาจะหาว่าเธอเสียมารยาท
“วะ ว้าย ว้าย!” พิมพ์พิศาเผลออุทานออกมาเมื่อจู่ ๆ สายเรียกเขาจากไลน์ก็ดังขึ้น เสียงของเธอทำให้พรรีบวิ่งมาดู เพราะรอรับใช้เจ้านายสาวอยู่บริเวณนั้น
“คุณหนูเป็นอะไรคะ”
“เปล่าจ้ะ แค่เสียงโทร. เข้าของไลน์น่ะจ้ะ พี่พรจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะจ้ะ” พิมพ์พิศารีบโบกไม้โบกมือไล่ พรก็รีบปลีกตัวออกมาในทันที
พิมพ์พิศาถือโทรศัพท์นิ่งจะรับดีหรือไม่รับดี ถ้าไม่รับจะโดนหาว่าอ่านข้อความแล้วไม่ตอบ แถมยังไม่รับอีก แต่ถ้ารับสาย จะคุยว่าอะไรดีนะ ในขณะที่กำลังว้าวุ่นใจอยู่นั้น มือก็เผลอไปกดรับแบบไม่ได้ตั้งใจ
“ทำไมรับโทรศัพท์ช้าจังคุณพิมพ์” เสียงเข้มดุที่ดังมาตามสายทำให้พิมพ์พิศาอยากจะกรีดร้องกับความเฟอะฟะของตัวเอง หล่อนต้องรีบกรอกเสียงลงไปในสายโทรศัพท์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“สวัสดีค่ะท่านประธาน”
“พรุ่งนี้ผมไปรับ”
“มารับทำไมคะ”
“ทำไมล่ะ”
“ก็หอพักของพิมพ์อยู่ไกลมากค่ะ ซอยก็เล็กขับรถเข้าไปยากมากเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไร” ประโยคนั้นทำเอาเธออยากจะกรีดร้อง ทำไมเขาถึงได้ดื้อแบบนี้นะ
“พิมพ์เกรงใจท่านประธานน่ะค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
“ท่านประธานรู้จักหอพักของพิมพ์เหรอคะ”
“ผมดูจากเอกสารสมัครงานของคุณน่ะสิ แค่นี้นะผมไม่กวนคุณแล้ว” พิมพ์พิศายังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเขาก็กดวางสายไปแล้ว หอพักที่เธอเขียนเอาไว้มันไกลมากจากบ้านของเธอ เธอทำข้อมูลปลอมขึ้นมา ทั้งชื่อและนามสกุลด้วย ถ้าเขาจะไปรับเธอจริง ๆ พรุ่งนี้เธอมิต้องตื่นตั้งแต่ไก่โห่หรืออย่างไรกัน คนที่ดื่มกาแฟเข้าไปหลายแก้ว คิดว่าคงจะนอนไม่หลับ แต่เพราะความเหนื่อยล้าและอะไรหลายๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้เธอหลับลงในเวลาอันรวดเร็ว
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นในตอนหัวรุ่ง พิมพ์พิศาเลื่อนมือไปปิดเพราะอยากนอนต่อ แต่พอคิดขึ้นมาได้ว่าเธอต้องรีบตื่นไปรอเปรมยังหอพักที่เขียนเอาไว้ในใบสมัครงาน เธอจึงรีบดีดตัวขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าและให้คนขับรถพาเธอไปทิ้งเอาไว้ที่นั่น
“ลูกของเรานี่ขยันจังเลยนะพี่เพลิง เห็นพรบอกว่าออกไปทำงานตั้งแต่หัวรุ่งน่ะค่ะ”
“ไปทำงานตั้งแต่หัวรุ่งเลยเหรอ” เพลิงที่กำลังจิบกาแฟอยู่ถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน
“ใช่ค่ะพี่เพลิง”
“ทำไมถึงไปตั้งแต่หัวรุ่งล่ะ”
“ต้องถามพรค่ะ ทำท่าทำทางเหมือนจะรู้” พิมพ์แก้วเรียกสาวใช่มาไถ่ถามก่อนจะหลุดขำออกมา
“จริงหรือนี่ แล้วทำไมถึงได้กรอกที่อยู่ไกลเสียขนาดนั้น อยากจะแกล้งเขาแต่ตัวเองกลับลำบากเสียเอง ดูเอาเถิดพี่เพลิง”
“พ่อเปรมใช้ได้อยู่นะ แก้วว่าไงล่ะ” เพลิงเอ่ยถามภรรยา
“ก็ใช้ได้นะคะ นิสัยใจคอก็เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย หน้าที่การงาน การศึกษา ชาติตระกูลดีหมด แถมยังมีสัมมาคารวะ ไม่พูดจาโอ้อวดไม่วางกาม ไม่เบ่งเหมือนหนุ่มคนอื่นที่มาจีบลูกสาวเรา”
ในขณะที่เพลิงกับพิมพ์แก้วกำลังคุยกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร พิมพ์พิศาก็ต้องเจอกับปัญหารถติดเพราะคนต่างแย่งกันไปทำงาน
“ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ทันแน่ ๆ เลยค่ะลุงสมหมาย” พิมพ์พิศาเหลือบไปเห็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่สามารถซิกแซกไปได้ตลอดเส้นทาง
“งั้นหนูไปมอเตอร์ไซค์รับจ้างดีกว่าค่ะลุง” พิมพ์พิศาเปิดประตูรถลงไปก่อนจะโบกรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านมา ในขณะที่สมหมายมองตามเจ้านายสาวตาปริบๆ
พิมพ์พิศานั่งมอเตอร์ไซค์มาได้ครึ่งทาง รถก็เกิดยางรั่วขึ้นมา ไม่รู้ว่ามันเป็นวันซวยอะไรของเธอกัน