Chapter 7 สวาทรักคล้องใจ

2365 Words
Chapter 7 สวาทรักคล้องใจ ภายในห้องนอนใหญ่ ปราชญ์เดินกลับเข้ามาหลังจากส่งลูกสาวเข้านอน โดยอลินรับหน้าที่ดูแลลูกชายคนเล็กแทนดากานดาหนึ่งคืน เขาต้องแปลกใจเมื่อเข้ามาแล้วเห็นดากานดากำลังหอบหมอนและที่นอนปิคนิคเอาไว้ในอ้อมกอด ทำท่าจะเดินออกมาจากห้อง สวนทางกับจังหวะที่เขาเปิดประตูเข้าไปพอดี "จะไปไหน" "กานดาจะไปนอนข้างล่างเองค่ะ ส่วนพี่ปราชญ์ก็นอนที่นี่เถอะนะคะ กานดาเกรงใจ" "ทำไมดื้ออย่างนี้ฮึกานดา จะไปนอนยังไงคนเดียวข้าง ล่าง นอนที่นี่นั่นแหละ หรือว่า...เธอกลัวอะไร" "กานดานอนได้ค่ะ แล้วก็ไม่ได้กลัวด้วย" "เธอกลัวถูกจับปล้ำในห้องนี้ ก็เลย...จะหนีไปนอนข้าง ล่างใช่มั้ย" คำพูดทีเล่นทีจริงมาพร้อมแววตาที่ไม่น่าไว้วางใจ ทำให้ดากานดาเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆ นึกไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ที่เขาเมาแล้วเข้าไปนอนในห้องของตน หล่อนยังคงกังขาอยู่จนทุกวันนี้ว่าเขาไม่ได้คิดจะลวนลามกันจริงๆ แค่เห็นกระดุมหลุดก็เลยหวัง ดีจะติดให้ใหม่เท่านั้นเอง "พี่ปราชญ์จะคิดยังไงก็แล้วแต่ กานดาก็จะขอไปนอนข้างล่างค่ะ" "ตามใจ ถ้าอย่างนั้นก็นอนข้างล่างด้วยกันนี่แหละ พี่จะไปนอนเป็นเพื่อนเธอ" "พี่ปราชญ์! ทำไมดื้ออย่างนี้คะ" ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะออกมา กับถ้อยคำที่หล่อนใช้ยอกย้อนเขา "พี่สมควรใช้คำนี้มากกว่านะ เธอนั่นแหละดื้อตาใส พูดอะไรไม่เคยฟัง" ชายหนุ่มเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ดึงผ้าห่มผืนใหญ่ที่อยู่ในนั้นออกมากอดไว้ ก่อนจะคว้าหมอนอีกใบมาซ้อนกันเอาไว้ พยัก พเยิดให้หล่อนเดินนำลงไปข้างล่าง เมื่อห้ามเขาไม่ได้ หญิงสาวถึงกับลอบถอนใจแล้วเดินออกจากห้องไป ในขณะที่เขาหอบผ้าผ่อนตามหลังมาติดๆ หลังกวาดและถูพื้นจนสะอาด ที่นอนปิคนิคก็ถูกปูลงหน้าเค้าท์เตอร์จ่ายยาเพราะมีพื้นที่กว้างมากที่สุด ตามด้วยผ้าห่มและหมอนที่ทั้งสองหอบลงมาคนละใบ ในขณะที่ที่นอนถูกจัด เตรียมเรียบร้อยพร้อมเอนหลัง ดากานดากลับยืนนิ่งไม่กล้าล้มตัวลงนอน เพราะมันหมายถึงว่าจะต้องนอนใกล้ชิดเขาไปตลอดทั้งคืน คือความไม่คุ้นชินเพราะเป็นครั้งแรกที่จะต้องนอนด้วยกัน "จริงๆ พี่ปราชญ์ไม่น่าทำอะไรๆ ให้มันยุ่งยากเลย ถึงอย่างไรก็มาถึงขั้นนี้แล้ว นอนห้องเดียวกันกับพี่ลินก็คงไม่มีใครว่าอะไร กานดาไม่เอาไปพูดต่อหรอกค่ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่" "ก็บอกว่าไม่ได้ไง พูดไม่รู้เรื่องรึไงกานดา!" "ทำไมจะไม่ได้คะ ในเมื่อเคยเป็นผัวเมียกันมาก่อน จะเป็นผัวเมียกันอีกก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร!" "กานดา! พูดบ้าอะไร" น้ำเสียงดุๆ เล็ดลอดริมฝีปากได้รูป ท่ามกลางแสงไฟดาวน์ไลท์นวลตา เขาสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงและท่าทีว่าหล่อนกำลังออกอาการแง่งอน "กานดาพูดผิดตรงไหนคะ ถ้าเป็นอย่างนี้ กานดาว่าพี่ปราชญ์จับเข่าคุยกับพี่ลินไปเลยค่ะว่าจะเอายังไง ถ้าจะย้อนกลับมาคืนดีกันกานดาก็ยินดี เพราะกานดาจะได้ไปหางานทำเสียที" "เธออยากไปจากที่นี่มากนักใช่มั้ย! คงเบื่อแล้วใช่มั้ยกับการดูแลพี่" ความเงียบงันมาห่มคลุม ดากานดาลอบถอนหายใจหนักๆ เมื่อแววตาคู่นั้นยังคงจับจ้องรอคำตอบ ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยในสิ่งที่ขัดกับความจริงในใจ "ค่ะ กานดาเบื่อสภาพแบบนี้เต็มที อยากไปหางานทำ!" เขาขยับเข้ามายืนประจันหน้าเมื่อได้ฟังน้ำคำตัดเยื่อใย แววตาแข็งกร้าวจับจ้องมองลึกเข้าไปยังนัยน์ตาสีนิล คล้ายต้องล้วงลึกไปถึงสี่ห้องหัวใจ หล่อนซ่อนใครเอาไว้ในก้อนเนื้อแสนซับซ้อน "ไม่ให้ไป มีปัญหาอะไรไหม" "พี่ปราชญ์ห้ามกานดาไม่ได้หรอกค่ะ" ดูเหมือนยิ่งเถียงจะยิ่งพากันอารมณ์คุกรุ่นด้วยกันทั้งคู่ ดากานดาไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันเหตุใดจึงควบคุมอารมณ์ไม่ได้ อยู่ดีๆ ก็น้อยใจเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น น้อยใจที่เขาทำเหมือนที่นี่เป็นโรงแรมที่เปิดให้ใครต่อใครมานอนได้ทุกเวลาถ้าต้องการ แม้คนนั้นจะเป็นอดีตภรรยาและเป็นแม่ของลูกก็ตามที "ถ้าเธอยืนยันอีกครั้งว่าจะไป คืนนี้ได้เห็นดีกันแน่! เอาสิ เอาเลย พูดออกมา" เขาขยับเข้าหาจนหล่อนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนรุ่มที่เป่ารดลงบนผิวหน้า สายตาของเขาทำให้นึกกลัว สองขาจึงขยับถอยหลังหนีอย่างช้าๆ หากแต่เขากลับเดินตามราวกำลังต้อนให้หล่อนจนมุม จนกระทั่ง...แผ่นหลังแนบชิดติดผนังไม่อาจหนีไปไหนได้อีก "พูดมาอีกครั้งสิกานดา ยืนยันว่าเธอจะไป" เขาไม่ได้แค่ขู่ ยังกักเอาไว้ด้วยสองแขนแข็งแรงด้วยการยันมือไว้กับผนัง สองมือเล็กพยายามดันแผงอกกว้างให้ถอยห่าง หล่อนไม่รู้หรอกว่าแววตาและการแสดงออกว่าผลักไส ยิ่งทำให้เขาลืมตัวมากขึ้นว่าอยู่ในสถานะอะไร ลืมไปสิ้นว่าหล่อนคือน้องสาวที่ไม่ควรแปรเปลี่ยนความสัมพันธ์ให้เลยเถิด นั่นก็เพราะการแสดงออกของหล่อนช่วยกระตุ้นเตือนส่วนลึกในใจ มันแสดงออกมาจนเหนือการควบคุม "จะ...อื๊อ!" ความร้อนรุ่มบดขยี้ลงบนกลีบปากนุ่มจนปิดเสียงไม่ให้เล็ดลอด ฝ่ามือแกร่งสอดไปใต้ท้ายทอยแล้วออกแรงรั้งให้เจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้นหาจูบร้อนเร่าที่เขาป้อนให้ตามแรงอารมณ์ เรียวลิ้นร้อนที่แทรกลึกแล้วเกี่ยวกระหวัดรัดรึงทำให้สองมือเล็กยิ่งออกแรงผลักไส แต่เขากลับไม่สะดุ้งสะเทือน ยิ่งหล่อนต่อต้านเขายิ่งจาบจ้วงหน่วงหนัก มาพร้อมสะโพกแกร่งที่บดเบียดเข้าหาจนแทบกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน...ในอารมณ์ตกใจกับการรุกเร้า น่าแปลกที่หล่อนกลับรู้สึกหวามไหวกับรสสัมผัสของเขาไปพร้อมกัน "ในเมื่อยังรักเขา แล้วทำกับกานดาแบบนี้ทำไม" หล่อนเอ่ยเสียงสั่นเมื่อเขายอมปล่อยให้พักหายใจ และนั่นยิ่งเป็นการกระตุ้นให้เขาเดินหน้าปราบพยศ เขารู้แค่ว่าคืนนี้หล่อนดื้อกับเขาเหลือเกิน "พูดไม่รู้เรื่อง อย่างนี้ต้องถูกจัดหนัก" "อื๊อ..." เรียวปากสีสดถูกบดเคล้าลงมาอีกครั้ง หากแต่คราวนี้สัมผัสนั้นกลับอ่อนละมุนชวนให้ใจหวามไหว เขาสอดประสานนิ้วมือเข้ากับมือนุ่มแล้วยกขึ้นทาบไว้กับผนังเพื่อตรึงเอาไว้ไม่ให้ต่อต้าน...จูบ...ที่ส่งผ่านอารมณ์รักแบบซึมลึก คือสายใยที่โอบรั้งเขาและหล่อนเอาไว้ด้วยกัน คือความผูกพันอันแสนยาวนาน ยากที่จะแยกจากกันได้ไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม "บอกหน่อยสิกานดา ผู้ชายคนนั้นที่เธอแอบรัก...เขาเป็นใคร" เสียงกระซิบชิดกลีบปากนุ่มเมื่อเขายังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง ดากานดาพยายามดึงสติกลับคืนจากที่เผลอไผลไปกับจูบแสนหวานที่เขาใช้ล่อหลอก แววตาคู่สวยหลุบหนีแววตาชวนให้ใจละลายคู่นั้น หล่อนไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่าเผลอสอดประสานอุ้งมือเข้ากับฝ่ามือแกร่งตั้งแต่ตอนไหน เมื่อความจริงคืนกลับว่าตนเป็นใคร รอบขอบตาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที "พี่ปราชญ์อยากรู้ไปทำไมคะ ในเมื่อ...มันไม่มีประโยชน์อะไรกับการใช้ชีวิตของพี่ปราชญ์เลย" หล่อนยังคงปากแข็ง...มาถึงขั้นนี้เขารู้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร และเขาเริ่มรู้หัวใจว่าคิดเช่นไรกับหล่อน แววตาคมกล้ายังคงจับจ้องใบหน้าที่แดงซ่านราวมะเขือเทศสุกปลั่ง เขาอยาก...ที่จะทำมากกว่าการจูบเหลือเกิน แต่...มันยังเร็วเกินไป ที่เขาจะหักหาญน้ำใจในขณะที่ใครบางคนยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิต "อ๊ะ!" หญิงสาวต้องผวาสอดแขนเกี่ยวรั้งลำคอแกร่งเอาไว้ เมื่อเขาอุ้มร่างของตนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง หล่อนไม่กล้าดิ้นเพราะกลัวตก แต่ในขณะเดียวกันก็กลัวเหลือเกิน คาดเดาไม่ถูกว่าเขาจะทำอะไรต่อไป เขาพาหล่อนกลับมายังห้องนอนใหญ่ เปิดประตูแล้วใช้ไหล่ดันเข้าไปก่อนจะแทรกร่างเข้าไปในห้อง...บานประตูห้องตรงข้ามนั้นปิดสนิท ห้องที่อลินใช้นอนกับเด็กๆ แววตาคมกล้าเหลือบมองชั่วครู่แล้วใช้แผ่นหลังดันบานประตูห้องนอนของตนให้ปิดลงตามเดิม ก่อนจะพาร่างในอ้อมแขนเดินตรงไปที่เตียง "พี่ปราชญ์ ดะ เดี๋ยว!" "นอนที่นี่เถอะนะกานดา แล้วก็...เลิกดื้อเสียที" เขาออกคำสั่งขณะวางร่างสมส่วนลงบนที่นอนนุ่มๆ อย่างระมัดระวัง ก่อนจะโถมกายตามลงไปเพื่อกักหล่อนเอาไว้ไม่ให้ขยับหนี โน้มใบหน้าเขาหาแล้วกระซิบชิดใบหูอ่อนนุ่ม "ถ้าเธอยังดื้อดึงที่จะไปนอนข้างล่าง พี่ก็ไม่อาจรับรองได้ว่า คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้น!" ".....!" หญิงสาวเอี้ยวหน้าหนีเมื่อลมหายใจอุ่นซ่านเป่ารดอยู่ข้างใบหู มันคือสัมผัสหวามหวานที่ทำให้ขนอ่อนลุกชันไปทั้งร่าง การที่เขากักร่างของตนเอาไว้ด้วยกายแกร่งและสองแขนแข็งแรงจนแทบจะจมหายลงไปในที่นอน หล่อนจึงไม่อาจหลีกหนีไปใหนได้ แม้จะกลัวเขาอยู่มากก็ตามที "พี่ปราชญ์...ไม่ควรทำแบบนี้" "ทำไมจะทำไม่ได้...เอาเหตุผลมาคุยกัน ถ้าเหตุผลไม่เพียงพอ พี่ไม่คุยนะ" "ก็รู้ว่าเพราะอะไร นั่นคือเหตุผลค่ะ" "เรื่องพี่กับลิน มันไม่มีอะไรทั้งนั้น" "....." "อดีตเคยมี และอาจเคยรักใครมาก่อน แต่ในเมื่อปัจจุบันนั้นไม่มีใคร ทำไม...ทำไมพี่จะมีเมียใหม่ไม่ได้" "ความรู้สึกของลูกคือสิ่งสำคัญที่สุด พี่ปราชญ์ไม่ควรทำลายหัวใจดวงเล็กๆ ที่ยังบริสุทธิ์ พวกเขาคือแก้วตาดวงใจของพี่ปราชญ์ คือกำลังใจที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้พี่ปราชญ์เข้มแข็งมาได้จนถึงทุกวันนี้" "กำลังใจของพี่...นอกจากลูกแล้ว...ก็คือ...เธอ..." "อย่าค่ะ..." "ฮอร์โมนเครียดของเธอถูกหลั่งจนหัวใจเต้นแรง มันคือกลไกของร่างกายที่มีผลมาจากความพึงพอใจกับอะไรบางอย่างแบบเฉียบพลัน บ่งบอกถึงความต้องการภายใน" "ไม่...ไม่นะ" "ถ้าไม่ได้เรียนมา ก็อย่าเถียงหมอสิครับ" "บอกว่าไม่ใช่ไงคะ" สองมือพยายามดันใบหน้าคมคร้ามให้ถอยห่าง หากแต่หล่อนไม่อาจต้านทานกระแสปรารถนาแสนเชี่ยวกรากได้ สองมือนุ่มถูกเขากดตรึงเอาไว้กับที่นอน ก่อนที่เรียวปากอุ่นจะถูกบดเคล้าลงมาอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงหัวใจร้องบอก...เขาอยากทำมากกว่าการสัมผัสแค่เพียงภายนอกเหลือเกิน คือสัมผัสภายนอกอันแสนยาวนานโดยไม่สนใจเวลาที่ล่วงผ่าน ท่ามกลางอ้อมกอดของไอเย็นที่ห่มคลุมไปทั่วห้องนอน "กานดา...พี่...ขอ...ได้ไหม..." น้ำคำออดอ้อนตามมาด้วยฟันซี่คมขาวสะอาดขบเม้มเบาๆ หยอกเย้ากับกลีบปากนุ่ม ท่ามกลางใจที่กำลังล่องลอยของดากานดา ใจของหล่อนก็ประหวัดไปถึงคนที่นอนอยู่ในห้องนั้น "อย่าค่ะ...ไม่ได้..." "ทำไมจะไม่ได้...ในเมื่อเราต่าง...ไม่มีใคร" "แต่พี่ลินนอนอยู่อีกห้อง พี่ปราชญ์จะทำแบบนั้นได้ลงเหรอคะ กานดารังเกียจตัวเอง หากปล่อยให้มันเกิดขึ้น" "....." มันคือคำถามที่ยากจะตอบเหลือเกิน หากแต่ก็ทำให้เขายอมหยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ รู้ดีว่าหล่อนยังไม่พร้อมแม้จะรักเขาแค่ไหนก็ตาม สติเริ่มกลับคืนแล้วถามหาความถูกต้อง ควรแล้วหรือ...ที่เขากับดากานดาจะเปิดเผยว่ารักกัน "นอนเถอะ...ดึกมากแล้ว" เขายอมขยับไปอีกนิดเพื่อทำให้หล่อนมั่นใจว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อเป็นอิสระ ดากานดารีบพลิกกายนอนตะแคง หัน หลังให้เขาอย่างนึกอับอายในความร่านรักของตัวเอง เขาขยับเข้าหาจากทางด้านหลัง เมื่อวันนี้มีหมอนข้างนุ่มๆ ให้กอดนอนแล้วใยเขาจะปล่อยให้ตัวเองต้องนอนหนาวอย่างเปล่าเปลี่ยวเช่นทุกคืนที่ผันผ่าน ท่อนแขนแก่งพาดกอดเกี่ยวเอวคอดแล้วขยับรั้งให้แผ่นหลังแบบบางแนบชิดแผงอกกว้าง โน้มใบหน้าเข้าไปฝากรักลงบนพวงแก้มนุ่มเพื่อส่งหล่อนเข้านอน ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาซอกคอหอมกรุ่น ปิดเปลือกตาเพื่อพากายและใจดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา ท่ามกลางเสียงครางเบาๆ ของเครื่องปรับอากาศ...เจ้าของอ้อมกอดอุ่นนั้นหลับไปนานแล้ว หากแต่ดากานดายังคงนอนลืมตาท่ามกลางความมืดสลัว น้ำตาไหลรินเปียกหมอนจนชุ่มโชกเมื่อนึกถึงความจริงที่ควรน้อมรับ...ใจเขายังคงตัดไม่ขาดจากแม่ของลูกหล่อนรู้ดี อดคิดไม่ได้ อ้อมแขนเขากอดเธอแต่ใจนั้นกำลังกอดใคร แม้กายจะอบอุ่นแต่กลับเหน็บหนาวอยู่ในหัวใจเหลือเกิน มันคือความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ ความเจ็บปวดอันแสนงดงาม เพราะใจนั้นเต็มไปด้วยความรักที่มีให้เขาจนหมดหัวใจ แม้อาจไม่มีวันที่ได้ครอบครองเลยก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD