“ใช่ค่ะ” เธอพยักหน้ารับเบาๆ
“ผมขอให้ผ่านนะครับ” ลูกชายเจ้าของโรงแรมใหญ่เอ่ยอวยพร
“ขอบคุณค่ะ จะรับอะไรเพิ่มก็เรียกได้นะคะ ดิฉันขอตัวไปดูอาหารก่อน” มารีอายิ้มอย่างรู้สึกผ่อนคลายนิดๆ หลังได้พูดคุยกับผู้ชายที่เธอแอบคิดว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องในข่าว
“ครับ” เจคอปขานรับและมองตามร่างบางที่เดินจากไปได้เพียงครู่ ก็มีเสียงข้อความ LINE ดังขึ้น จึงหยิบมือถือมากดเลื่อนดู
Mark : บอสครับ เห็นประกาศตามล่าตัวโลกิหรือยังครับ
Jacop : ใครวะ โลกิ ?
Mark : แหม...ไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอครับบอส
Jacop : ไม่รู้! แล้วใครเป็นคนเขียนประกาศนี้
Mark : คุณแพททริกครับ ส่งเข้าไปในกลุ่มของฟีนิกซ์ และไคเลอร์ ร่วมถึงไลน์ของมือขวาทุกกลุ่ม หากใครพาตัวบอสไปเซ่นสังเวยได้ รับเงินรางวัลไป 10 ล้านบาทครับ
Jacop : บ้าจริง! นี่กะจะเอากันให้ตายเลยหรือไง
Mark : ผมว่าช่วงนี้บอสควรจะหายหน้าไปสักพักนะครับ รอให้ คุณแพททริกสันกับคุณอลันใจเย็นลงก่อน แล้วค่อยมาง้อ
Jacop : แกจะให้ฉันหลบไปไหนฮะ!
Mark : อันนี้ก็ต้องแล้วแต่บอสล่ะครับ ว่าจะหลบไปซบอกใครได้บ้าง ตอนนี้คุณอลันประกบตามนายใหญ่กับมาดามแจเลย
Jacop : โอ้ย...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ ก็แค่แหย่เล่นนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง
Mark : ผมว่าไม่น่าจะนิดนะครับ เพราะวันนี้คุณแพททริกกับ คุณอลันขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์
Jacop : ขึ้นหน้าหนึ่งเรื่องอะไร?
Mark : รอแป๊บครับ เดี๋ยวผมส่งให้ดู เผื่อบอสจะได้ใช้พิจารณาประกอบการหนี ว่าสมควรจะหลบไปไกลแค่ไหน
วินาทีต่อมา...รูปของออร์แลนโด้และแพททริกสันที่ใส่เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงบ๊อกเซอร์ยืนอยู่ข้างชายหาดด้วยสีหน้าบึ้งตึงก็ปรากฏขึ้น พร้อมกับพาดหัวข้อข่าว...
‘ตื่น...เต็มๆ ตาไปทั้งชายหาด เมื่อสองหนุ่มโรคาซานเดอร์เสด็จมาเยือนชายหาดทะเลไบรตันในลุคสุดชิลล์’
เจคอปเลื่อนดูรูปก่อนจะหัวเราะจนหน้าแดงก่ำ เมื่อเห็นอาวุธสังหารประจำตัวของพี่ชายทั้งสองนูนเด่นเป็นลำ เอ๊ย! เป็นรูปเป็นร่าง
Jacop : เวรกรรม! 😂😂🤣🤣
Mark : 😤 ขำเสร็จแล้วก็คิดหาวิธีรับมือเอาไว้ด้วยนะครับ ช่วงนี้ผมยุ่งมาก ต้องเข้าประชุมงานทุกวัน
Jacop : 👌🏻👍🏻❤❤❤
เจคอปส่งอิโมจิให้คนสนิทก่อนจะกดปิดมือถือ แล้วยกเบียร์ขึ้นมาจิบด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน เพราะตอนนี้ไม่มีสิ่งไหนทำให้เขาสนใจได้เท่ากับสาวตรงหน้าอีกแล้ว
“ขอStella อีกแก้วครับ” เขายกมือเรียกนางฟ้าคนสวย
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ” มารีอาตอบก่อนจะหันไปบอกพนักงานในบาร์เครื่องดื่ม
“ครับ” เจคอปยิ้มตอบก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดต่อสายหาพ่อเลี้ยงธนากร เพื่อยื่นข้อเสนอบางอย่าง
[ว่าไงโลกิ] ปลายสายเอ่ยแซวทันทีที่กดรับ
[โธ่! พ่อเลี้ยงครับ ผมไม่ใช่โลกิสักหน่อย] เจคอปกลอกตาอย่างเซ็งๆ ที่ถูกเปรียบกับเทพจอมซุกซนที่ชอบสร้างความวุ่นวาย
[มีอะไรก็ว่ามา กำลังยุ่งๆ อยู่]
[คือผมมีเรื่องจะขอรบกวนสักหน่อยครับ ตอนนี้ผมที่อยู่ร้านอาหารเอื้องลานนา สาขาที่กรุงเทพ]
[นายเห็นปะกาศของแพททริกแล้วใช่ไหม] ธนากรถามตัดบทเข้าเรื่องสำคัญ
[เห็นแล้วครับ ผมถึงโทรมาขอความเมตตาจากพ่อเลี้ยงเพื่อเห็นแก่...คลิปนั้น] คนเจ้าเล่ห์รีบรำลึกความหลัง
[ถ้าฉันช่วย! คลิปนั่นจะต้องถูกลบไปอย่างถาวร] คนที่มีมลทินจากการเมาไม่ได้สติเมื่อแปดปีก่อนรีบต่อรอง ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่มีใครรู้เรื่องที่เมาแล้วนอนหน้าห้องพัก แต่ตอนงานแต่งของเพชรดนัยกับฟ้ารดา เขาดันไปเจอตัวป่วนยืนเปิดดูคลิปในมือถือ ซึ่งมันทำให้รู้ความจริงว่าในคืนนั้น เขานอนอยู่ที่หน้าห้องพักแค่คนเดียว โดยที่เพชรดนัยและอีวานเพิ่งจะออกจากห้องมาก่อนหน้าที่เขาตื่นไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ
[ผมให้สัญญา] เจคอปให้คำมั่นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
[เฮ้อ...จะให้ช่วยอะไรก็ว่ามา]
คนเจ้าเล่ห์ฉีกยิ้ม ก่อนจะบอกความการต้องที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ [ผมอยากให้...บลาๆ]
ห้านาทีต่อมา...
“รีอา มีสายตรงจากคุณธนากรต้องการจะคุยกับเธอ” สายสุณีบอกพร้อมกับส่งมือถือของร้านไปให้เพื่อนสาว
“ฮะ!” มารีอาที่กำลังยืนรอพนักงานกดเบียร์อยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่ม ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างมึนงง
“ฮะเฮอะอะไรเล่า รีบรับสายเร็ว” สายสุณีถลึงตาใส่เพื่อนสาว พร้อมกับยัดมือถือให้ทันที
มารีอายกมือถือขึ้นมาแนบหูก่อนจะเอ่ยทักทายเจ้าของร้าน ที่นานๆ ครั้งจะแวะเข้ามาตรวจความเรียบร้อยสาขาในกรุงเทพฯ.
“สะ...สวัสดีค่ะบอส”
“สวัสดีครับรีอา ผมมีเรื่องจะรบกวนคุณหน่อย” คนที่หลบมุมภรรยาออกมาคุยสายที่ข้างนอก รีบเอ่ยเข้าเรื่องทันที
“ระ...เรื่องอะไรเหรอคะ”
“เห็นไอ้บื้อหน้าตาดีที่นั่งอยู่ตรงโซนที่คุณดูแลไหม”
“เห็นค่ะ” มารีอาตอบก่อนจะเหลือบไปมอง คนที่เป็นหัวข้อสนทนาด้วยหัวใจสั่นๆ ‘แม่เจ้า! หรือบอสจะรู้ว่าอีตานี่เป็นฆาตรกรต่อเนื่องในข่าว’
“เขาเป็นน้องชายของคนรู้จักผมเอง อยากได้คนพาเที่ยว”
มารีอาได้ฟังก็ถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ‘เฮ้อ...ที่แท้ก็เป็นคนรู้จักของบอสหรอกเหรอเนี่ย’
“ค่าจ้างอยู่ที่หนึ่งแสนบาท ผมไม่กล้าแนะนำคนอื่นเพราะไม่ไว้ใจ”
“หนึ่งแสนบาท” มารีอาทวนเสียงสั่น ไม่คิดไม่ฝันว่าค่าตอบแทนจะสูงถึงขนาดนี้
“ใช่! ไม่ต้องกลัวว่าหมอนั่นจะทำอะไรคุณนะ มันเป็นเกรย์” ธนากร กลั้นใจปลอบพนักงานสาว เพราะอยากจะให้เรื่องที่คอยบั่นทอนจิตใจมาหลายปี จบๆ ไปสักที
มารีอายิ้มก่อนจะถามรายละเอียด “เอ่อ...แล้วหนูต้องพาเขาไปเที่ยวที่ไหนบ้างคะ”
“ก็...วัดไง! พามันเข้าวัดเยอะๆ เลย” ธนากรบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง เพราะคนอย่างเจคอปนั้นสมควรจะเข้าวัดเป็นที่สุด
“ดะ...ได้ค่ะ” สาวเจ้าฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาทันใด ‘อ๋อ! ที่แท้ก็อยากจะชมศิลปะวัฒนธรรมของไทยนี่เอง’
“สรุปคือเรารับงานนี้นะ” ธนากรถามย้ำ ทั้งที่จริงแล้วก็ไม่ได้อยากจะส่งพนักงานสาวไป แต่เพราะหลักประกันที่อีกฝ่ายวางเอาไว้มันมีราคาสูง!
“ค่ะ แล้วจะให้เริ่มวันไหนคะบอส”
“พรุ่งนี้เช้า ค่าจ้างจะจ่ายก่อนห้าหมื่น หลังจบทริปจะจ่ายส่วนที่เหลือ”
“ค่ะ”
“โอเค! งั้นก็กลับไปบอกเจ้าตัวที่โต๊ะว่ารับงาน อ้อ! แล้วไม่ต้องบอกคนในร้านนะว่าจะไปเป็นไกด์ให้เจคอป บอกแค่ว่าผมไหว้วานให้มาทำธุระที่เชียงใหม่ ส่วนเรื่องลางาน เดี๋ยวผมจะคุยกับผู้จัดการเอง”
“ค่ะบอส”
“โชคดีนะรีอา ขอให้พระคุ้มครอง”ปลายสายเอ่ยจบก็กดวางทันที
มารีอาวางหูโทรศัพท์ลงที่เครื่องด้วยหัวใจสั่นๆ ไม่นึกไม่ฝันว่าอยู่ๆ โชคใหญ่จะมาหล่นทับแบบนี้
หญิงสาวเดินไปยกแก้วเบียร์สดที่บาร์เทรนเดอร์ และวางไว้ตรงเคาน์เตอร์บาร์ ใส่ลงในถาด จากนั้นก็เดินตรงไปยังโต๊ะที่ดูแลอย่างรู้สึกตื่นเต้น
“พ่อเลี้ยงบอกคุณแล้วใช่ไหม” เจคอปถามด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ค่ะ” มารีอาพยักหน้ารับอย่างรู้สึกเขินนิดๆ
“แล้วคุณ...” คนที่รอลุ้นคำตอบเอ่ยค้างไว้ อย่างขอคำยืนยัน
“รับค่ะ” มารีอาตอบอย่างอายๆ
“งั้นพรุ่งนี้เก้าโมงเช้า คุณมารอผมที่ข้างโรงแรมมะลิฉัตรนะ” เจคอปฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจที่สาวเจ้าตกปากรับคำไปเที่ยวกับตน
“ได้ค่ะ” มารีอาส่งยิ้มตอบเก้งหนุ่มอีกครั้ง
“ผมจะเป็นคนขับรถ ส่วนคุณก็ดูแผนที่คอยบอกทาง อ้อ! คุณไม่ต้องเอาเสื้อผ้าไปนะ เพราะคนของผมจะเตรียมให้”
“ค่ะ” มารีอาขานรับเบาๆ
“งั้นก็เช็คบิลได้เลยครับ” เจคอปบอกก่อนจะยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ
“โอเคค่ะ รอสักครู่นะคะ” มารีอาบอกก่อนจะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์
“รีอา! พ่อเทพบุตรสุดหล่อจะกลับแล้วเหรอ” สายสุณีถามหลังจากที่เห็นเพื่อนสาวส่งบิลให้กับแคชเชียร์
“ใช่!” มารีอายิ้มรับ ก่อนจะหยิบบิลที่พนักงานแคชเชียร์ส่งมาให้ใส่ลงในโฟลเดอร์ แล้วเดินกลับไปยังโต๊ะที่มีหนุ่มหล่อนั่งรออยู่
“เท่าไหร่ครับ?” เจคอปถามโดยไม่ยอมเปิดดูบิลค่าอาหารกับเครื่องดื่ม
“สองพันสามร้อยบาทถ้วนค่ะ” มารีอาเปิดออกดูแล้วรายงานตัวเลข
“นี่ครับ ที่เหลือทิปให้คุณ” เจคอปหยิบเงินสดจำนวนห้าพันบาทออกจากกระเป๋า แล้วส่งให้กับสาวเจ้าโดยไม่ใส่ในโฟลเดอร์ เพราะเข้าใจกฎของร้านอาหาร ว่าหากใส่เงินลงในโฟลเดอร์ เงินทอนที่เหลือจะเป็นทิปรวมของพนักงานในร้าน แต่หากใส่ลงในมือของพนักงาน นั่นแปลว่า...เงินทอนที่เหลือทั้งหมดจะเป็นของพนักงานคนนั้น
“ขะ...ขอบคุณค่ะ” มารีอาอมยิ้มบางๆ อย่างดีใจ ใช่! นอกเหนือจากการหวาดระแวงว่าหนุ่มตรงหน้าจะเป็นฆ่าตกรต่อเนื่องแล้ว ข้อดีอีกอย่างของเขาคือ...ทิปหนักนั่นเอง เสียดายที่นานๆ ครั้งอีกฝ่ายถึงจะแวะมาทานที่ร้าน
“คุณยังไม่ให้เบอร์มือถือผมเลย” เจคอปรีบทวง
“นี่ค่ะ” มารีอาส่งเบอร์โทร. ให้กับหนุ่มสุดหล่อทันใด
“คืนนี้คุณจะไปเที่ยวต่อไหม?” เจอคอปถามอย่างเป็นห่วง เพราะแอบได้ยินการสนทนาของสาวเจ้ากับเพื่อนสาวเมื่อก่อนหน้า
“คงไม่ไปแล้วค่ะ” มารีอาตอบอย่างมึนๆ ให้ตายสิ! นี่เขาแอบฟังเธอคุยกับสายสุณีงั้นเหรอ?
“เยี่ยม! งั้นผมกลับก่อนนะครับ” เจคอปบอกก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วลุกเดินออกไป
“ขอบคุณมากๆ ค่ะ” มารีอาบอกและมองตามหลังของอีกฝ่าย ‘แม่เจ้า! คนอะไรตัวสูงชะมัด แถมยังหุ่นเพอร์เฟกต์อย่างกับนายแบบท็อประดับโลก’
“ครับ” เจคอปหันมาตอบก่อนจะเดินตรงไปยังโรงแรมหรูของมารดาไปด้วยสีหน้าแช่มชื่น