RIKKIE : 1

2275 Words
​ ​ RIKKIE :1 ปัง! ผมเหนี่ยวไกอย่างไม่อ้อมค้อม คุยกับไอ้คลื่นมันต้องคุยด้วยลูกปืนไม่งั้นไม่รู้เรื่อง แต่ว่าสิ่งที่ทำเอาผมช็อกสุดๆ คือยัยเฉิ่มที่ผมจับเอาไว้ดันสะบัดผมออกแล้ววิ่งเข้าไปขวางทางลูกปืนแทนไอ้คลื่นซะได้ ผมถือปืนค้างในท่าเดิม มองร่างบางที่ค่อยๆ ทรุดตัวลง บ้าเอ๊ย! ผมสบถก้าวยาวๆ เข้าไปรับร่างยัยนั่นเอาไว้ไม่ให้ล้มกระแทกพื้นในขณะที่ไอ้คลื่นกระโจนตัวหมอบลงบนพื้นเพื่อหลบวิถีกระสุน มันเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัยก่อนจะเหลือบเห็นร่างของยัยนั่นที่นอนเลือดอาบอกอยู่ในมือผม “เกิดอะไรขึ้นวะ” มันลุกขึ้นมาด้วยสีหน้างงๆ ก่อนที่พวกของมันจะเดินเข้าไปกระซิบบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไอ้คลื่นมองผู้หญิงโง่ๆ ในมือผมด้วยสายตาประหลาดใจ หน้าหล่อเข้มของมันแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดสืบเท้าเข้ามาเหมือนจะดูอาการยัยนี่ผมยกปืนขึ้นขู่มันทันที “ถ้ามึงก้าวเข้ามาคราวนี้ได้ตายจริงแน่” “ริกกี้ รีบพายัยนั่นไปโรงพยาบาลเถอะว่ะ” คลื่นบอกด้วยสีหน้าร้อนใจ ก่อนหน้านี้มึงยังกวนกูอยู่เลยไม่ใช่เหรอ! ผมมองท่าทางเป็นห่วงของไอ้คลื่นอย่างสงสัย แต่เลือดอุ่นๆ ที่เริ่มซึมออกมาเลอะตัวผมทำให้ผมเริ่มร้อนใจไม่ต่างกัน ช้อนร่างยัยจืดขึ้นอุ้มหันไปตะโกนบอกคนของตัวเองที่ยืนอยู่ด้านหลัง “เรียกไอ้เก่งให้ด้วย ให้มันไปหากูที่คอนโดเดี๋ยวนี้ บอกมีเคสสำคัญ” “คะครับเฮีย” แล้วผมก็อุ้มยัยนั่นแหวกฝูงชนในงานเลี้ยงออกมาที่ลานจอดรถ ผมวางยัยนั่นลงบนเตียง ไอ้เก่ง หรือชื่อเต็ม เก่งกาจ มาถึงช้ากว่าผมห้านาที มันเป็นหมอเถื่อนที่กำลังเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งแต่ชอบรับงานนอกตามคลินิกศัลยกรรมความงาม หมอนั่นถามผมเกิดอะไรขึ้นระหว่างนั้นเพื่อนในทีมก็โทรมา ผมมองชื่อที่แสดงอยู่บนหน้าจอมือถือครู่หนึ่งก่อนจะหันไปเล่าเรื่องคร่าวๆ ให้ไอ้เก่งฟัง จากนั้นก็ทิ้งคนป่วยให้มันดูแล ได้ยินเสียงสบถด่าทอไล่หลังแต่ผมไม่มีเวลาไปสนใจ เดินมาเปิดตู้เสื้อผ้า ถอดเสื้อที่เปื้อนเลือดคาวๆ ทิ้งแล้วสวมตัวใหม่แทน เห็นไอ้เก่งกำลังเตรียมอุปกรณ์ผ่าตัด ผมถามมันอย่างรีบๆ “เอาผู้ช่วยไหม” “ก็ดี! แต่มึงช่วยไปหามาภายในห้านาทีด่วน” “เออคงไม่ทัน ช่วยตัวเองไปก่อนแล้วกัน” “ไอ้เวรนี่ มึงรีบไปไกลๆ ตีนกูก่อนจะกลายเป็นศพ” มันหันมาขึงตาไล่ผมอย่างไม่พอใจ “เออกูไปแน่มึงไม่ต้องไล่” ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมอยู่ในงานเลี้ยงที่กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากกร่อยไปเพราะเกิดเรื่องไม่คาดคิดแบบนั้นขึ้นแต่ไม่นานก็กลับมาครึกครื้นเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกไอ้คลื่นก็ไสหัวกันไปหมดแล้ว มันคงคิดว่าผมไม่กล้ายิงจริง หึ! ในเต็นท์ที่เป็นจุดศูนย์กลางของงานเลี้ยงฉลองมีรถหรูที่ถูกปรับแต่งอย่างเยี่ยมยุทธ์สามคันจอดเรียงกันอยู่กับรถบรรทุกเล็กที่จุพวกเครื่องเสียงและของอำนวยความสะดวกอื่นๆ เต็มคัน “ไงริกกี้” เฮียหมูเอ่ยทักผมก่อนเป็นคนแรก ชื่อจริงๆ ของเฮียคือไทเกอร์แต่เพราะรูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์กับใบหน้ากลมๆ ของเฮียมันไม่เหมาะกับชื่อนั้นทุกคนเลยตั้งฉายาให้แกใหม่เป็น เฮียหมู บางครั้งก็มีคนเรียกเฮียว่าเสือหมูเหมือนกัน เฮียย้อมผมสีดำสนิทและทำไฮไลท์ตรงปลายผมด้านหน้าเป็นสีแดง บวกกับดวงตาสีฟ้าอ่อนอย่างชาวตะวันตกทำให้เฮียดูเท่ในสายตาสาวๆ แต่สำหรับผมมันก็แอบตลกนิดหน่อย “มาแล้วเหรอ” แฮคผู้ชายที่เก่งกาจและช่ำชองเรื่องเครื่องยนต์มากที่สุดหันมาพยักหน้าทักทายสั้นๆ ก่อนจะหันไปเขี่ยเมาท์คอมพิวเตอร์ ทำโปรแกรมจำลองเครื่องยนต์อะไรของมันไปตามประสาพวกสมองเฟื่องแต่บนตักมันตอนนี้มีสาวอกบึ้มนั่งทับอยู่ ผมรู้จักกับแฮคตอนเรียนม.ปลาย ตอนนั้นหมอนั่นไม่มีเพื่อนเพราะคุยกับใครไม่รู้เรื่อง แถมยังใส่แว่นสายตาหนาเตอะ สิวเขรอะหน้ามันแผล็บ ดัดฟันเหมือนเนิร์ดโรคจิต ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่รังเกียจแม้แต่เด็กผู้ชายด้วยกันยังชอบล้อเลียนและกลั่นแกล้งมันเป็นว่าเล่น แต่มันสู้นะ ผมจำได้ว่าสมัยเรียนตอนนั้นแฮคมีพลาสเตอร์ติดแผลแปะอยู่ที่หน้าอย่างน้อยก็สองแผ่นทุกวัน มีครั้งหนึ่งที่มันโดนหลอกมากระทืบที่รั้วหลังโรงเรียน ผมกระโดดข้ามกำแพงมาเห็นพอดี ตอนนั้นถูกแฟนทิ้งผมไม่รู้จะไประบายที่ไหน เห็นคนกำลังรุมไอ้แฮคอยู่ก็เลยเอาความแค้นไปลงที่พวกนั้น กลายเป็นว่าผมช่วยแฮคโดยไม่ตั้งใจและกลายเป็นเพื่อนกันมาจนถึงทุกวันนี้ หน้าตาไอ้แฮคตอนนี้ก็ไม่เนิร์ดเหมือนเมื่อก่อนแล้วด้วย ร่างกายสูงแกร่งกำยำ ตัดผมสกินเฮดแถมยังทำสีน้ำเงินเข้มหน้าตาออกลูกเสี้ยวนัยน์ตาหวานมีเสน่ห์ แต่งตัวดีเป็นเจ้าพ่อแฟชั่นแห่งทีม RED SUN นอกจากดูแลเรื่องประสิทธิภาพของเครื่องยนต์แล้วยังออกแบบเสื้อผ้าทีมอีกด้วย ผมมารู้ทีหลังว่าแม่หมอนั่นเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังก็ตอนที่เข้ามหาลัยปีแรก “ตกลงว่าเกิดห่าอะไรขึ้นริกกี้ กูมาถึงทุกคนก็จืดไปหมด บางส่วนก็กลับไปแล้ว” เรซ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท มันนั่งอยู่บนโต๊ะกับสาวงามท่าทางสง่าคนหนึ่ง ผมจำได้เธอเป็นลูกสาวของสปอนเซอร์หลักตัวหนึ่งที่เพิ่งจะทำสัญญากันไม่ถึงสามเดือน บนโต๊ะมีเครื่องดื่มราคาแพงวางอยู่แต่พร่องไปแล้วกว่าครึ่ง ท่าทางเรซมันกำลังได้ที่สังเกตจากแววตาที่ฉ่ำเป็นพิเศษ ถ้าเปรียบเฮียหมูเป็นกุนซือ วางแผนการแข่ง แฮคเป็นเครื่องยนต์กลไก เรซก็คืออาหารที่หล่อเลี้ยงทีมดูแลบัญชีและคอยหาเงินสนับสนุนทีม ผมให้หมอนั่นเป็นรองหัวหน้าถ้าหากวันไหนที่ผมไม่อยู่ก็ให้มันรักษาการแทน นอกจากตัวนำหลักๆ สี่คนแล้วก็มีเด็กในทีมอีกหลายสิบชีวิตที่สนใจเข้าร่วมสังกัด RED SUN ผมจำได้เกือบหมดยกเว้นคนที่เข้าใหม่ แต่จะมีเรียกใช้และสนิทอยู่ไม่กี่คน ส่วนไอ้หมอเก่งไม่นับว่าเป็นเพื่อนร่วมทีมเพราะหมอนั่นไม่เก่งเรื่องซิ่งรถ มันแค่รู้จักกับผมเป็นการส่วนตัวและมาช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น เรื่องของเรื่องคือผมกับมันรู้จักกันมาตั้งแต่อนุบาล มีปัญหาก็พึ่งพากันได้ตลอด “มีเรื่องกับไอ้คลื่นนิดหน่อย” “แล้วตกลงความจริงคืออะไร” เฮียหมูเดินเข้ามาคุยกับผมอย่างเป็นห่วง “ได้ยินว่ามีคนตายด้วย” “คนเจ็บให้ไอ้เก่งดูอยู่ ไม่น่าถึงชีวิต” “ไอ้บ้านั่นมันมาทำอะไร” แฮคชะโงกหน้ามาคุย “แค่มาก่อกวนนั่นแหละ” เรซพูดแทรกขึ้นมาเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ แต่ทั้งหมดเป็นการคาดเดาของมันล้วนๆ ตอนเกิดเรื่องมันยังไม่ถึงที่จัดงานด้วยซ้ำ “ถ้าไม่มีอะไรก็ดีแล้ว เรามาฉลองกันดีกว่า เอ้าเฮ้! ดื่มให้กับผู้นำคนใหม่ของ RED SUN” เฮียหมูยัดเบียร์ใส่มือผมแล้วชนขวดเรียกความฮึกเหิม หลังจากนั้นเราก็คุยกันเรื่องอื่น สนุกไปกับงานฉลองจนถึงตีสาม เสียงเพลงที่เคยครึกครื้นเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเพลงจังหวะชิลๆ รถหลายคันเริ่มสลายไปจากพื้นที่ กลิ่นอายดินผสมกับหยดน้ำค้างบนหญ้าสนามลอยแตะจมูกทั้งสดชื่นทั้งทำให้อยากนอนในเวลาเดียวกัน ผมผลักผู้หญิงผมสั้นที่หอบหายใจอยู่บนตักออกหลังจากเสร็จภารกิจ เช็ดลิปสติกเหนียวๆ ที่แก้มและคอออกก่อนจะลุกขึ้นรูดซิปกางเกง เดินออกจากรถ จุดบุหรี่สูบ สักพักยัยนั่นก็ตามลงมาจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง หันมาส่งยิ้มให้ผมอย่างเย้ายวนใจโบกมือเดินออกไป “ไว้มาสนุกกันใหม่นะรูปหล่อ” “หึ....” ผมแสยะยิ้มมุมปาก ปกติผมจะไม่มีเซ็กกับผู้หญิงที่คลั่งไคล้ผมเพราะขี้เกียจมีปัญหาตามมาทีหลัง ผมจะเลือกเฉพาะผู้หญิงที่รักสนุกไปวันๆ แต่ไม่ผูกพันอย่างเช่นยัยวีเจที่เรซจ้างมานี่เป็นต้น ผมเดินมาปิดประตูที่ยัยนั่นเปิดทิ้งเอาไว้ เหลือบไปเห็นกระเป๋าที่ทิ้งอยู่เบาะหลังอย่างไม่ตั้งใจ.... ของยัยผู้หญิงที่โดนยิง ถ้าผมไม่ล่อสาวมาที่รถก็คงไม่สังเกตว่ามีกระเป๋าหล่นอยู่ตรงเบาะหน้าแล้วผมก็จับมันโยนไปเบาะหลังอย่างรำคาญตอนที่อารมณ์กำลังเร่าร้อน ผมเดินกลับเข้ามาในเต็นท์ซึ่งสภาพเละเทะต่างจากตอนแรกลิบลับ เฮียหมูนอนแผ่พุงสองชั้นอยู่บนโซฟา ส่วนเรซกับผู้หญิงหายไปพร้อมกับรถ ไอ้แฮคกำลังเล่นจ้ำจี้กับสาวคนที่สามบนรถบรรทุก ผมไม่ได้เห็นหรอกแค่ได้ยินเสียงก็รู้แล้ว เดินมาตบหน้าเฮียเบาๆ “เฮียหมู” “เหอ... เบียร์อยู่ในตู้....” “เฮียนี่ผมเอง!” “หา! อ้อ ริกกี้เองเหรอ” เฮียสะดุ้งทีหนึ่ง ทำปากแจ้บๆ ก่อนจะมองหน้าผมตรงๆ “จะอยู่นี่ถึงเช้าไหม” “อือ เมามากขับรถไม่ไหวจะนอนนี่แหละ” “งั้นฝากเก็บกวาดด้วยนะ ผมจะกลับไปดูไอ้เก่ง” “อือไม่มีปัญหา” เฮียหมูรับปากแล้วหลับต่อ รู้เรื่องไหมวะนั่น ผมมองสภาพเฮียครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้เซ้าซี้เดินออกมาทันที เพราะเฮียไว้ใจได้เสมอไม่งั้นคงไม่อยู่ด้วยกันมาถึงสามปีได้หรอก ผมกลับมาถึงคอนโดตีสี่ครึ่ง.... เก่งนอนกรนอยู่บนโซฟา แขนขวาห้อยตกลงพื้น ขาข้างหนึ่งพาดพนักท่าทางเหนื่อยมากผมไม่อยากปลุกมัน เดินผ่านมาปกติ วางกระเป๋าที่หยิบติดมือมาด้วยบนโต๊ะก่อนตรงเข้าห้องนอน กลิ่นคาวเลือดกับแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อคลุ้งแตะจมูกทันที เออว่ะ ผมเพิ่งจะคิดได้ทำไมต้องเอาร่างยัยนี่มาไว้ในห้องนอนตัวเองด้วยวะ ห้องอื่นก็มี เป็นครั้งแรกที่ผมทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้ ร่างของยัยนั่นนอนนิ่งอยู่บนเตียง ตั้งแต่ไหล่ลงไปซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม แสงจากเทียนที่เก่งเป็นคนจุดสะท้อนให้เห็นผิวเนื้อขาวเนียนที่โผล่พ้นผ้าคลุม จ้องมองอยู่ครู่หนึ่งเมื่อแน่ใจว่ายังมีชีวิตอยู่ก็หันกลับมาระหว่างนั้นเปลือกตาที่ปิดสนิทก็ขยับไหว ผมชะงักทันควัน เดินเข้าไปข้างเตียง “รู้สึกตัวแล้วเหรอ” ยัยนั่นทำหน้าหวาดกลัวทันทีที่เหลือบเห็นผม ผวาสุดแรงจนต้องร้องออกมาเพราะบาดแผลทำฤทธิ์ ผมมองท่าทางทรมานของคนตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน อยากไม่ระวังตัวเองช่วยไม่ได้ “ฉันน่ากลัวกว่าลูกปืนหรือไง” ผมจ้องยัยนั่นอย่างหงุดหงิด ยัยนั่นทำหน้าโง่ๆ แบบที่ผมเกลียดที่สุดออกมา ให้ตายสิ คิดจะเรียกร้องความสงสารหรือไง ผมพยายามข่มอารมณ์ถามถึงไอ้คลื่น อยากรู้ว่าทำไมเธอถึงเอาตัวไปปกป้องมัน แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่น่าพอใจจนผมชักรำคาญ จับตัวยัยนั่นเขย่าถามด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น แต่ก่อนที่ผมจะบีบยัยนั่นจนเละคามือไอ้เก่งก็พรวดพราดเข้ามาดึงผมออกไป “เฮ้ยริกกี้ทำอะไร” “เก่ง” “ทำอะไร จะฆ่าคนไข้หรือไง” “ไม่เกี่ยวกับมึง อย่ายุ่ง” “ใจเย็นหน่อยสิวะ....” ไอ้เก่งกล่อมจนผมใจเย็นลง ผมเหลือบมองยัยผู้หญิงนั่นที่นอนตัวสั่นอยู่บนเตียงแวบหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากห้อง ทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างหงุดหงิด มองกระเป๋าบนโต๊ะนิ่งสักพักก็หยิบมาเปิดดู มีโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์อยู่ข้างไหน ผมดูโทรศัพท์ก่อนเป็นอันดับแรกแต่ใส่รหัสป้องกันไว้ ผมทิ้งมันลงบนโต๊ะอย่างหมดความสนใจ ค้นกระเป๋าสตางค์ดูแทน เผื่อจะมีอะไรที่เชื่อมโยงกับไอ้คลื่นบ้าง บัตรนักศึกษาเหรอ.... หืมเรียนที่เดียวกันงั้นเหรอ ผมไม่ได้แปลกใจอะไรมากกับชื่อสถาบันบนบัตร นอกจากบัตรประชาชนที่ระบุบ้านเลขที่กับเลขสิบสามหลักก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ทิ้งกระเป๋านั่นแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอีกรอบ ลองสุ่มกดรหัสผ่านหกหลักลงไป บ๊ะ!! ได้จริงด้วย หึ คนธรรมดาๆ ก็ใช้วันเดือนปีเกิดตัวเองแบบนี้ล่ะ ไม่มีรายชื่อติดต่อหรืออะไรที่เชื่อมโยงกับไอ้คลื่นเลยสักอย่างแต่ที่ทำผมสะดุดคือ เพนนี ผู้หญิงที่มีส่วนทำให้ฮานหัวหน้าคนเก่าของ RED SUN ออกจากทีมไป ยัยนั่นมีทั้งชื่อและก็ไลน์ของเพนนี ผมได้กลิ่นทะแม่งๆ ขึ้นมาทันที ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD