บทที่6. แววตาไหวระริก

1592 Words
            ‘หากเจ้ายังไม่ยอมพูดจา เห็นทีว่าการที่อู่เฉียงช่วยเจ้ามานั้นไร้ความหมาย และหากเจ้าเป็นเช่นนี้ก็ทำให้อู่เฉียงทำงานให้ข้ามิได้ เช่นนั้นแล้วก็เปล่าประโยชน์ที่จะเก็บเขาไว้ คนที่ไร้ค่ารู้ไหมว่าจะเป็นเช่นไร...ข้าจะกำจัดมันทิ้งเช่นเดียวกับที่เคยทำให้คืนนั้น!’             เขาเห็นแววตาไหวระริกของนาง สัตว์ตัวเล็กนั้นเริ่มสั่นสะท้าน กะพริบตาปริบๆ ปากเล็กๆ อ้าขึ้นช้าๆ พยายามเปล่งเสียงสุดกำลัง นางกลัวว่าเขาจะฆ่าอู่เฉียง             กลิ่นกายของนางในอากาศจางไปแล้ว เขาพลิกตัวนอนคว่ำ จมูกสัมผัสผ้าปูที่นอนที่นางล้มตัวลงไปเมื่อครู่ กลิ่นนางยังติดอยู่ ชายหนุ่มเผลอสูดดมกลิ่นหอมจาง มือใหญ่ขยำผ้าปูที่นอนนั่น พลันแววตากลับมาดุร้ายเป็นประกายสีแดงดุจโลหิต หญิงงามนางบำเรอมากมายที่ปรนนับัติรับใช้รองรับอารมณ์ใคร่ของเขานั้น เขามักสัมผัสได้ถึงความสกปรกโสมมที่ซ่อนอยู่ ความรู้สึกสะอิดสะเอียนจนเผลอบีบคอหญิงสาวแน่น จนกระทั้งได้ยินเสียงร้องขอชีวิตเขาจึงปล่อยมือจากลำคอนั่น             แม้เป็นหญิงงามแต่เมื่อความกลัวตายเข้ามาครอบครองสติ ทั้งร้องไห้ ทั้งปัสสาวะราด กี่ครั้งกี่คราวก็เป็นเช่นนี้ ซินหรานจึงจำเป็นต้องรับใช้ใกล้ชิดเขาเช่นกัน             ทว่าการจัดนางให้นอนในห้องเก็บของนั้น เขาย่อมรู้ดีอยู่เต็มอก เขาอยากรู้นัก ยามนางได้ยินเสียงครางกระเส่าที่ดังไปถึงห้องนั้น หญิงคนนั้นจะรู้สึกเช่นไร             แปดปีแล้ว นางไม่ใช่สัตว์ตัวเล็กๆ อีกแล้ว บัดนี้นางอายุสิบหกปี ภายใต้เสื้อผ้าเนื้อหยาบนั้นมีผิวกายเนียนนุ่มซ่อนอยู่             ใช่! นางไม่ใช่สัตว์เล็กๆ ตัวนั้นอีกแล้ว!           อู่เฉียงเพิ่งได้รับมอบภารกิจลับงานชิ้นใหม่ เขาเดินออกมาจากห้องอักษรของจอมมารเหิงหยางเซิงด้วยท่าทีนิ่งสงบ ยากคาดเดาความคิดที่อยู่ภายใต้ใบหน้าเย็นชา ใครเลยจะคาดคิดว่าประมุขพรรคมารของพวกเขา นอกจากห้องฝึกวิทยายุทธแล้ว ยังชอบอยู่ในห้องอักษรราวกับเป็นบัณฑิตอย่างไรอย่างนั้น เขาเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งของพรรคเพลิงอัคนี และเป็นองครักษ์ใกล้ชิดเหิงหยางเซิงที่สุด ทว่าสองปีมานี่เขาแทบไม่ได้อยู่คุ้มกันประมุขเลย มีเวลาอยู่ที่เกาะแห่งนี้แค่เดือนละไม่กี่วัน งานส่วนใหญ่ของเขากลับกลายเป็นงานที่ต้องทำนอกพื้นที่ทั้งสิ้น แม้   วรยุทธ์ระดับท่านจอมมารจะไม่ต้องมีเขาเป็นองครักษ์ แต่กระนั้นเขาอดกังวลใจไม่ได้             เพราะเดินอย่างเหม่อลอย กว่าจะรู้ตัวเขามาหยุดยืนอยู่ด้านหลังที่ลานซักล้างแล้ว ลมพัดแรง ผ้าที่ตากอยู่บนราวเชือกนั้นพลิ้วสะบัดไปมา เขามองเห็นร่างบอบบางที่กำลังตากผ้า ใบหน้าหมดจดแดงเรื่อ แขนเสื้อถูกม้วนขึ้นถึงข้อศอกทำให้เห็นท่อนแขนเรียวเล็ก ผมยาวถูกเกล้าขึ้นเป็นก้อนกลมๆ สองข้างบนศีรษะของนาง ทำให้มุมปากของเขากระตุกยิ้มออกมาไม่รู้ตัว             นางคิดว่าตัวเองอายุเท่าไหร่กัน             ซินหรานเขย่งปลายเท้า ตากผ้าปูที่นอนรวมทั้งเครื่องนอนจนเรียบร้อยดี ลมแรงเหลือเกิน นางระบายลมหายใจออกทางปาก ยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมใบหน้าของตน นางก้มลงหมายยกตะกร้าผ้าขึ้นแล้วเดินออกมา ทว่าลมที่พัดแรงนั้นทำให้ผ้าของนางปลิวออกจากราวตากผ้า หญิงสาวอ้าปากค้าง ทิ้งตะกร้าลงพื้นแล้วกระโดดคว้าผ้าไว้             “ผ้า! ผ้าของข้า!”             อู่เฉียงเห็นผ้าผืนนั้นปลิวลอยในอากาศ เขากระโดดราวเหาะเหินในอากาศ คว้าผ้าผืนนั้นไว้ให้นางได้ทันก่อนปลิวไปไกล             หญิงสาวยื่นมือไปรับผ้าผืนนั้นมาแล้วรีบเอาไปตากไว้เช่นเดิม ตรวจดูจนมั่นใจแล้วจึงหันมาทางชายหนุ่ม แต่พอเห็นสีหน้าบึ้งตึงแล้วนางรู้ได้ทันทีว่าเขาคงมีเรื่องในใจเป็นแน่             “พี่อู่เฉียง” ซินหรานส่งยิ้มให้ “พี่จะไปทำภารกิจอีกแล้วใช่ไหม”             “ฮืม” อู่เฉียงแค่รับคำในลำคอเบา นางเองคงเริ่มชินแล้ว หรือเพราะการมีเขาอยู่หรือไม่มีมันค่าเท่ากัน             “ระหว่างที่พี่ไม่มีอยู่ ข้าจะค่อยๆ เย็บถุงมือให้พี่นะ พี่คงกลับมาก่อนที่ลมหนาวจะมาเยือน”             อู่เฉียงนึกถึงวันที่นางให้เขากางมือลงบนกระดาษ เขางุนงงแต่ทำตามอย่างไม่เอ่ยถาม จนกระทั่งนางหยิบพู่กันจุ่มหมึกวาดฝ่ามือที่วางบนกระดาษ เมื่อนางบอกว่าเสร็จแล้ว เขายกฝ่ามือออกเห็นเป็นรูปฝ่ามือของตนเอง นางให้วางมืออีกข้างและทำซ้ำเช่นเดิม             ‘ข้าจะเย็บถุงมือให้พี่อู่เฉียงนะ’             แม้เขาไม่ขัดสนเงินทอง เงินรางวัลที่ได้รับมาล้วนเก็บไว้ให้นางทั้งสิ้น แต่ดูแล้วนางเองไม่ใคร่จะอยากได้สิ่งใดเป็นพิเศษ ความจริงแค่ซื้อถุงมือสักคู่สองคู่ไม่ได้ทำให้เดือดร้อนอะไรนัก แต่พอได้ยินว่านางจะเย็บถุงมือให้เขาเอง ความรู้สึกอุ่นวาบเกิดขึ้นในอก เขาไม่กล้าปฏิเสธนาง อาจเรียกได้ว่าเป็นความเห็นแก่ตัว เขาอยากได้ ‘ถุงมือ’ ที่นางเย็บให้เขา แม้จะเป็นเศษผ้าเหลือก็ตามที             “เจ้าอยู่ที่นี่ดูแลตัวเองให้ดี”             ซินหรานย่นจมูกใส่ “ข้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะ”             “ฮืม เจ้าไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว” โดยไม่รู้ตัว มือหยาบกระด้างยื่นไปแตะศีรษะของนางเบาๆ หญิงสาวยกมือขึ้นปัดมือใหญ่ออก             “กว่าข้าจะเกล้าผมทรงนี้ได้ตั้งนาน พี่อู่เฉียงอย่ามาทำผมข้ายุ่งซิ” ซินหรานแลบลิ้นใส่ แม้เป็นเสียงบางเบา แต่นางได้ยินเสียงหัวเราะจากริมฝีปากของเขา             “พี่อู่เฉียงดูแลตัวเองดีๆ ด้วย”             อู่เฉียงไม่ได้เอ่ยอะไรอีก แปลกใจที่ไยเขาจึงรู้ว่านางอยู่ที่นี่ และที่แปลกใจกว่าคือการยอมรับว่าเขาคิดถึงนาง องครักษ์หนุ่มคว้าตะกร้าผ้าของนางมาถือให้ หญิงสาวจึงเดินกลับมาพร้อมกับเขา พูดคุยหยอกล้อโดยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดสิ่งใดอยู่ เพียงก้าวกลับเข้ามาในครัวพ่อบ้าน         จูโหย่งเจายืนโต้เถียงกับพ่อครัวเจี่ยนอยู่ก่อนแล้ว             “ซินหรานกลับมาพอดี” พ่อครัวเจี่ยนถอนหายใจเฮือกใหญ่             “มีอะไรหรือเจ้าคะ” นางถามด้วยรอยยิ้ม แต่ไม่กล้าสบตากับพ่อบ้านจูโหย่งเจาโดยตรง นางเกรงว่าพ่อบ้านรู้เรื่องในห้องนอนของท่านจอมมาร             “แม่นางจางเย่วถิงมาถึงแล้ว พอก้าวเท้าเข้ามาในคฤหาสน์ก็ถามหาเจ้า”             “เจ้าเป็นพ่อบ้านประสาอะไร ประมุขพรรคกระเรียนแดงมาถามหาซินหราน ทำไมไม่บอกไปเล่าว่านางไม่อยู่!”             “ก็ข้าจะพูดปดได้อย่างไร ท่านจอมมารสั่งข้าให้มาเชิญซินหรานไปพบแม่นางจางด้วยนี่”             ซินหรานเหลือบตามองไปยังอู่เฉียง แม้เขาไม่พูดอะไรแต่ขบฟันจนแทบเป็นสันนูน นางจึงยื่นมือไปแตะท่อนแขนของเขาแล้วแสร้งทำเป็นหัวเราะเสียงใส             “แม่นางจางมาที่นี่ทุกปีอยู่แล้ว นางเห็นข้าเป็นของเล่นไว้หยอกล้อ ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ”             ทุกคนในพรรคเพลิงอัคนีล้วนปกป้องนาง เว้นบรรดาหญิงบำเรอของท่านจอมมาร ซินหรานจับแขนเสื้อของตัวเองให้เรียบร้อย เห็นท่าทีฮึดฮัดไม่พอใจของพ่อครัวเจี่ยนแล้วนางจึงได้แต่ส่งยิ้มให้และเดินตามหลังพ่อบ้านจูโหย่งเจาไปทันที             ซินหรานเดินตามไปอย่างเงียบๆ และสำรวมเช่นทุกครั้ง        จางเย่วถิงเป็นประมุขพรรคกระเรียนแดง สามปีก่อนนางเดินทางมาที่นี่เพื่อให้ท่านจอมมารถอนพิษให้ แต่พิษนั้นไม่สามารถถอนได้หมดสิ้น ทุกปีในช่วงเวลานี้จางเย่วถิงจะเดินทางมาที่นี่              ตั้งแต่ครั้งแรกที่จางเย่วถิงเห็นซินหราน ดวงตาของนางก็เป็นประกายขึ้นมาทันทีราวกับเห็นอาหารอันโอชะ ท่าทางเหมือนจะปอกเปลือกนางออกแล้วกัดกินนั้นทำให้นางหวาดกลัวมาก มากเสียจนได้แต่ยืนนิ่งงันเหมือนเท้าถูกตะปูตอกตรึงไว้ แต่ผู้อื่นกลับเข้าใจว่านางไร้ความหวาดกลัวกล้ายืนเผชิญหน้ากับประมุขพรรคกระเรียนแดง             ‘ข้าชอบนาง ยกนางให้ข้าเถอะ!’             ซินหรานตะลึงงันอย่างทำสิ่งใดไม่ถูก แน่นอนว่านางเคยเห็นท่านจอมมารให้หญิงบำเรอของตนมาดูแล ‘แขก’ ของท่าน แต่นางเป็นหญิงรับใช้และเวลานั้นนางอายุแค่สิบสาม ร่างกายนางมิได้มีสิ่งใดดูเย้ายวนใจผู้ใดได้เลยสักนิด นักฆ่าของพรรคเพลิงอัคนีที่เป็นสตรีและใช้มารยาหญิงให้การสังหารชายมีหลายคนนั้น แต่ละนางล้วนงามพิลาศ  เพียงชายตาก็ทำให้บุรุษคลุ้มคลั่งได้แล้ว             ‘ถ้าเจ้ายังต้องการให้ข้าถอนพิษให้ ก็เลิกความคิดนั้นเสีย’                    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD