รถม้าที่แล่นออกมาอย่างรวดเร็วก็ถึงตลาดภายใน20นาที พี่ชายสุดหล่อก็พาเธอเดินชมตลาดอย่างสบายใจยิ่งเห็นเธอสนใจสิ่งไหนเขาก็จะรีบมาแนะนำยังกะเป็นตัวพ่อค้าเอง แถมยังซื้อข้าวของให้เธอเสียมากมายจนคนรับใช้ที่ติดตามมาถือไม่ไหว
"ท่านพี่เราแวะทานอาหารร้านนั้นดีหรือไม่คนอื่นๆจะได้เอาของไปเก็บด้วย" อลิซที่เห็นคนเข้าออกร้านนี้เยอะดูท่าจะเป็นร้านดัง เธออยากจะลองกินอาหารของโลกนี้ว่าจะมีรสชาติแบบไหนจะคล้ายกับรสชาติในความทรงจำของเธอหรือเปล่า
"ได้ซิค่ะถ้าน้องหญิงหิวแล้วก็ไปนั่งพักที่ร้านนั้นก็ได้ ร้านอาหารร้านนี้ขึ้นชื่อว่ามีอาหารอร่อย พี่ชายจะสั่งเมนูดังให้อลิซลองกินดู"
ฉันยิ้มจนตาหยีอย่างพอใจในความสายเปย์ของท่านพี่ หุหุ เรื่องกินขอให้บอกอย่าร้องทีหลังแล้วกัน
ส่วนคนที่โดนดาเมจจากรอยยิ้มของน้องสาวก็ต้องอดกลั้นไม่ให้เผลอตัวเข้าไปฟัดกับแก้มนุ่มๆที่ตัวเองกำลังจดจ้องอยู่ตอนนี้
'อ่า.....น้องพี่ช่างงดงามที่สุด'
"เฮือก!!!"
เสียงสูดลมหายใจของคนรอบข้างทำให้อลันได้สติว่าตนและน้องสาวไม่ได้อยู่ที่บ้านแต่ตอนนี้กำลังยืนอยู่กลางตลาดต่างหาก!!
ไม่ได้!!!เขาจะให้คนอื่นมาเห็นความน่ารักของน้องสาวไม่ได้เด็ดขาด(ไม่ทันแล้วละ)อลันส่งสายตาเย็นชาให้ผู้ชายที่กล้ายืนมองน้องสาวตนก่อนจะรีบจูงมือของน้องให้เดินตามเข้าร้านไป
"ยินดีต้อนรับขอรับไม่ทราบว่าวันนี้ท่านอลันจะรับบริการห้องพิเศษไหมขอรับ"
บริกรที่เห็นแขกพิเศษเดินเข้าร้านก็รีบเดินมาต้อนรับอย่างหน้าชื่นตาบาน ทุกครั้งที่คุณมาก็ไม่เคยละเลยเหล่าบริกรออกจะใจดีชอบให้เงินรางวัลกับพวกตน
"อืม ขอห้องพิเศษแบบส่วนตัว"
บริกรหนุ่มรีบไปจัดเตรียมห้องก่อนจะพาทั้งคู่ขึ้นมาที่ชั้นสอง เขาบริการด้วยความจริงใจเพราะฝันถึงเงินก้อนใหญ่ที่ตนจะได้รับ
ชั้นสองบรรยากาศดีมากคนน้อยและมีห้องเป็นสัดส่วนแถมห้องไม่เยอะนับดูแล้วมีแค่หกห้องดูท่าแต่ละห้องจะใหญ่น่าดู
"ท่านพี่มาบ่อยหรือเจ้าค่ะ"
เธอเงยหน้าถามพี่ชายก่อนจะเห็นแววตาของท่านพี่ที่วูบไหวเล็กน้อย อาการคล้ายคนที่ต้องการหลบเลี่ยงไม่อยากที่จะพูดถึง
"น้องไม่นิยมคำโกหกและเกลียดคนโกหกที่สุด"
เธอสามารถเดาออกจากท่าทางที่ท่านพี่แสดงออกมาว่ามันต้องมีบางอย่างที่มากกว่าและท่านพี่ยังคิดจะปิดบังเธอด้วย
‘เหอะๆอาการอย่างนี้มันต้องมีอะไรแน่ ๆ ถ้าอย่างนั้นขอเธอแกล้งหน่อยนะคะพี่อลันสุดหล่อ’
"เอ่..อ.....คืออลิซพี่ไม่คิดจะปิดบังอะไรจากน้องเลยนะคะ" อลันร้อนรนจนเริ่มมีเหงื่อเย็นๆจากด้านหลัง
‘ไม่นะเขาไม่ได้กลัวอะไรเลยจริงจริ๊ง’
"ค่ะน้องรอฟังอยู่"
รอยยิ้มที่ไม่ถึงดวงตาถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกจนท่านพี่ที่ได้รับรอยยิ้มนั้นถึงกับสะดุ้งสุดตัว
"อึก......อ่า......ค่ะเดี๋ยวเข้าห้องก่อนพี่จะเล่าให้ฟังทุกอย่าง"
อลันที่ทนแรงกดดันจากร่างเล็กไม่ไหวจนต้องขอยอมแพ้ เขารู้สึกเหมือนกับน้ำลายในคอมันหนืดไปหมด ไม่กล้าคิดที่จะโกหกออกมาด้วยซ้ำ
'ใครบอกข้ากลัวข้าเปล๊าาาาาาาเค้าเรียกว่าเกรงใจต่างหาก' เนี่ยขอย้ำอีกรอบ
เมื่อมาถึงห้องพวกเราก็สั่งอาหารกันอย่างเรียบร้อยรอจนบริกรออกไปฉันจึงหันหน้าไปมองท่านพี่อย่างรอคำอธิบาย
"อลิซพี่ถือว่าน้องโตพอแล้วนะถึงได้เล่าให้ฟัง"
ท่านพี่อลันเกริ่นออกมาและพยายามวางมาดเคร่งขรึมและมีสีหน้าที่จริงจัง
'จ๊ะ 17นี่โตพอ.........แล้วล่ะ" ก็โลกนี้ปีศาจมันโตเร็วแถมพากันอายุยืนไปอีก กฎเกณฑ์เก่าๆกับสามัญเดิม ๆโยนทิ้งมันไปได้เลย
"ที่ร้านนี้ยังมีอีกชั้นที่ให้บริการเรียกว่าโซนVIPที่นั่นจะรวมไว้ทุกสิ่งถือเป็นแหล่งอภิรมย์ของชนชั้นเราแค่นี้พอเข้าใจไหมน้องหญิง"
ท่านพี่คะโคตรเข้าใจเลยค่ะแต่พอนึกๆดูมันก็พอเข้าใจหน่อยๆถ้าเดาไม่ผิดอีกชั้นก็เป็นแหล่งมั่วสุมของคนมีเงินดีๆนี่เองเฮอะ
"ที่นี่มีนางบำเรอด้วยไหม"
พอฉันถามท่านพี่ถึงกับสะดุ้ง ว่าแล้วไงฉันนี่เดาไม่ผิดจริงๆ
"ท่านพี่ เคย มากี่ครั้ง"
"อะ.....อลิซคือพี่แค่ๆ.......เคยลองไม่กี่ครั้งเองนะ"
ท้ายเสียงนั้นช่างเบาแสนเบา แต่ถึงอย่างไรก็ไม่พ้นหูที่ดียิ่งกว่าสิ่งใดของเธอ อลิซก็แค่อยากรู้อยากเห็นไม่ได้คิดที่อยากจะคาดคั้นไปถึงอดีตที่เธอไม่ได้รู้ด้วยนั่นหรอก ของแบบนี้ไม่ว่าโลกไหนมันก็ห้ามกันไม่ได้ ใช่ว่าที่เธอจากมาจะไม่เคยผ่านประสบการณ์เสียหน่อย
"ค่ะ น้องจะจำไว้"
ฉันยกมุมปากน้อยๆก่อนจะหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างเพื่อชมวิวด้านนอก โลกใบนี้มันทั้งแปลกและสวยงามอย่างที่ไม่กล้าคิดว่าวันหนึ่งเธอจะได้มาอยู่อาศัยในที่แบบนี้ อลิซปล่อยใจล่องลอยไปกับความสวยงามของธรรมชาติจนอีกคนที่อยู่ด้วยเริ่มคิดอะไรแปลกๆแล้ว
อลันกำลังรู้สึกว่าเธอผิดหวังและไม่อยากที่จะสนใจจนเขาแล้ว อลันเริ่มรู้สึกร้อนรนไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตอนนี้ในหัวกำลังคิดไปแปดร้อยพันเรื่อง
'หืม.....กลิ่นหอมอ่อนๆนี้มาจากไหนกัน'
ฉันที่นั่งมองวิวเพลินๆอยู่ก็ได้กลิ่นหอมลอยตามลมมา อ่า.....ความรู้สึกนี้เหมือนกับตอนที่เจอท่านพี่อลันเมื่อครั้งแรกเลยนิ
เมื่อฉันลองขยับเข้าไปใกล้ๆท่านพี่เพื่อสูดกลิ่นก็พบว่าเป็นคนละกลิ่นกันกับที่ลอยมาตามลม แล้วอีกกลิ่นมันมาจากไหนกันนะ
อลันนั่งมองดูน้องสาวที่มีสีหน้าแปลกไปก่อนจะขมวดคิ้วจนเขาอดสงสัยไม่ได้
"อลิซเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
"ท่านพี่น้องได้กละ........"
"ตึงๆๆ......ตัง.....โผ๊ะ...ตุบ"
"จับไอ้ทาสชั้นต่ำนั่นไว้เดี๋ยวนี้!!!!แรงเยอะนักนะแก"
เสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากด้านนอกห้องก่อนจะมีเสียงผู้หญิงที่ดูมีอายุหน่อยตวาดลั่นดังสนั่นไปทั้งชั้น ฉันและพี่ชายถึงกลับต้องหันไปมองที่ประตู
"พี่ว่าคงเป็นพวกทาสประมูลที่พยายามหลบหนีน่ะคะอย่าไปสนใจเลย"
ท่านพี่อลันบอกฉันก่อนจะหันมารินชากุหลาบให้อย่างเอาอกเอาใจ ดูเหมือนจะไร้หัวใจแต่ความเป็นจริงของโลกใบนี้ก็เป็นเช่นนี้แหละ
"ถ้าเขาไม่อยากขายหรือถูกประมูลก็น่าจะให้เขาทำงานเก็บเงินไถ่ตัวเองได้นะคะ"
"โลกนี้มันโหดร้ายกว่าที่น้องนึกอีกนะคะ ถ้าเราอ่อนแอก็โทษใครไม่ได้ ใครแข็งแกร่งกว่าก็อยู่เหนือคนนั้นไปคนที่เข้มแข็งคือคนที่อยู่เหนือคนอื่นเสมอ"
ท่านพี่จ้องเข้ามาที่ตาของฉันเพื่อส่งผ่านความรู้สึกและความคิดเหล่านั้นให้ฉันเข้าใจ
"ค่ะอลิซจะจดจำไว้"
เมื่อเสียงพูดคุยหยุดลงบริกรก็นำอาหารมาให้ตามที่สั่งไป พอมีกลิ่นอาหารหอมๆลอยมาตีจมูกก็ทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวเมื่อสักครู่หายวับไปกับตา เมื่อจัดวางอาหารบนโต๊ะเสร็จท่านพี่ก็ให้ถุงเงินกับบริกรพลางบอกไม่ต้องทอนหน้านี้บานเท่ากระด้งเชียว
.....เค้าอยากได้มั่งอะ
"ชิมจานนี้ซิอลิซมันเป็นของดีสำหรับแวมไพร์อย่างเราเลยนะ"
ท่านพี่เลื่อนจานที่มีเนื้อย่างสีออกจะแดงๆหน่อยมาให้ คาดว่าเนื้อนี้คงยังไม่สุกดีแน่นอน แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรกลับคิดว่ามันน่ากินกว่าจานอื่นเป็นไหน ๆ
"อื้มมมอร่อยจัง"
สีหน้าแววตาที่ดูตื่นเต้นสดใสยามนี้ช่างดูเป็นเด็กที่น่ารักและน่าทะนุถนอมที่สุด เขายังตักกับข้าวใส่จานให้น้องน้อยเรื่อย ๆอย่างเอาใจ
"ตึงๆๆๆๆโผ๊ะ...ปึง!"
เสียงตึงตังดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะมีบางสิ่งกระชากเปิดประตูและปิดลงอย่างรวดเร็ว
"แฮกๆๆ......."
เสียงหอบหายใจของผู้มาใหม่ยังดังก้องทั่วทั้งห้องที่เธออยู่ ทุกคนกำลังมองหน้ากันยิ่งตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไรก็ยิ่งเงียบไปกันใหญ่
"เอ่อ......คือข้าไม่ได้จะเข้ามารบกวนนะขอรับขะ....ข้าต้องขออภัยด้วย"
สภาพที่เห็นตรงหน้าคือผู้ชายหน้าตาดีแต่มีโซ่ล่ามแขนและขาไว้เหมือนกับนักโทษ ผู้ชายคนนี้ดูท่าจะมีอายุไล่เลี่ยกับฉันยังเด็กอยู่มากสำหรับปีศาจ เมื่อมองตามตัวก็พบรอยช้ำจำนวนมากตามร่างกายของเขา ทำเอาฉันอดสงสารไม่ได้ฉันหันไปมองท่านพี่ทันทีพลางส่งสายตาออดอ้อนไปให้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน้องสาวของตนกำลังคิดอะไร
'ข้าคงต้องยอมช่วยมันแล้วละไม่งั้นน้องเขาคงจะโกรธมากแน่หากเรายังทำเฉย'
"ได้ๆ เจ้ามานี่ซิ"
เสียงอันทรงพลังที่เอ่ยออกไปทำเอาเด็กหนุ่มที่มาใหม่ถึงกับสะดุ้งก่อนจะค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ แม้ในใจจะอยากวิ่งหนีไปก็ตาม เขาไม่น่าคิดผิดเลยที่พุ่งเข้ามาหลบในห้องนี้
แรงกดดันที่ส่งออกไปมันทำให้ชายหนุ่มที่มาใหม่รู้สึกอึดอัดจนอยากจะกระอักเลือดออกมา แต่เขาก็ต้องทำใจแข็งเข้าไว้และยังคงก้าวเดินไปหาท่านชายคนนั้น
"ขอรับนายท่าน"
"เจ้าชื่ออะไรและต้องการอะไรถึงได้หลบเข้ามาในห้องนี้"
เด็กหนุ่มตรงหน้าก้มหัวลงทีหนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอลัน
"ข้าชื่อซีนเป็นลูกครึ่งอินคิวบัสและมนุษย์ ตัวข้าเป็นเด็กกำพร้าครอบครัวข้าถูกโจรฆ่าตายกลางป่าในระหว่างที่เรากำลังจะกลับมาเยี่ยมเผ่าพันธุ์ของท่านพ่อที่เมืองนี้และข้าก็ถูกจับมาขายให้ที่นี่อีกทีขอรับ"
อลันมองหาคำโกหกจากชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่พบอะไรสิ่งที่เห็นมีแต่ความจริงใจของคำพูดนั้น แต่เขาก็ยังวางใจไม่ได้ก่อนจะส่งสัญญาณมือให้ทหารเงาไปสืบเรื่องต่อ
"อืม ข้าจะช่วยเจ้าเอาไว้ก่อนเพราะนี่คือสิ่งที่น้องของข้าขอให้ทำ แต่เรื่องที่เจ้าพูดนั้นคงต้องรอให้คนของข้ากลับมารายงานอีกทีแล้วกันถึงจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป"
ซีนที่ได้ยินท่านชายพูดอย่างนั้นก็หันกลับมามองทางเธออย่างซาบซึ้งใจ ยิ่งเห็นท่าทางที่กำลังอดกลั้นน้ำตาของชายหนุ่มตรงหน้าเธอก็อดสงสารไม่ได้ ต้องทนทุกข์ขนาดไหนถึงได้มียินดีที่มีคนยื่นมือช่วยเหลือขนาดนี้กัน
"ร้องออกมาเถอะมันจะทำให้เจ้าดีขึ้น"
อลิซบอกซีนก่อนจะลูบหัวเบาๆทำให้เขื่อนน้ำตาที่กักเก็บมานานของมันแตกออก
"งั้นน้องอยู่รอพี่ที่นี่นะเดี๋ยวพี่จะรีบไปจัดการที่เหลือเอง"
ฉันมองท่านพี่อลันอย่างตกใจนี่จะปล่อยไว้กับฉันง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ
"หึหึนี่ตัวเล็กโซ่ที่ล่ามขาและแขนของซีนมันเป็นโซ่ผนึกพลังเวทชั้นยอดเลยละ ไม่ต้องห่วงเขาทำอะไรน้องพี่ไม่ได้หรอก"
ท่านพี่กระซิบบอกกันก่อนจะเดินออกไป ฉันได้แต่มองตามตาปริบๆ ถามฉันก่อนนนนนว่าจะอดใจไหวไหม๊ อะ...แค่กๆ
'เฮือกกกก......น่ากินที่สู๊ดดดด'
นี่ฉันต้องเก็บอาการไปถึงเมื่อไหร่ฮึเจ้าตัวหอม...อึกๆ