เมื่อถึงเวลางานเลี้ยงผู้คนต่างก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาในงานมีทั้งขุนนางเรืองอำนาจจากอนาจักรต่างๆ และเชื้อพระวงศ์มาร่วมด้วย เหมือนว่างานครั้งนี้จะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปีแล้ว
อลิซได้แต่แอบออกมายืนมองแขกที่อยู่ด้านล่างของระเบียงห้อง เธอค่อนข้างที่จะเหนื่อยหน่ายใจเพราะมิใคร่ชอบกับฝูงชนที่เยอะราวกับมด แต่เพราะว่านี่คืองานของท่านพี่หรอกนะฉันจะอดทนยิ้มแย้มเอาไว้แม้ว่าในใจของฉันจะอยากนอนอยู่ในห้องเฉยๆ ก็เถอะ
มองได้ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะเปิดเข้ามา เป็นท่านพี่สุดหล่อนั่นเอง
"พร้อมหรือยังหึตัวแสบพะ…"
อลันถึงกับสะดุดกึก....เขาต้องตะลึงกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า อลิซที่แต่งตัวเต็มยศดูงดงามจนแทบละสายตาไม่ได้ ไม่ใช่ว่าปกติก็งดงามอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ไม่นึกว่าเพียงแค่เปลี่ยนชุดทำผมแล้วแต่งกายสวมชุดใหม่ก็ยังสามารถที่จะงดงามขึ้นมาได้อีก
อลิซดูงดงามยิ่งกว่าวันไหน ๆ ทั้งดูคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย ด้วยชุดสีฟ้าเรียบหรูที่เขาอุตส่าห์ไปเลือกหาด้วยตัวเองทั้งยังสั่งตัวผ้าที่ทำจากไหมชั้นดีที่ยามสวมใส่จะรู้สึกเบาสบายตัว น้องสาวของเขาจะได้ไม่ลำบากและต้องทนอึดอัดกับชุดพวกนี้นัก
อลันได้แต่คิดอยู่ในหัว ‘งดงามกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก’
"เช็ดน้ำลายหน่อยไหมค่ะพี่อลัน น้องว่าพี่ชายจะแสดงสีหน้าออกมาเกินไปหน่อยแล้วนะคะ คริ คริ"
เสียงหัวเราะของอลิซทำให้จิตใจของอลันถึงกับล่องลอย เพราะรอยยิ้มที่สดใสนั่นเป็นสิ่งที่เขาชอบและเริ่มที่จะยึดติดกับมันเสียแล้ว
"น้องสาวของพี่ๆ ขอได้หรือไม่ น้องอย่าได้ไปยิ้มเช่นนี้ให้ใครเห็นอีกนะ ถือว่าท่านพี่คนนี้ขอเป็นของขวัญละกัน"
สีหน้าจริงจังของอลันทำให้อลิซแปลกใจแต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่าท่านพี่แค่พูดหยอกล้อเธอเล่น
"เจ้าค่ะๆ ไปกันเถอะคนอื่นๆ คงรอแย่แล้ว" ฉันพร้อมจะเป็นคู่ควงเข้างานให้ท่านพี่สุดหล่อแล้วละ…
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงโถงทางเข้างานเลี้ยงเสียงดนตรีก็เริ่มขับขาน ฉันเห็นซีนเดินมาทางนี้ก่อนจะหยุดที่ตรงหน้าพร้อมกับยื่นลูกแก้วเท่ากำปั้นให้ท่านพี่ เมื่อท่านพี่รับเสร็จก็พยักหน้าให้ก่อนจะออกเดินต่อส่วนซีนก็เดินตามหลังมาเงียบๆ
'เฮือก!!!'
เมื่อเดินพ้นออกจากอาคารฉันก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจของบรรดาแขกทั้งหลาย แม้จะตื่นเต้นเพราะสายตาของทุกคนที่มองมา ฉันก็ต้องแย้มยิ้มอย่างงดงาม ประดับมันไว้ที่ใบหน้าน้อยๆ ตลอดเวลา แม้แสงวิบวับจากเครื่องเพรชจะทำเอาตาของฉันถึงกับพร่ามัวไปชั่วขณะ…
'แหม่ๆ มันน่าดักปล้นเสียจริงตาฉันจะบอดไหมเนี้ยใส่อะไรมาเยอะแยะกันกลัวคนไม่รู้หรือว่ามีอันจะกิน'
ยามที่เดินมาถึงหน้าเวทีท่านแม่ก็ได้จูงมือฉันหลบออกไปเพื่อให้ท่านพี่ได้กล่าวขอบคุณแขกทั้งหลาย
ตอนนี้ฉันเริ่มที่จะสังเกตแขกที่มางานรอบๆ ตัว พวกเชื้อพระวงศ์ก็นั่งหน้าสุดถัดลงไปก็เป็นยศขุนนางลดหลั่นตามบรรดาศักดิ์แทบจะไม่มีคนธรรมดาเลยเฮ้อออ ฉันได้แต่แอบถอนหายใจเมื่อมองเห็นแต่แววตาที่แฝงบางสิ่งบางอย่างในนั้นแทบจะทุกคนเลย
"เอ๊ะ"
"หืมมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะอลิซ"
ท่านแม่คนงามถามฉันทันทีที่เห็นฉันแสดงอาการผิดปกติ
"ไม่ทราบเหมือนกันค่ะแต่เมื่อกี้เหมือนเห็นใครผ่านๆ แล้วเหมือนจะรู้จัก"
สิ้นคำตอบของฉันท่านแม่ก็หน้าซีดทันทีดูวิตกกังวลสุดๆ หรือว่าจะมีพวกนักฆ่าแฝงตัวเข้ามาด้วย (มโนสุดๆ)
ฉันรีบกุมมือท่านแม่ไว้ทันที
"ไม่เป็นไรนะคะคืนนี้ต้องผ่านด้วยดี"
รอยยิ้มสดใสที่อลิซยิ้มปลอบใจมารดาของตนกลับถูกพบเห็นทั่วทั้งงาน โดยเฉพาะเหล่าชายหนุ่มที่กำลังจดจ้องมองมายังตัวเธอก่อนหน้านั้นแล้ว และคนที่ได้รับผลกระทบที่สุดก็คงไม่พ้นชายหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้เวทีอย่างเขาคนนั้น
"เธอแปลกไปมากจนน่าแปลกใจเลยละหึหึ"
เมื่อท่านพี่กล่าวขอบคุณเสร็จท่านพ่อก็เดินไปยังแท่นหินตรงกลางก่อนจะผายมือให้ท่านพี่วางลูกแก้วได้
นี่คงเป็นพิธีการศักดิ์สิทธิ์ที่จะยืนยันว่าบุคคลนั้นพร้อมที่จะก้าวผ่านไปเป็นผู้ใหญ่แล้ว พอมาเห็นพิธีการจริงๆ ก็ดูมีมนต์ขลังมากๆ
อยู่ ๆ ก็มีแสงสว่างที่พุ่งออกมาจากลูกแก้วก่อนที่มันจะตรงดิ่งมาที่ฉัน แสงนี้ได้เข้าโอบล้อมตัวเธอครู่หนึ่งก่อนที่จางหายไป
"อะไรกัน"
เสียงของฝูงชนอื้ออึงกับเรื่องที่เกิดเมื่อสักครู่จนฉันหูอื้อเลยทีเดียว ท่านพ่อเดินเข้ามาหาเธอพร้อมส่งรอยยิ้มที่อบอุ่นมาให้โดยไม่สนใจกับฝูงชนเหล่านั้น
"รู้สึกยังไงบ้างอลิซ"
"เอ่อ....หนูรู้สึกเย็นๆ และสดชื่นมากๆ ค่ะ"
ฉันพูดตามความรู้สึกจริงๆ แสงเมื่อกี้มันยังเหมือนเพิ่มพลังให้กับร่างนี้อีกด้วยละ
"แล้วอลิซลูกยอมรับได้หรือเปล่ากับแสงที่เข้ามาหาเมื่อสักครู่"
ฉันเงยหน้ามองท่านพ่อที่ถามอะไรแปลกๆ ยิ่งเมื่อมองไปที่พี่อลันก็เห็นสีหน้าที่ดูลุ้นกับคำตอบของเธอจนแสดงออกมาทางสีหน้าแบบเก็บไม่มิด
"ค่ะอลิซชอบมันนะคะ"
เมื่อสิ้นคำท่านพี่อลันก็พุ่งตัวเข้ามากอดฉันไว้ทันที
"อ่า.....ท่านพี่กอดแน่นไปแล้วอลิซหายใจไม่ออกน๊า"
"ฮะๆ พี่ขอโทษนะคะพอดีเผลอตัวดีใจมากไปหน่อย"
ยิ่งเห็นรอยยิ้มของทุกคนในครอบครัวที่ส่งมาให้ฉัน แม้จะงงๆ แต่ฉันก็ปัดผ่านขี้เกียจสนใจ
'เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว'
"เอาละข้าในนามดยุค อาโร ไวซ์ แห่งอาณาจักรรัตติกาลขอประกาศว่าคู่พันธะของบุตรชายของข้าอลัน ไวซ์ก็คือบุตรีของข้าอลิซ ไวซ์ ขอให้ทุกท่านจงเป็นสักขีพยานแห่งการทำพันธะครั้งนี้!!!"
สิ้นเสียงมากอำนาจของท่านพ่อราวกับมีคนมาเปิดสวิตช์ไฟในหัวของฉัน เรื่องราวของเกมๆ หนึ่งเริ่มฉายชัดเรียงลำดับขั้นตอนในหัวของเธอ เกมที่ชาติก่อนอลิซเคยหมกมุ่นอยู่กับมันเป็นเดือนเพราะมันเป็นเกมที่กระแสแรงดังขึ้นมาด้วยความอีโรติกติดเรท20+ แบบสุดๆ ถึงว่าทำไมบางอย่างเธอถึงคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ทั้งที่เธอแน่ใจว่าไม่เคยอยู่ในสถานที่แห่งนี้แน่นอน นี่มันเป็นเกมที่ฉันเคยเล่นก่อนตายแล้วสถาณการณ์ตอนนี้ก็ดันเป็นฉากเปิดเกมเสียด้วย
'โอ้พระเจ้า.... ให้ตายเถอะฉันพอจะรู้แล้วว่าทำไมทุกคนถึงได้ดูแคร์ความรู้สึกของฉันนัก'
ก็ฉากนี้มันโคตรๆ ที่จะทำร้ายความรู้สึกของสาวกเกมเลยนี่ แถมยังเป็นที่มาของนางร้ายอันดับหนึ่งในเกมนี้ด้วยให้ตายเถอะ นี่ฉันเกิดมาเป็นนางร้ายสมองนิ่มจริงๆ รึเนี้ย
"ท่านหญิงดูเหนื่อยๆ ไปพักก่อนดีไหมครับ"
ซีนสังเกตเห็นอาการแปลกๆ ของหญิงสาวตรงหน้าก็รีบเข้าประคองก่อนจะพาลงจากเวทีไป เขาพาท่านหญิงหลบเข้าพักที่ศาลากลางสวนนอกงาน
อลันที่หันกลับมาเห็นก็กำลังจะเดินตามลงไปแต่ดัชเชสริเวียร์ดึงมือไว้ ก่อนที่จะส่ายหน้าห้ามปราม
"ให้น้องได้พักคิดทบทวนสักหน่อยเถอะอลัน"
อลัน “……”
เงาร่างทั้งสองนิ่งงันอยู่กับที่ ตั้งแต่เดินมาถึงก็ไม่มีเสียงพูดกันสักคำมีเพียงสายตาของซีนที่คอยส่งความห่วงใยให้อีกฝ่ายเท่านั้น
"ดูเหมือนความทรงจำบางอย่างของอลิซหายไป"
อลิซเริ่มระบายออกมาอย่างน้อยเธอที่อยู่ในร่างของนางร้ายคนนี้ก็มีความสุขดีและไม่ได้ทำการใดที่ส่งผลผลักดันให้เข้าสู่เส้นทางของนางร้าย
ความจริงในเนื้อเรื่องของเกมอลิซนั้นเกลียดพี่ชายเป็นอย่างมากเพราะดันไปรักปักใจกับตัวละครจีบได้ของเผ่ามังกร นางเลยเลือกที่จะผลักไสพี่ชายที่เป็นคู่พันธะคู่โชคชะตาของตัวเองอีกคนให้ออกห่าง
แม้แต่ในวันเกิดของพี่ชายเธอก็หาได้ยอมรับกับพันธะนี้ แถมยังตัดสายใยอย่างไม่สนใจฟังคำของท่านพ่อและท่านแม่ ส่งผลให้พี่ชายนั้นเจ็บปวดกับการกระทำของอลิซเป็นอย่างมาก จนเขาได้แต่แอบหนีออกจากบ้านและหายไปในที่สุด
มันตลกที่พี่ชายดันเป็นตัวละครลับที่จีบได้อีกคนและตอนจบที่โคตรจะน่าสงสารตัวร้ายเลยละ
'เจ้าของรูทฮาเร็ม'
ก็เมื่อนางเอกในเกมเลือกคนรักไม่ได้คนนี้ก็เสียดายคนนั้นก็รักมาก ท่านพี่ที่เป็นเจ้าของรูทฮาเร็มก็เลยเสนอให้ยึดแก่นวิญญาณของอลิซเพราะนางร้ายคือ'ราเชียร์'
ราเชียร์คือคนที่มีวิญญาณพิเศษที่สามารถสร้างพันธะคู่ครองได้มากกว่า2คนขึ้นไปแล้วแต่ใครที่มีพลังวิญญาณมากก็จะทำได้เยอะขึ้น สำหรับอลิซนั้นทำได้ไม่สิ้นสุดส่วนนางเอกในเกมแม้จะได้ครอบครองแก่นวิญญาณของราเชียร์ก็ทำพันธะได้เพียงแค่สามคน
เล่นเอาตัวละครจีบได้ลงมือฆ่ากันตายเพื่อแย่งเป็นคู่พันธะเลยทีเดียว
'เหอะ ได้ไปก็กระจอกชะมัด' พอมาอยู่ในร่างของตัวละครนี้เธอก็เริ่มที่จะรู้สึกอิน ก็ในเมื่อตอนนี้คือชีวิตจริงๆ ของเธอแล้ว ถ้าจะบอกว่าไม่คิดอะไรเลยก็คงจะโกหก
เมื่อนึกบางอย่างได้เธอก็แอบเหลือบไปมองที่ซีน ‘นี่ก็ตัวละครจีบได้นี่หว่า’ แต่ตามเนื้อเรื่องของเกมส่วนมากอยู่ที่โรงเรียนเป็นหลักซึ่งก็คือตอนอายุ17 เป็นช่วงที่ตัวละครจะมาพบกันในรั้วโรงเรียน อ้อยกเว้นฉันกับเจ้าหนุ่มมังกร'คามิน'
ฉันพอนึกออกอีกอย่าง ในเรื่องก็มีตอนที่ฉันถูกคามินทำร้าย (โดยไม่ตั้งใจ) เพราะดันไปหึงหวงเขาเกินเหตุ แม้แต่กับเมดสาวจนเขาทนไม่ไหว แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นอลิซสลบไปแค่สามวันก็ฟื้นแล้ววิ่งแจ้นไปหาเขาเหมือนเดิม ส่งผลให้ทางนั้นต้องรับผิดชอบโดยการหมั่นหมายตามคำเรียกร้องของอลิซ
ต่างจากของฉันที่หลับเป็นเดือนพอฟื้นขึ้นมาก็มีความสัมพันธ์อันดีกับท่านพี่อย่างไม่น่าเชื่อ
'นี่ซินะความแตกต่าง' ฉันพอเดาเรื่องราวของปรากฎการณ์ผีเสื้อขยับปีกในครั้งนี้ได้
"ซีนนายจะทิ้งฉันไหมถ้าฉันทำเรื่องเลวร้ายกับคนอื่น" ฉันทำหน้าเศร้าแล้วลองถามหยั่งเชิงซีนที่เป็นหนึ่งในตัวละครหลักตัวละครสำคัญของนางเอก
"ทำไมคุณหนูถามอย่างนั้นละครับข้าไหนเลยจะกล้าทอดทิ้งคุณหนู"
ซีน 'ทอดทิ้งหัวใจตนเอง'
ฉันที่มองเห็นแววตาของซีนก็สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกทั้งหมดที่ถูกส่งผ่านออกมาได้ ความรักความจริงใจมันชัดเจนกับสายตานี้ที่มองมา
"ขอบใจนะซีน"
ฉันโผเข้าอ้อมกอดของซีนทันที ซึ่งซีนก็ตอบรับโอบกอดฉันไว้อย่างหวงแหน
"ฉันชอบกลิ่นของนายจังซีนมันทำให้รู้สึกอบอุ่นจริงๆ"
'จุ๊บ'
"นี่คือรางวัลที่อยู่ข้างๆ ฉันนะ"
ฉันกดจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากบางนั่นก่อนจะส่งยิ้มที่จริงใจให้ซีน รอยยิ้มที่ถึงดวงตานั่นคือสิ่งที่ซีนชอบ
'อ่า...หะ ฉันรู้ดีเพราะในเกมฉันพิชิตรูทมาเกือบจะหมดแล้วหึหึ'
และฉันยังมอบแรงกระตุ้นให้กับพวกที่ชอบถ้ำมองคนอื่นอย่างพวก 'ตัวเอกทั้งหลาย' อีกด้วย
ฉันคือเอมที่มาจากโลกในมิติหนึ่งและฉันก็คืออลิซนางร้ายสุดสวยในโลกมิตินี้ เตรียมรับมือฉันให้ดีเถอะ อย่างพวกนายก็แค่จิ๊บๆ เตรียมตัวร้องครวญครางใต้ร่างฉันเถอะ....หึ