- 13 -
ผู้จัดการคนใหม่
"ทำไมอยู่ ๆ ถึงหาผู้จัดการให้เมลล่ะคะ!?"
เสียงเล็กเอ่ยถามด้วยความแข็งกร้าวขณะที่สายตาหวานก็แปรเปลี่ยนเป็นความเรียบตึงมองบุคคลตรงหน้าอย่างเอาคำตอบ
"เสี่ยก็หวังดีไง เห็นว่าช่วงนี้เมลงานเยอะเสี่ยเลยอยากหาคนมาช่วยดูคิวให้"
"คุณชัยเขาเห็นว่าช่วงนี้เมลงานเยอะก็เลยเสนอให้หาผู้จัดการ ผมเองก็เห็นด้วยนะ เมลจะได้ไม่เหนื่อยมากไง มีผู้จัดการคอยดูแลจะได้ทุ่นแรงได้เยอะ"
เมลบียกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองพลางผ่อนลมหายใจออกมาหนัก ๆ
"ทำไมช่วงนี้เสี่ยถึงเป็นห่วงเมลบ่อยจังเลยคะ เมลเข้าใจนะคะสิ่งที่เมลทำมันมีผลกับช่อง แต่เรื่องผู้จัดการเมลขอตัดสินใจเองได้ไหม ไม่ใช่ว่าเมลจะให้ใครมาเป็นผู้จัดการได้ง่าย ๆ นะคะ เมลต้องรู้จักก่อน"
เธอคิดเป็นอื่นไม่ได้เลยว่าการที่เสี่ยชัยเจ้ากี้เจ้าการเธอขนาดนี้นั้นเป็นเพราะข่าวที่หลุดออกไป เพราะไม่ว่าเธอจะทำอะไรเขาก็มักจะมีส่วนรู้เห็นและร่วมตัดสินใจอยู่ตลอด
"เสี่ยหาไว้ให้แล้ว คนนี้ไว้ใจได้ เมลลองทำความรู้จักก่อนแล้วกัน"
"แต่เมลไม่..."
"เอาน่าเมล ลองดูก่อน" ประธานค่ายกดเสียงต่ำพลางส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะออกปากปฏิเสธ ศุภชัยมีอำนาจมากกว่าที่ใครคิด ทางที่ดีควรทำตามที่ต้องการดีกว่า
"เข้ามาสิ เข้ามาเลย" ศุภชัยเดินไปที่ประตูก่อนที่หญิงวัยสี่สิบต้น ๆ จะเดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทีเป็นมิตร
เมลบีมองบุคคลที่เข้ามาใหม่ก่อนจะยกมือไหว้เช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่โค้งศีรษะลงทักทาย
"สวัสดีจ้ะน้องเมล พี่ชื่อพี่มิ้มนะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ"
"ค่ะ สวัสดีค่ะพี่มิ้ม" เมลบียิ้มรับบาง ๆ เมื่อเห็นผู้จัดการคนใหม่
"พี่ยังไม่มีประสบการณ์ในการดูแลนักแสดง แต่พี่จะเต็มที่และพยายามให้ถึงที่สุดนะ ถ้ามีอะไรผิดพลาดน้องเมลสอนพี่ได้เลยจ้ะ"
"เอ่อ...คือเมล..."
"พี่ดีใจมาก ๆ เลย ขอบคุณน้องเมลที่ให้โอกาสพี่นะคะ"
"ค่ะ...เมลก็ต้องขอบคุณเช่นกันนะคะ"
ความจริงแล้วเธอตั้งใจจะปฏิเสธและอยากหาผู้จัดการด้วยตัวเอง แต่พอเห็นหน้าก็กลับเปลี่ยนใจเพราะเธอคนนี้ดูไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรนัก แถมยังเป็นมิตรและน่าจะเข้ากับเธอได้ด้วย
"เป็นไงเมล โอเคไหม เสี่ยเลือกให้โดยเฉพาะเลยนะ รับรองเมลจะต้องชอบผู้จัดการคนนี้แน่ ๆ"
"ค่ะ เมลเองก็ไม่คิดว่าจะเสี่ยจะหามาได้ดีขนาดนี้ด้วยซ้ำ" เมลบีบอกออกไปตามตรง เธอจินตนาการภาพในหัวไว้แล้วจะผู้จัดการของเธอจะต้องเป็นคนที่เรื่องมากและเข้ากันได้ยากมากแน่ ๆ แต่พอเป็นคนนี้กลับทำให้เธอรู้สึกดีและอยากร่วมงานด้วยจนน่าแปลกใจ
"ก็ดีแล้วล่ะ เสี่ยแค่เป็นห่วงเท่านั้น ไม่ได้อยากจะก้าวก่ายชีวิตเท่าไหร่หรอก"
"ค่ะ ถ้าอย่างนั้นเมลขอตัวก่อนนะคะ" เมลบีเอ่ยบอกก่อนจะยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสอง
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องพร้อมด้วยผู้จัดการคนใหม่เดินตามติดด้วยรอยยิ้มกว้างที่มองเห็นมาแต่ไกล ใบหน้าหวานหันมองเล็กน้อยพลางยิ้มบาง ๆ ในเมื่อมีคนจัดหาคนดูแลให้ขนาดนี้เธอก็คงขัดอะไรไม่ได้ และได้แต่หวังว่าเธอและเขาจะคงร่วมงานกันโดยไม่มีอุปสรรคอะไร
"เดี๋ยวช่วงบ่ายเมลจะมีถ่ายรีวิวเสื้อผ้า แต่ก็คงไม่ได้มีอะไรมากหรอกค่ะ ระหว่างรอถ่ายพี่มิ้มก็ดูงานที่เครื่องนี้ไปพลาง ๆ ก่อนนะคะ เมลจัดคิวงานเก็บไว้ในนี้ทั้งหมดแล้วค่ะ"
ด้วยความที่เมลบีเพิ่งเป็นกระแสได้ไม่นานเธอเลยไม่มีผู้จัดการคอยดูแลดังเช่นนักแสดงดัง ๆ การรับงานต่าง ๆ ย่อมผ่านมือและผ่านการตัดสินใจของเธอทั้งหมด
"น้องเมลมีโทรศัพท์สองเครื่องเหรอคะเนี่ย ว้าว..."
"ใช่ค่ะพี่มิ้ม เครื่องนี้เอาไว้ติดต่องานน่ะค่ะ เดี๋ยวเมลจะยกเครื่องนี้ให้กับพี่มิ้มเลยนะคะ เวลามีลูกค้าติดต่องานมาพี่มิ้มจะได้ตกลงกับลูกค้าได้เลย"
เมลบีถือโอกาสอธิบายการทำงานไปในตัว ในเมื่อได้ร่วมทำงานด้วยกันแล้วเธอก็อยากให้ความสัมพันธ์เป็นไปในทางที่ดี อย่างน้อย ๆ ผู้จัดการคนนี้ก็จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอด้วยเช่นกัน
"เราไปทำงานที่เรารักกันเถอะค่ะ พร้อมไหมคะพี่มิ้ม" หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างหันมองคนข้างกายที่ตอนนี้กำลังสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ราวกับเรียกขวัญกำลังใจ
"ฮึบ! พร้อมค่ะ! พี่พร้อมเป็นผู้จัดการของน้องเมลแล้วค่ะ!!"
การถ่ายรีวิวสินค้าจบลงและเป็นไปตามที่ต้องการของผู้ถ่ายและผู้ว่าจ้าง เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ทำให้นักแสดงสาวจัดการเก็บข้าวของตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวกลับ ตอนนี้ก็เกือบสี่โมงเย็นแล้วเธอเองก็ได้นัดแนะกับแฟนหนุ่มไว้ที่ร้านอาหารด้วยเช่นกัน เพราะไม่ค่อยได้มีเวลาออกไปไหนกันสองคนหลังจากที่มีข่าวแพร่ออกไป
ผ่านไปเกือบสองสัปดาห์ที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนยังคงเดิม แต่กลับต้องมีเส้นขีดแบ่งเอาไว้เพราะกลัวว่าจะเป็นข่าวที่ทำให้เสียหายอีก เตโชเองก็ยินดีและไม่เคยร้องขอถึงแม้ว่าช่วงนี้เธอจะไม่ค่อยมีเวลาให้เขาก็ตาม
"บ้านพี่มิ้มอยู่แถวไหนคะ เดี๋ยวเมลขับรถไปส่ง"
"ไม่เป็นจ้ะ พี่กลับเองดีกว่า ไม่เป็นไรเลยน้องเมล" มิ้มโบกมือปฏิเสธ เธอเกรงใจที่จะต้องให้ผู้เป็นนายขับรถไปรถแบบนี้
"โธ่ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มาค่ะเดี๋ยวเมลไปส่งดีกว่า ตอนเย็นแบบนี้หารถยากด้วย รถก็ติดมาก"
"น้องเมลมีธุระไปที่ไหนต่อหรือเปล่า พี่เกรงใจน่ะ บ้านพี่อยู่ตั้งไกลกลัวจะรบกวนเปล่า ๆ"
เมลบียิ้มอ่อนพลางส่ายหน้าเบา ๆ เธอไม่ได้สนใจในเรื่องระยะทางเพียงแค่เป็นห่วงเท่านั้น ในเมื่อจับมือร่วมงานกันแล้วเธอก็อยากดูแลให้ถึงที่สุด
"เมลนัดทานข้าวกับแฟนไว้น่ะค่ะ แต่กว่าเขาจะเลิกงานก็ห้าโมงเย็นโน่น เหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมงแหนะ มาค่ะขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวเมลไปส่ง"
เมลบีเดินตรงไปยังรถยนต์ของตัวเองและจัดการเปิดประตูรถที่ฝั่งข้างคนขับพลางผายมือให้กับคนที่ยืนมอง
"ขอบคุณมากนะน้องเมล ใจดีจริง ๆ เลย ดีใจจังที่ได้ทำงานกับน้องเมล"
"เมลก็ดีใจค่ะ" หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเจอหน้ากันเป็นวันแรกแต่เธอกลับรู้สึกวางใจกับคนคนนี้จนน่าแปลกใจ จากเดิมที่คิดไปเองกลัวจะเข้ากันไม่ได้แต่ทุกอย่างมันไม่ใช่แบบนั้น
"ตอนแรกพี่เองก็กลัวว่าเมลจะไม่ชอบพี่"
"เมลแค่ไม่ชอบที่เสี่ยมาบงการชีวิตน่ะค่ะ หลังจากที่ข่าวเมลออกไป ทางค่ายก็จับตาดูเมลมากขึ้น เมลก็เคยคิดอคติไปเอง แต่พอได้มาเจอพี่มิ้มเมลก็รู้สึกดีนะคะ พี่มิ้มน่ารักแล้วก็ไม่จู้จี้ด้วย"
"ไม่แน่น้า เดี๋ยวนาน ๆ ไปพี่ก็อาจจะดุขึ้นมาก็ได้ น้องเมลอย่าดื้อล่ะ"
"นึกภาพนั้นไม่ออกเลยค่ะ ตอนพี่มิ้มดุจะเป็นยังไงนะ...พี่มิ้มคะ เดี๋ยวพี่มิ้มช่วยบอกทางไปบ้านพี่มิ้มให้หน่อยนะคะ เมลไม่ค่อยคุ้นทางเท่าไหร่"
"ได้จ้ะ ขับตรงไปก่อนเลยนะ"
เมลบีจดจ่อกับหนทางตรงหน้าเมื่ออาสาจะขับรถไปส่งมิ้มผู้จัดการคนใหม่ให้ถึงจุดหมาย เธอใช้เวลาเพียงไม่ถึงสามสิบนาทีก็มาถึงหน้าตัวบ้านของมิ้มตามเวลาที่คาดการณ์ไว้
"ขอบคุณน้องเมลมากนะที่มากส่ง"
"ค่ะพี่มิ้ม เจอกันพรุ่งนี้ที่กองถ่ายนะคะ"
ระหว่างการเดินทางเมลบีก็ได้อธิบายถึงเนื้องานให้กับมิ้มฟัง ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการทำงาน สถานที่ในการทำงาน และคิวการทำงานที่รับอยู่ในช่วงนี้ เพราะเธอเข้าใจดีว่ามิ้มกำลังเป็นมือใหม่ที่ยังไม่รู้การทำงานในวงการนี้เท่าไหร่นัก
"รับทราบค่ะ ขับรถดี ๆ น้า"
เมลบีออกตัวรถไปตามท้องถนนเพื่อตรงไปยังจุดหมายที่ได้นัดแนะกับแฟนหนุ่มเอาไว้ ตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงครึ่งแล้ว หากรวมการเดินทางไปที่ร้านอาหารก็คงถึงพร้อม ๆ กับเตโชพอดี
ร้านอาหารที่จะไปนั้นเป็นร้านของคนที่เตโชรู้จัก เป็นร้านที่มีความเป็นส่วนตัวเพราะไม่อยากให้เป็นข่าวอีก อีกทั้งมื้อเย็นในครั้งนี้เตโชเองก็เป็นคนจัดแจงทุกอย่าง เพราะดินเนอร์ส่วนมากของสองคนก็คงไม่พ้นการทานอาหารด้วยกันภายในคอนโดฯ เท่านั้น
ครืด...ครืด...
แรงสั่นจากโทรศัพท์ทำให้มือเล็กหยิบออกมาจากกระเป๋า พอมองที่หน้าจอก็เห็นว่าเป็นเตโชที่โทรเข้ามาจึงทำให้กดรับสายในทันที
"ฮัลโหลเต เมลกำลังไปที่ร้านแล้วนะ"
(โอเคเลยเมล เตจองไว้เป็นชื่อเตนะ ถ้าเมลถึงก่อนก็เข้าไปรอได้เลย)
"ได้เลยค่าคุณเต"
(วันนี้แต่งตัวสวยอย่างที่เตบอกไว้รึเปล่าหืม)
คำพูดนั้นทำเอาเมลบีหลุดเสียงหัวเราะออกมา เธอจำได้ว่าเขากำชับคำนี้กับเธอมากกว่าห้ารอบทั้งที่เป็นการทานข้าวธรรมดา แต่ไป ๆ มา ๆ เธอกลับรู้สึกว่ามันจะต้องมีอะไรที่พิเศษเป็นแน่
"อะไรเนี่ย จะเซอร์ไพรส์อะไรเมลหืม จะขอแต่งงานเหรอ"
(แล้วขอได้ไหมล่ะ เตไม่ติดนะ)
"เวอร์มาก ใจเย็นก่อนค่ะคุณเต"
เธอยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากแต่ง การคบหากันระหว่างเธอและเตโชทำให้เมลบีมั่นใจว่าเขาคือคนที่ใช่ แต่ ณ จังหวะช่วงนี้เธอยังไม่มีความพร้อมมากพอที่จะแต่งงานสร้างครอบครัว
(เตพาพ่อมาด้วยน่ะ พ่อเตบอกว่าอยากเจอเมล)
"วะ...ว่าไงนะ พ่อเตเหรอ!?" เมลบีเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น สองปีที่คบหากันมาเธอไม่เคยเจอหน้าพ่อของเขาเลยสักครั้ง แต่ทำไมวันนี้ถึงได้พามาร่วมโต๊ะทานอาหารโดยไม่ทันตั้งตัวหรือบอกกล่าวแบบนี้
(ใช่ครับ พ่อเตเอง แต่เมลไม่ต้องกังวลนะ พ่อเตใจดีมาก)
"ทำไมเตถึงไม่บอกเมลก่อนล่ะเมลจะได้เตรียมตัว ชุดเมลก็ธรรมดามากเลยเนี่ย ฮือ...เตตั้งใจแกล้งเมลชัด ๆ!"
(เอาน่าเมล พ่อเตแค่อยากเจอลูกสะใภ้ เมลไม่ต้องเกร็งอะไรมากหรอก เตรับรองได้เลยว่าพ่อเตใจดีมาก และเตเชื่อว่าเมลจะต้องเข้ากับพ่อเตได้แน่ ๆ)
เมลบีผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ภายในใจก็เป็นกังวลสับสนกับเหตุการณ์ข้างหน้าที่กำลังจะเกิดขึ้น
"โอเคเต เมลไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแหละถ้ามีเตอยู่ด้วย งั้นแค่นี้ก่อนน้าเมลขับรถก่อน บ๊ายบาย"
หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างกับกระจกรถ พยายามทำทุกสิ่งไม่ให้ตัวเองเป็นกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิด
"สู้เขาสิเมล สู้เขา!!!"