- 15 -
สัญญาแต่งงาน
หลายวันผ่านไป
การเดินทางจากคอนโดฯ มายังตึกช่องใช้เวลาสามสิบนาที พลันเมื่อตัวรถยนต์จอดสนิทคนขับก็หอบหิ้วซองสีน้ำตาลไว้แนบอกก่อนจะจ้ำอ้าวเดินเข้าไปด้านในตึก
วงแขนเล็กโอบกอดของบางอย่างไว้แน่น สายตาก็เหลือบมองของสิ่งนั้นเป็นระยะพลางนึกถึงอิสรภาพของตัวเองที่จะได้รับในอีกไม่ช้า
เมลบีหวนนึกถึงบทสนทนากับแฟนหนุ่มเมื่อหลายวันก่อน เมื่อเธอตัดสินใจบางอย่างเอาไว้และอยากได้ที่ปรึกษาคอยแนะนำหรือช่วยเลือกทางเดินที่เหมาะสม
"เต...เมลว่าเมลจะเอาทองกับที่ดินไปขายแล้วก็เอามาใช้หนี้เสี่ยชัย เตว่าเมลทำถูกไหม"
"หืม...ที่ดินเหรอ"
"อื้ม เมลว่าจะเอาที่ดินไปขาย ที่ดินที่เมลเคยบอกเตเมื่อปีก่อนน่ะ"
"อ้อ ที่เมลซื้อเก็บไว้ใช่ไหม แล้วถ้าขายไปจะไม่เสียดายเหรอ เตว่า..."
"ไม่เสียดายหรอก เมลอยากรีบปิดหนี้ไว ๆ น่ะ ที่ดินนี้ถ้าขายก็ได้เยอะอยู่นะ แต่มันก็ยังไม่พอกับหนี้ที่ต้องใช้ เมลก็เลยคิดว่าจะเอาทองไปขายเพิ่มด้วย"
"งั้นเอางี้นะเมล...เอาเงินเตไปแทนดีกว่า เมลไม่ต้องเอาอะไรไปขายทั้งนั้น เก็บไว้เถอะนะเมล"
"ไม่เอาน่าเต นี่มันเป็นหนี้ของครอบครัวเมลนะ จะให้เอาเงินของเตไปคืนได้ยังไง"
"งั้นก็คิดซะว่าเตให้ยืมก็แล้วกัน เมลก็ค่อยคืนเตก็ได้"
"ไม่เอา ยังไงเมลก็ไม่เอา!"
"โอเค...งั้นเก็บที่ดินไว้แล้วเมลก็ขายแค่ทอง ขาดเหลือเท่าไหร่ก็มาเอาจากเต"
"เต! เมลบอกแล้วไงว่า..."
"เตไม่ได้ให้ฟรีนี่ เตให้ยืมต่างหาก ยังไงซะเราก็เป็นแฟนกันนะ เตไม่ปล่อยให้เมลลำบากหรอก"
"เตมันเป็นเงินของเต เมลเกรงใจ"
"เมลก็รู้ว่าเตเก็บเงินเก่ง เอาน่าอย่าคิดมากเลย ติดหนี้เตดีกว่าติดหนี้คนอื่นนะ"
บทสนทนาเหล่านั้นย้อนหวนกลับมาทำให้เมลบีตกอยู่ในห้วงภวังค์ เธอตัดสินใจที่จะนำเงินที่เตโชให้ส่วนหนึ่งมาคืนกับเสี่ยชัย และส่วนที่เหลือเธอก็เลือกที่จะขายทองที่เก็บสะสมเอาไว้มาเติมในจำนวนที่ขาด
ตลอดการจ่ายหนี้หลายปี เมลบีจดทำบัญชีและหักลบอย่างถี่ถ้วนมาตลอด เธอลองคำนวณเลขคร่าว ๆ แล้วก็หลงเหลือเพียงแค่ล้านต้น ๆ เท่านั้น นั่นเลยทำให้เธอเลือกที่จะยอมขายเททุกอย่างเพื่อปลดหนี้แลกกับอิสระ
และใช่...ซองสีน้ำตาลที่เธอกกกอดเอาไว้แนบอกนั้นก็คือเงินสดสำหรับการจ่ายหนี้!
ติ๊ง!
ประตูลิฟต์ถูกเปิดออกมายังชั้นที่ต้องการ สองขาเล็กก้าวฉับเดินตรงไปยังห้องทำงานของบุคคลสำคัญ ขณะที่วงแขนก็ยังคงกอดรัดเงินจำนวนมากเอาไว้แน่น
พลันเมื่อมาหยุดยืนที่หน้าประตูก็ทำให้เมลบีจำต้องถอนหายใจออกมาเพื่อเรียกความมั่นใจ หญิงสาวเม้มปากแน่น หัวใจเต้นระส่ำแต่ก็ต้องกักเก็บเอาไว้ พอตั้งสติได้ก็ยกมือเคาะประตูสามครั้งจนกระทั่งได้ยินเสียงตอบรับจากคนด้านใน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"เชิญครับ"
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับอนุญาตก็ทำให้มือเล็กจัดการเปิดประตูออกก่อนจะเดินเข้าไปหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้
"สวัสดีค่ะเสี่ย" หญิงสาวยกมือไหว้พลางคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ
"อ้าว...หนูเมล มาหาเสี่ยมีอะไรรึเปล่า นั่งก่อน ๆ นั่งก่อนสิ"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะเสี่ย" เมลบีโค้งศีรษะและหย่อนกายนั่งลงที่โซฟาหน้าโต๊ะทำงาน ขณะที่เสี่ยชัยเองก็เดินอ้อมตัวโต๊ะและนั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของเธอ
"มีอะไรรึเปล่าถึงได้มาหาเสี่ยแบบนี้"
"เมลเอาเงินมาคืนเสี่ยค่ะ เงินทั้งหมดที่เมลยังติดค้างกับเสี่ยเมลเอามาเงินให้แล้วค่ะ" มือเล็กเคลื่อนซองสีน้ำตาลไปตรงหน้าของเสี่ยชัย การกระทำนั้นทำให้อีกฝ่ายถึงกับแน่นิ่งไปชั่วขณะ
"..."
"เมลขอบคุณเสี่ยมากที่ให้เงินจำนวนนี้กับครอบครัวของเมล เสี่ยเป็นผู้มีพระคุณของเมลมาก บุญคุณนี้เมลจะไม่ลืมเลยค่ะ" เมลบียกมือไหว้อย่างนอบน้อม เธอคิดอย่างที่พูดออกมาจริง ๆ
เสี่ยชัยคือบุคคลสำคัญที่เป็นผู้มีพระคุณทำให้ครอบครัวเธอสามารถลืมตาอ้าปากได้ ในวันนี้เธอตั้งใจทำเงินทั้งหมดมาคืนให้กับเขา เธอเองก็อยากปลดหนี้และอยากใช้ชีวิตตามที่ตัวเองต้องการโดยที่ไม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินดังเช่นเมื่อก่อน
"หนูเมลนี่ดีนะ รู้จักบุญคุณด้วย"
เสียงแค่นหัวเราะเบา ๆ ทำให้เมลบีเงยหน้าขึ้น หญิงสาวคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ ทั้งยังไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายสื่อ
"จริง ๆ เมลตั้งใจจะค*****นให้เสี่ยมาสักพักแล้วล่ะคะ พอทุกอย่างลงตัวเมลก็เลยรีบนำเงินมาคืนให้เลยทันที"
"อืม...โอเค งั้นเรามาดูตัวสัญญาก่อนนะหนูเมล" ร่างสูงเหยียดกายขึ้นและเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานด้วยท่าทีเรียบนิ่ง แต่ทว่าประดับรอยยิ้มร้ายที่มุมปาก
เมลบีมองตามร่างนั้นด้วยสายตาที่มีความหวัง เธออยากยื่นเงินจำนวนนี้คืนแล้วฉีกสัญญานั้นทิ้งเสียที
"อะ หนูลองอ่านสัญญาก่อนนะ แล้วค่อยเอาเงินมาค*****นเสี่ย"
กระดาษสีขาวที่บรรจุภายในซองเอกสารถูกยื่นมาที่ตรงหน้าของเมลบี หญิงสาวรับมันมาและหยิบสัญญามาอ่านตั้งแต่บรรทัดแรกและกวาดสายตาทุกตัวอักษร
จนกระทั่ง...
"ทั่งสองฝ่ายตกลงทำสัญญากัน โดยมีข้อความดังต่อไปนี้..."
เสียงเล็กเอ่ยออกเสียงอย่างแผ่วเบาเมื่อเห็นข้อตกลงที่พ่อและแม่ของเธอได้ร่วมทำสัญญาฉบับนี้ขึ้น แววตาหวานก็สั่นระริกพร้อมทั้งหัวใจดวงน้อยที่ไหวสั่น เธอพร่ำภาวนาถึงประโยคถัดไปของสัญญาหวังไม่ให้เป็นดังความคิดส่วนลึก
"...ข้าพเจ้ายินยอมชดใช้หนี้จำนวนยี่สิบล้าน ด้วยการให้ลูกสาวของข้าพเจ้า นางสาวเมลดา ศรีสุขพิพัฒน์ แต่งงานกับนาย ฮึก..."
หยาดน้ำตาไหลหลั่งอาบแก้มทั้งสองข้าง คนตัวเล็กสะอื้นตัวโยนทั้งที่มือยังคงกำกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้แน่น
"อ่า...แบบนี้ก็แปลว่าหนูเมลไม่ต้องเอาเงินมาใช้เสี่ยแล้วสินะ" น้ำเสียงราบเรียบที่ปรากฏรอยยิ้มเหนือกว่าได้อย่างชัดเจน
แววตาหวานสั่นพร่าเงยหน้าขึ้นมองบุคคลผู้มีพระคุณ หวังลึก ๆ ว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเพียงการโกหกไม่ใช่เรื่องจริง
"มะ...หมายความว่าไงคะเสี่ย ฮึก...ทำไมในสัญญาถึงเขียนแบบนี้" เมลบีปาดน้ำตาออกลวก ๆ และลุกขึ้นยืนเอ่ยถามคนตรงหน้าเพื่อหาความจริงที่แน่ชัด
"ก็หมายความว่าเงินที่ยืมไปมันจะแลกกับการที่หนูจะต้องแต่งงานกับเสี่ยยังไงล่ะ!
"!!!" เหมือนกับถูกสิ่งของบางอย่างฟาดลงกลางศีรษะ เมลบีมึนตึงและชะงักงันราวกับสติขวัญหาย
คำพูดนั้นของอีกฝ่ายทำให้ทุกอย่างพังทลายลง สิ่งที่คิดสิ่งที่วาดฝันกลับกลายเป็นเพียงสสารไร้น้ำหนักที่ไม่สามารถจับต้องได้อีกต่อไป
"นี่หนูเมลไม่รู้เรื่องนี้เหรอ ว้า...น่าเสียดายนะ เสี่ยเองก็กำลังจะถามกับหนูอยู่พอดีเลยว่าอยากให้งานแต่งของเราจัดในช่วงไหนดี"
"..." เมลบีเม้มปากแน่นพลางสกัดกั้นเสียงสะอื้นทั้งที่ภายในใจพังทลายไม่เหลือชิ้นดี
เธอกำลังสับสนและมึนงง ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นเป็นความฝันหรือเป็นสิ่งที่เธอเพ้อนึกไปเท่านั้น
"แต่ไม่เป็นไร...หนูเมลเพิ่งจะมารู้เรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร เสี่ยเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรหรอกนะ ช่วงนี้หนูเองก็มีงานเยอะ ไว้เป็นปีหน้าก็ได้เราค่อยแต่งงานกัน"
"แล้วเงินที่แม่เมลผ่อนจ่ายเสี่ยทุกเดือนล่ะคะ เมลส่งเงินให้แม่ทุกเดือนเพื่อใช้หนี้เสี่ย เมลทำแบบนี้มาสองปีแล้ว แล้วทำไม..."
"เสี่ยไม่เคยได้รับเงินอะไรจากแม่ของหนูเลยนะ"
"อึก!" เมลบีสะอึกช็อกงันเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
เธอทำงานอย่างหนักเพื่อส่งเงินให้กับแม่ไปใช้หนี้เสี่ยชัย และเธอก็ทำแบบนี้มาตลอดสองปี แล้วทำไมเขาถึงพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่เคยได้รับเงินเหล่านั้น!?
"เสี่ยไม่เคยได้เงินจากแม่ของหนูเลยนับตั้งแต่ทำสัญญา เพราะการคืนหนี้มันคือการแต่งงานไม่ใช่การชดใช้ด้วยเงิน และที่สำคัญพ่อกับแม่ของหนูก็เป็นคนเสนอเองด้วย"
"!!!"
"และแน่นอนว่าเสี่ยจะไม่ยอมเสี่ยเงินหลายสิบล้านไปฟรี ๆ แน่! ไม่ว่าจะยังไงหนูก็ต้องแต่งงานกับเสี่ย!"
หมับ!
"อ๊ะ! เสี่ยปล่อยนะ ปล่อย...อ๊ะ!"
ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีคนตัวโตกว่าก็ตรงปรี่เข้ามาหาก่อนจะรวบตัวเมลบีเข้าหาจนร่างกายแนบชิดกันและกัน
"ถ้ารู้แบบนี้แล้วก็ไปเลิกกันไอ้แฟนคนนั้นซะ! เพราะยังไงเสี่ยก็ไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าไหนมาแตะต้องเมียของเสี่ยแน่!"
"อ๊ะ! ปล่อยนะเสี่ย เสี่ยเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ปล่อยฮึก!" คนตัวเล็กพยายามผลักไสและออกจากการเกาะกุมทุกวีถีทาง เธอทนไม่ได้ที่จะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก!
"เสี่ยไม่อยากใจร้ายหรอกนะ แต่เสี่ยจะให้เวลาหนูไปเลิกกับมันซะ ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วหลังจากนี้เราจะต้องแต่งงานกัน!"
พลั่ก!
เมลบีรวบรวมแรงทั้งหมดผลักคนตรงหน้าออกอย่างนึกรังเกียจ
"มะ...ไม่! ไม่มีทาง ยังไงเมลก็ไม่มีทางแต่งงานกับเสี่ยแน่นอน!"
"ก็แปลว่าหนูเมลจะผิดสัญญางั้นสิ? ฮึ...อย่าลองดีกับเสี่ยเลยน่า เสี่ยไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอกนะ"
"อะ...ออกไปนะ อย่าเข้ามาใกล้ฉัน ออกไป!"
"ฮึ...รังเกียจว่าที่ผัวของตัวเองเหรอหนูเมล"
ร่างสูงสาวเท้าก้าวเข้าไปใกล้กับคนตัวเล็กก่อนจะออกแรงบีบที่แก้มใสพลางเหยียดยิ้มอย่างคนมีชัย
"อึก! จะ...เจ็บ ฮึก..."
หยาดน้ำตายังคงไหล่พรั่งพรูออกมาไม่หยุด ชะตากรรมของเธอในตอนนี้กำลังตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาโดยไม่อาจต่อต้านได้เลยแม้แต่น้อย
"อ้อ! เสี่ยมีอีกข้อเสนอนะถ้าหนูไม่อยากแต่งงาน..."
ใบหน้าหวานเชยขึ้นมองอย่างมีความหวัง เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องแต่งงานกับคนคนนี้
"อะ...อะไร ข้อเสนออะไร"
"หนูเมลจะต้องเอาเงินมาชดใช้ให้เสี่ยสี่สิบล้าน..."
"ได้! เมลจะเอาเงินมาคืนให้"
"ฮึ...ฟังให้จบก่อนสิ อย่าขัดพูดใหญ่ ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะหนูเมล" มือหนาลูบเบา ๆ ที่แก้มใสพลางโน้มใบหน้าลงแนบชิดกับคนตัวเล็ก
เมลบีเบี่ยงหน้าออกอย่างนึกรังเกียจ แค่ต้องถูกสัมผัสของเขาก็ทำให้นึกโกรธเกลียดตัวเองจนอยากหนีไปให้ไกล
"ถ้าไม่อยากแต่งงานก็ต้องเอาเงินมาชดใช้เป็นจำนวนสี่สิบล้าน ภายในหนึ่งเดือน!"
"ว่าไงนะ! หนึ่งเดือน!?"
เธอเลือกทำตามข้อเสนอนี้อย่างไม่อิดออดแต่ระยะเวลามันเร็วเกินกว่าที่เธอจะหาเงินจำนวนมากแบบนั้นมาได้
"ถ้าทำไม่ได้ การแต่งงานของเราก็จะเหมือนเดิม แต่ถ้าจะให้เสี่ยแนะนำนะ...เสี่ยว่าหนูเมลยอมแต่งงานดีกว่า เสี่ยมีเงินมีอำนาจ หนูเมลสบายไปทั้งชาติแล้วก็ไม่ต้องทำงานหนักแบบนี้ด้วย"
"ไม่! ยังไงฉันก็ไม่มีวันแต่งงาน ให้ตายยังไงฉันก็จะไม่แต่งงานกับคุณ!!!"
เมลบีประกาศกร้าวดังกังวานไปทั่วทั้งห้อง เธอไม่มีวันยอมแต่งงานกับคนคนนี้ ต่อให้เธอจะต้องตายเธอก็ไม่มีวันมอบหัวใจให้คนอย่างเขาแน่นอน!