หว่าอิ๋งนำเงินที่ได้จากการขายผักและขายผ้าที่นางปัก ซื้อเป็ดมาเลี้ยงเพื่อกินไข่จำนวนสองตัว และซื้อเนื้อหมูมาจำนวนหนึ่ง เงินที่เหลือนางยกให้บัณฑิตหนุ่มเก็บไว้ส่วนหนึ่ง นางก็เก็บเอาไว้ส่วนหนึ่งเพราะรู้ว่าให้เขาไปทั้งหมดเขาก็คงไม่ยอมรับแน่ สู้นางเก็บส่วนของตนเองเอาไว้ให้เขาไปสอบในเมืองหลวงจะดีกว่า
นางนำเนื้อหมูมาทำอาหารบางส่วน ส่วนที่เหลือได้ทำการถนอมอาหารโดยการนำมาแผ่นออกแล้วทาเกลือให้ทั่วนำไปผึ่งแดดจนแห้ง แล้วนำมาแขวนเก็บไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเท ทำอย่างนี้เนื้อหมูจะเก็บได้นานหลายวัน
หยี่หานประทับใจในการดูแลของนาง นางทำทุกอย่างไม่ให้เขาต้องเหนื่อยทำอะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งเอาผักไปขายในหมู่บ้านนางก็ยังรับอาสาทำเองทั้งหมด ตอนนี้ทำให้เขามีเวลาอ่านหนังสือได้อย่างเต็มที่
บ้านช่องที่ดูสะอาดตา อาหารดีๆ ที่นางจัดหามาให้ แล้วยังมีเงินเก็บที่ได้จากการทำงานของนาง มันทำให้เขารู้สึกแย่กับตัวเองไม่น้อย แต่มันก็เป็นสิ่งที่นางเต็มใจทำ อีกทั้งเขามีหน้าที่จะต้องอ่านหนังสือสอบ จึงพยายามไม่คิดถึงเรื่องนี้ และคิดว่าจะต้องตอบแทนนางในสักวัน
“คุณชายกัว ข้าปักผ้าเช็ดหน้าให้ท่าน” หว่าอิ๋งนำผ้าเช็ดหน้ามอบให้แก่เขา
หยี่หานรับมาชื่นชมลายปักที่สวยงามของนาง แล้วเก็บมันเอาไว้ในเสื้อของตน
“ขอบใจเจ้ามาก หว่าอิ๋ง” เขาบอกนางแล้วนึกอะไรดีๆ ออก
“เจ้าช่วยอะไรข้าบางอย่างสิ”
“ให้ข้าทำอันใดเจ้าคะ” หว่าอิ๋งถามอย่างตื่นเต้น หากได้ช่วยเหลือเขา นางยินดีทำทั้งนั้น
“ช่วยปักผ้าเช็ดหน้าให้ข้าอีกหนึ่งผืน ข้าอยากให้เจ้านำไปมอบให้คุณหนูโจว เจ้าพอจะทำให้ข้าได้หรือไม่” คำขอของหยี่หานทำให้นางหัวใจหล่นวูบ พึ่งนึกได้ว่าบัณฑิตตรงหน้านั้นมีคนรักอยู่แล้ว
“ข้ายินดีเจ้าค่ะ” นางรับคำจากเขา แล้วยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ก่อนจะขอตัวไปทำงานบ้านอย่างอื่นต่อ
หยี่หานหยิบผ้าเช็ดหน้าของหว่าอิ๋งออกมา แล้วยิ้มให้กับมัน ผ้าเช็ดหน้าสีเขียวปีกแมลงทับปักด้ายสีเหลืองทองเป็นรูปเถาวัลย์ตรงขอบชายผ้า และตรงมุมปักเป็นชื่อของเขาเอาไว้ มีลายดอกไม้เล็กๆ สีต่างๆ ปักตามเถาวัลย์ดูสวยงาม
‘ฝีมือการปักเย็บของเจ้าช่างงดงามยิ่งนัก หากเหว่ยฟางได้รับผ้าเช็ดหน้าจากข้า นางคงชื่นชมมันไม่น้อย’
**********************
หว่าอิ๋งใช้เวลาอยู่สามวันสามคืนในการปักผ้าเช็ดหน้าสีขาวเป็นรูปดอกโบตั๋นอย่างที่หยี่หานบอก แล้วนำไปให้เขาได้ชื่นชมมัน
“งดงามมาก เจ้านี่มีฝีมือดีขนาดนี้ มิน่าเล่า ถึงได้ปักผ้าขายได้กำไรงามนัก” หยี่หานชื่นชมฝีมือนาง
“แล้วคุณชายจะให้ข้านำผ้าเช็ดหน้าไปให้คุณหนูโจวที่ใดกันเล่าเจ้าคะ” นางถามเขาอย่างสุภาพ
“อีกสองวันเจ้าจงไปดักเจอนางที่ตลาดในหมู่บ้าน นางมักจะรอข้าที่แผงขายเครื่องประดับหรือไม่ก็แผงขายเครื่องสำอาง นางเป็นหญิงงาม มีชาติตระกูล มีสาวใช้ติดตาม สังเกตได้ไม่ยากหรอก” หยี่หานบอกแก่หว่าอิ๋ง
ยิ่งฟังหว่าอิ๋งก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองต่ำต้อย ต่างจากคุณหนูโจวที่เขากล่าวถึงด้วยแววตาที่ดูเพ้อฝันนั้น
“แล้วทำไมคุณชายไม่ไปมอบให้นางด้วยตัวเองเล่า ในเมื่อรู้ว่านางจะไปตลาดเวลาไหน” หว่าอิ๋งเอ่ยถามเขาด้วยความใคร่รู้
“หากข้าไปแอบเจอนางบ่อยเข้า หากมีคนจับได้ เกรงว่านางอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกมาเที่ยวเล่นอีก นางเข้าใจข้าดี และเราต่างรู้ว่าเมื่อไหร่ที่เราควรพบเจอกัน” หยี่หานพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเศร้าลงไป จนหว่าอิ๋งนั้นเศร้าตาม
“ข้าจะเอาผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไปมอบให้คุณหนูโจว คุณชายเชื่อมือข้าเถิด” นางบอกแก่เขาให้สบายใจ
หยี่หานกุมมือของหว่าอิ๋งเอาไว้ด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจของนาง จนหว่าอิ๋งใจเต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะจับได้ว่านางรู้สึกเช่นไรด้วย
“เจ้าช่างมีน้ำใจยิ่งนัก ข้าต้องตอบแทนบุญคุณเจ้าให้ได้ในสักวัน” เขาบอกเธอในขณะที่มือหนานุ่มนั้นยังคงเกาะกุมมือของนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ข้าต่างหากเล่าที่เป็นหนี้บุญคุณคุณชาย”
“ตอบแทนกันไปมาอย่างนี้คงไม่จบสิ้นแน่ ใช่ไหมเล่าหว่าอิ๋ง” เขาถามพลางสบตานางด้วยความเอ็นดู
“ดังนั้นข้าจึงอยากอยู่ที่นี่ รับใช้คุณชาย หากวันใดคุณชายสอบได้เป็นขุนนาง ข้าก็จะได้สุขสบาย อย่างนี้ดีไหมเจ้าคะ” นางบอกเขาด้วยรอยยิ้มที่ดูเขินอาย
หยี่หานลดยิ้มลง แล้วลดมือที่เกาะกุมนางออกไป เกรงว่านางอาจจะคิดกับเขาเกินเลยไปไกล ถึงขั้นอยากติดตามไปชั่วชีวิต และเขาไม่อยากให้เหว่ยฟางเข้าใจผิด
พอนึกได้ถึงเรื่องนี้ เขาก็นำผ้าเช็ดหน้าลายดอกโบตั๋นนั้นมาแล้วพับเก็บในเสื้อของตนเอง ทำให้หว่าอิ๋งนั้นงุนงง ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เดี๋ยวข้าเอาไปให้นางเองดีกว่า ข้าลืมไปว่ามีเรื่องอยากคุยกับนางพอดี”
“ได้เจ้าค่ะคุณชาย” หว่าอิ๋งตอบรับเจตนาใหม่ของเขา ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วขอตัวออกไปปักผ้าชิ้นอื่นที่นางกำลังทำค้างไว้
**********************
หยี่หานนำผ้าที่หว่าอิ๋งปักไปขายให้กับร้านค้า และซื้อผ้าแพรเปล่ากลับมาเพิ่ม งานปักครั้งนี้ได้กำไรมามากพอสมควร
เขายิ้มอย่างปลาบปลื้ม แล้วจึงเดินไปรอให้เหว่ยฟางผ่านมา
ไม่นานนักเขาก็เห็นนาง เหว่ยฟางมองเห็นเขาก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจแล้วใช้อุบายหลอกให้เสี่ยวหลินเดินไปทางอื่น ก่อนที่จะแอบไปหาหยี่หานเหมือนอย่างเช่นเคย
ครานี้หยี่หานไม่ได้ทำแค่กอดและจุมพิตที่หน้าผากของนาง นางแต่เชยคางนางขึ้นมาจูบอย่างแผ่วเบาราวแมลงปอแตะผิวน้ำ
เหว่ยฟางตกใจและเขินอายเล็กน้อย หากแต่ก็รับจูบนั้นจากอีกฝ่ายแล้วกอดคล้องคอเอาไว้ แข้งขาอ่อนแรงเมื่อตกในภวังค์นั้น
สักพักหยี่หานถอนจุมพิตออกจากนาง สบดวงตาที่ไหวระริกของนาง มองเห็นหน้าของหว่าอิ๋งซ้อนขึ้นมาแล้วรีบสลัดภาพนั้นให้หลุดออกไป
“ข้ามีผ้าเช็ดหน้ามามอบให้แก่เจ้า” หยี่หานบอกหญิงคนรัก ไม่ได้มีเวลาที่จะอธิบายจุมพิตที่เกิดเมื่อสักครู่ ว่าเหตุใดตนจึงทำเช่นนั้น
เหว่ยฟางรับผ้าเช็ดหน้าผืนงามนั้นขึ้นมาแล้วเขย่งขึ้นไปจุมพิตเบาๆ ที่แก้มของบัณฑิตหนุ่มอย่างรักใคร่
“งดงามมาก ข้าขอบใจท่านยิ่งนัก” นางเอ่ยขอบคุณแล้วใช้นิ้วกรีดผ้าเช็ดหน้าปิดบังใบหน้าที่แดงเรื่อของตนอย่างเขินอาย
เหว่ยฟางล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนที่นางใช้เป็นประจำขึ้นมาแล้วให้กับเขาไป
“ผ้าเช็ดหน้านี้ ข้าปักไว้ใช้เอง ถ้าไม่รังเกียจ ข้าขอมอบมันให้ท่าน” นางพูดอย่างเอียงอายที่พึ่งได้แลกจูบกับเขาเป็นครั้งแรก
หยี่หานรับมาแล้วสวมกอดนางเอาไว้ พยายามนึกในใจว่าเขาต้องรักและซื่อสัตย์กับนางเพียงผู้เดียว หัวใจนั่นเริ่มหวาดหวั่นที่อยู่ๆ ภาพของหว่าอิ๋งก็ซ้อนขึ้นมา ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขามั่นใจว่าไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับนาง
‘ข้าคงใช้เวลาอยู่กับนางมากไป จึงเกิดภาพหลอนเช่นนี้ ข้ามั่นใจว่ารักเหว่ยฟางแต่เพียงผู้เดียว’
“ข้าต้องรีบไปก่อน” เหว่ยฟางบอกแล้วรีบเดินไปอย่างรวดเร็ว
หยี่หานยิ้มตามหลังนางไปแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา แล้วขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจและหัวใจกระตุกวูบ เมื่อลวดลายที่นางบอกว่าปักเอง มันคือลวดลายที่เขาเป็นคนออกแบบให้หว่าอิ๋งลองปักขายเป็นชิ้นแรกเมื่อเดือนที่แล้ว และตอนนี้หญิงคนรักที่เขารักมากกลับโกหกเขาว่ามันเป็นฝีมือปักของนาง
“นางคงจำผิด หรือไม่ก็หยิบผืนนี้ติดมือมา ใช่แน่ๆ นางคงจำผิด” เขาพึมพำออกมา หากแต่ว่าก็ยังรู้สึกคาใจอยู่ดี
หยี่หานรอสักครู่จึงเดินออกมาจากตรอกคับแคบนั้น เดินผ่านร้านขายสุรา เขาได้ยินชายทั้งสองคุยกันถึงลูกชายเศรษฐีต่างเมืองที่กำลังตามเกี้ยวพาราสีเหว่ยฟางอยู่
“ท่านโจวหมายจะได้คุณชายลู่เป็นเขย ได้ข่าวว่าคุณหนูโจวก็พอใจคุณชายลู่ไม่น้อย แต่ยังรอบัณฑิตกัวสอบเป็นขุนนางให้ได้”
“แสดงว่าคุณหนูโจวต้องการจับปลาสองมือนะสิ”
“ข้าก็ได้ยินมาอย่างนั้น คุณชายลู่ทั้งร่ำรวย และหล่อเหลา เสียแค่เจ้าชู้ไปหน่อย ส่วนบัณฑิตกัวก็มีแววว่าอาจจะสอบได้แต่เสียที่ยากจนและยังสอบไม่ผ่าน นางคงยังเลือกไม่ได้ในตอนนี้”
ขาเขาพลันชะงัก เย็นเฉียบไปทั้งขั้วหัวใจ เมื่อได้ยินในสิ่งที่เขากลัวมาตลอด ว่านางจะมีคนอื่น หรือว่ามีตัวเลือกที่ดีกว่าเขา และในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจริงๆ
**********************