บทนำ.3
"คุณจะทำอะไร"
“ถอดผ้าให้หมด ทำให้แนบเนียน”
น้ำเสียงแหบพร่าไม่มั่นคงเอ่ยบอก พร้อมกับมือหนาที่ขยับปลดกระดุมเสื้อตัวเองช้าๆ กวงจือหลินขมวดคิ้วมองดูคนตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ
ที่แท้ก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป
แต่คิดจะข่มเหงเธอก็ต้องดูว่าชายหนุ่มมีความสามารถหรือไม่ มุมปากสวยยกขึ้นอย่างเย้ยหยันก่อนจะขยับมือเรียวปลดเสื้อผ้าของตนเอง ทว่ายังไม่ทันดึงปมคลายผ้า คนตัวโตก็วางมือทาบทับส่งเสียงอู้อี้ห้ามปราม
“เธอเป็นผู้หญิง... ไม่ต้องถอด”
คนที่ถูกฤทธิ์สุราครอบงำเอ่ยพรางส่ายศีรษะไปมา ก่อนโยนเสื้อของตัวเองทิ้งแล้วพลิกตัวลงนอนข้างๆ หญิงสาว
กวงจือหลินมองชายหนุ่มที่แม้เมาจนแทบไม่มีสติแต่ก็ยังพร่ำบอกห้ามไม่ให้เธอเปลื้องผ้าด้วยอาการขบขัน
ยังมีผู้ชายที่มองเธอเป็นผู้หญิงอยู่อีกหรือ
ที่ผ่านมาเพราะเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลกวง เธอไม่สามารถใช้คำว่าผู้หญิงมาเป็นข้อยกเว้นให้ตนเองเหมือนหญิงสาวคนอื่น สิ่งใดก็ตามที่คนอื่นทำได้ เธอล้วนต้องทำได้ และต้องทำให้ดีกว่าจึงจะสามารถยืนหยัดอยู่ในฐานะคุณหนูกวงได้
“ผู้หญิง... ห้ามถอด... ถอดไม่ได้...”
เสียงห้ามอู้อี้ยังคงดังออกมาจากริมฝีปากคนข้างๆ มุมปากของกวงจือหลินยกขึ้นยิ้มก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับออกมาในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
“ไม่ถอดจะแนบเนียนได้ยังไง”
......................................................................
ในตอนเช้าเสียงเข้มดุดันดังมาจากห้องโถงชั้นล่าง กวงจือหลินที่ตื่นตัวง่ายพลันลืมตาขึ้น ก่อนจะสะกิดคนที่นอนหลับสนิทข้างกายให้ตื่นตาม
“ตื่น!”
กู้เหยียนลืมตาตื่นด้วยอาการหนักอึ้งในศีรษะ มองคนที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยด้วยอาการตื่นตกใจ มือหนาขยับกดนวดขมับก่อนจะสลัดไปมา ทว่าไม่ทันตั้งตัวร่างกายก็ถูกหยิบสาวโอบกอดแนบชิด
“กอดฉัน! เร็วเข้า!”
เสียงดุเล็กน้อยของกวงจือหลินทำให้กู้เหยียนขยับมือซ้ายโอบกอดเธอเข้าแนบอก ขนกายของชายหนุ่มพลันรุกชัน ร่างกายร้อนผ่าวไปทั้งตัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มที่แนบชิดแผงอกแกร่ง
ปัง! เสียงประตูห้องเปิดออก พร้อมกับชายวัย 50 ปี และลูกน้องอีก 5 คนของเขา กู้เหยียนรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดไหล่ขาวของกวงจือหลินโดยอัตโนมัติ ขณะที่เธอพลิกตัวหันมามองคนเป็นพ่อด้วยอาการตื่นตกใจ
“คุณพ่อ!”
“อาหลิน นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมลูกถึงได้...”
กวงจือเหลียงตะคอกเสียงดัง ยกมือขึ้นชี้นิ้วไปที่ลูกสาวของตนเองด้วยอาการเดือดดาล
“ฉันชอบเขา นอนกลับเขาผิดที่ตรงไหนกันคะ”
คนบนเตียงพูดจบก็สลัดผ้าห่มกระชับผ้าเช็ดตัวลุกขึ้นนั่งที่ข้างเตียง กู้เหยียนเห็นการกระทำนี้ก็รีบหันไปคว้าเสื้อของตนเองที่ตกอยู่ข้างเตียงวางลงบนไหล่บาง ความใส่ใจนี้ของเขาไม่ว่าจะเป็นการแสดงหรือเรื่องจริงจากใจแต่สำหรับกวงจือหลิน นี่คือการกระทำที่เธอพอใจมาก
“มันเป็นใคร”
กวงจือหลินเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองไม่ได้สืบประวัติของชายหนุ่ม ในใจพลันเกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย หากแต่สีหน้ากลับนิ่งสงบหันไปส่งยิ้มหวานให้คนด้านหลัง
“คุณจะไม่แนะนำตัวกับคุณพ่อฉันสักหน่อยหรือคะ”
กู้เหยียนขยับตัวปรับท่านั่งให้อยู่ในท่วงท่าสุภาพ ก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วบอกกล่าวแนะนำตัว
“ผม กู้เหยียน เป็นเพื่อนของอาเฉิน เอ่อ... อาหลี่ครับ”
“เพื่อนของอาหลี่ เฮอะ! ที่แท้ที่ผ่านมาการคบหากันของลูกกับอาหลี่ก็ล้วนเป็นเรื่องโกหกใช่ไหมอาหลิน”
“ที่ผ่านมาฉันคบกับพี่หลี่จริงๆ ค่ะ เพียงแต่... ฉันชอบพี่หมอกู้ เมื่อคืนก็เลยฉวยโอกาสมอมเหล้าแล้วลากเขาขึ้นห้องมา”
กวงจือหลินจำได้ว่าผู้หญิงของพี่ชายเรียกเขาว่า หมอกู้ ดังนั้นจึงตีเนียนเรียกตาม
“ลากเขาขึ้นห้อง! อาหลินลูกรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป”
กวงจือเหลียงยกมือขึ้นกุมขมับที่ปวดหนึบเป็ยทบทวี นิสัยมุทะลุไม่สนสิ่งใดของลูกสาวเขารู้ดี เพียงแต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นกล้ามอมเหล้าผู้ชายแล้วลากขึ้นห้องแบบนี้ เมื่อตั้งสติได้ก็สูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออก มองชายหนุ่มที่ทั้งสุภาพและอ่อนโยนแล้วอยากกลั้นใจตายขึ้นมา
“อาหลินคนแบบนี้จะดูแลลูกได้ยังไง”
“คนแบบฉันยังต้องให้ใครดูแลอีกหรือคะ แต่คุณพ่อไม่ต้องห่วงต่อไปฉันจะดูแลเขาเอง รับรองว่าใครก็แตะไม่ได้”
“กฎก็ต้องเป็นกฏ หากคิดจะแต่งเข้าตระกูลกวง 5 ด่านต้องผ่านให้ได้ ไม่มีข้อยกเว้น”
“คุณพ่อ!”
กวงจือหลินร้องเรียกเสียงหลง มองคนเป็นพ่อสลับกับกู้เหยียนด้วยความห่วงใย
“เอาตัวไป!”
กู้เหยียนไม่ทันตั้งตัวก็ถูกคนของกวงจือเหลียงลากลงจากเตียงพาขึ้นรถกลับเซี่ยงไฮ้ในทันที
“พี่หลี่ แย่แล้ว! คุณหมอกู้ของพี่ถูกพ่อฉันพาตัวไปทดสอบแล้ว”
“ก็ดี!”
“อะไรนะ!”
มุมปากของกวงซุนหลี่ยกขึ้นยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่มือยังคงคนข้าวต้มในหม้ออย่างตั้งใจ
“หากเขาเป็นอะไรไป พี่ก็อย่าได้หวังว่าจะจัดงานแต่งได้อย่างสงบเลย”
ข่มขู่จบกวงจือหลินก็หมุนตัวจากไป กวงซุนหลี่มองแผ่นหลังเล็กแล้วถอนหายใจยาว เขากับกู้เหยียนเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยประถม เพราะเป็นเด็กกำพร้าไร้พ่อแม่มีเพียงย่าวัยชราที่เลี้ยงดู แม้กู้เหยียนจะเป็นคนฉลาดแต่ก็มักถูกคนรังแกเสมอ อาจเพราะความรำคาญระคนเห็นใจเขาในวัยเด็กจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือสหายคนนี้ ต่อมากู้เหยียนก็ได้ให้คำมั่นวันหน้าจะปกป้องเขาและครอบครัวของเขา ไม่คิดว่าวันนี้อีกฝ่ายจะทำจริงๆ
“คุณหลี่คะ เราต้องไปช่วยคุณหมอกู้กันไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอก เรื่องนี้อาหลินจัดการได้แน่นอน”
หรือต่อให้กวงจือหลินจัดการไม่ได้ ด้วยฝีมือการต่อสู้ที่กู้เหนียนเรียนมา ก็คงทำให้เขาพอรับมือบททดสอบเหล่านั้นได้
......................................................................
กวงจือหลินขับรถกลับมาถึงเซี่ยงไฮ้ก็ตรงเข้าไปที่ตึกใหญ่ของตระกูลกวงในทันที และเมื่อเดินเข้าไปก็พบว่ากู้เหยียนกำลังยืนอยู่กลางห้องโถงรอบตัวเขามีคนสนิทของคนเป็นพ่อรายล้อมอยู่ถึงห้าคน คิ้วเรียวขมวดแน่นเมื่อเห็นว่าใบหน้าเนียนขาวของเขามีรอยฟกช้ำอยู่หลายจุด
“หยุดนะ!”
เสียงแข็งกร้าวของหญิงสาวดังก้องห้องโถงก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินเข้ามาที่กลางวงการประลองแล้วใช้ร่างเพรียวบางบังกู้เหยียนไว้เบื้องหลัง
“เขาเป็นคนของฉันใครกล้าแตะต้องก็ลองดู”
“อาหลิน ลูกรู้ใช่ไหมว่าถ้าทำแบบนี้จะต้องเผชิญกับอะไร”
“ฉันรู้ค่ะพ่อ”
“ดี! อย่างนั้นก็อย่าหาว่าพ่อใจร้าย”
พริบตาคนที่รายล้อมก็เพิ่มจากห้าเป็น 10 คน กู้เหยียนขมวดคิ้วหนาเข้าหากันแน่น ลำพังชายมีฝีมือ 5 คน เขาก็ยากจะรับมืออยู่แล้ว ตอนนี้เพิ่มมาเป็น 10 คน อีกทั้งเขายังต้องปกป้องหญิงสาวตรงหน้า การประลองครั้งนี้ไม่ต้องเริ่มก็รู้ผลแล้ว
“ไม่ต้องออมมือ จัดการ!”
น้ำเสียงเด็ดขาดของกวงจือเหลียงดังก้องกังวาน ก่อนที่ชายฉกรรจ์จะขยับตัวเข้าจู่โจม กู้เหยียนรีบดึงต้นแขนของกู้จือหลินหลบไปยังด้านหลัง ทำให้หมัดหนักที่อีกฝ่ายส่งมากระแทกเข้าที่ใบหน้าของเขาเต็มแรง
"คุณหมอกู้"
กวงจือหลินขมวดคิ้วเล็กมองมือหนาที่จับเธอมายังเบื้องหลังด้วยอาการตื่นตกใจ ชีวิตของเธอมีแต่ปกป้องคุ้มครองคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่ได้รับการปกป้อง หัวใจที่นิ่งสงบพลันสั่นไหวขึ้นมา ทว่าเมื่อเห็นเขาถูกทำร้ายจนล้มลง แววตาซาบซึ้งก็เปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง ยกเท้าขึ้นยันคนที่กล้าลงมือกับกู้เหยียนจนกระเด็นไปชนกำแพงห้อง
กู้เหยียนเบิกตากว้างมองหญิงสาวในชุดกระโปรงตัวยาว ขยับกายต่อสู้กับชายฉกรรจ์ทั้ง 10 คน ด้วยอาการตื่นตะลึง ลงมือได้รวดเร็วและฉับไว พริบตาชายทั้ง 10 คนก็นอนครวญครางอยู่ที่พื้น กวงจือหลินหันมาจับประคองเขาลุกขึ้นยืนเคียงข้างแล้วประกาศก้อง
“ถึงแม้กู้เหยียนจะไม่ถนัดการต่อสู้ ไม่เชี่ยวชาญเรื่องธุรกิจ แต่เขาคือผู้ชายของฉัน ล่วงเกินเขาก็เท่ากับล่วงเกินฉัน หากใครยังไม่พอใจก็ก้าวเท้าออกมา”
แน่นอนว่าฝีมือของกวงจือหลินนั้นไม่ใช่ใครก็สามารถเข้ามาต่อกรได้ ดังนั้นสถานการณ์จึงผ่านไปอย่างสงบ กวงจือเหลียงมองดูท่าทางของลูกสาวแล้วหัวเราะก้อง ในที่สุดลูกสาวที่ไร้หัวใจของเขาก็ถูกทำให้สั่นคลอนเสียที
“ดี! อย่างนั้นอีก 4 ด่านก็ยกเลิก ต่อไปเขาก็คือว่าที่เขยของตระกูลกวง! อาเจิ้นให้คนหาฤกษ์มงคลแต่งเขยเข้าบ้าน”
“ครับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ”
กวงจือหลินเอ่ยบอกด้วยความดีใจ ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบกู้เหยียนกลับไม่ได้สนใจเรื่องที่ทุกคนกำลังคุยกันเลยสักนิด อย่างไรแต่งเสร็จเขาก็ต้องไปจากที่นี่ ดังนั้นเขาจะมีฐานะอะไรล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ...
“อาหลิน ขาคุณบาดเจ็บ ให้ผมดูหน่อยได้ไหม”
ทุกคนในห้องโถงต่างพากันกลั้นยิ้ม เบนหน้าหลบสายตาของกวงจือหลินที่ตวัดมองอย่างคาดโทษคนที่คิดล้อเลียนเธอ ก่อนจะหันมาสบตาคนข้างกายที่พูดจาไม่รู้เวลา เพียงแต่ทันทีที่ได้เห็นแววตาห่วงใยของเขา คำพูดตำหนิมากมายก็พลันหายไปจนหมดสิ้น
“ได้!”
หลังจากตอบรับเสร็จมือเรียวก็จับชายกระโปรงสะบัดขึ้นเพื่อเปิดให้เขาดูบาดแผลที่ต้นขาอ่อน แต่กลับถูกมือหนาจับเอาไว้
“เปิดตรงนี้ไม่ได้”
“เรื่องมากจริง อย่างนั้นก็ขึ้นไปดูที่ห้อง"
กวงจือหลินจับข้อมือหนาลากเขาเดินขึ้นไปยังชั้นบนโดยไม่สนสายตานับ 30 คู่ของผู้คนในห้องโถง
ขณะที่กวงจือเหลียงมองดูลูกสาวของตนแล้วยิ้มกว้าง ในที่สุดก็มีคนมาคอยดูแลเธอแล้ว สายตาเลื่อนไปที่รูปภาพขาวดำของหญิงสาวคนหนึ่งแล้วพึมพำในใจ
อาจิ่ว เธอสบายใจได้แล้วนะ
......................................................................