บทนำ.2
“แต่งไม่ได้!”
ผู้คนในงานพลันขยับตัวหลบเป็นทางให้กับกวงจือหลิน ใครบ้างไม่รู้ว่านิสัยเอาแต่ใจ และเหี้ยมโหดไร้เหตุผลของคุณหนูตระกูลกวงนั้นน่าหวาดหวั่นเพียงใด ดังนั้นเพื่อรักษาชีวิตอันสงบสุขของตนเอง แขกในงานบางคนยังลอบปลีกตัวออกจากงานก่อนที่จะถูกคุณหนูกวงผู้นี้จดจำใบหน้าได้แล้วไปคิดบัญชีล้างอายคืนในภายหลัง
กวงจือหลินมองดูกวงซุนหลี่รั้งคนในอ้อมแขนไว้เบื้องหลังอย่างปกป้องแล้วขบกรามแน่น ต่อหน้าผู้คนเขากล้าไม่ไว้หน้าเธอหรือ กวงซุนหลี่ชีวิตของเขาสงบสุขเกินไปใช่หรือไม่
“กวงจือหลิน!”
“พี่ยังจำฉันได้อยู่หรือ อย่างนั้นจำคำสัญญาของเราได้หรือไม่”
มุมปากของกวงจือหลินยกขึ้นเล็กน้อยอย่างเย้ยหยัย มองหญิงสาวที่พี่ชายบุญธรรมของเธอปกป้องด้วยสายตาดูแคลน หากแต่เมื่อเห็นความเจ็บปวดในแววตาเรียวในใจของเธอก็พลันรู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายขึ้นมา การถูกคนรักหลักหลัง หลอกลวง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องที่เจ็บปวด และเพราะไม่ต้องการมีสภาพเช่นนี้ กวงจือหลินตั้งปณิธานเอาไว้ ชีวิตนี้จะไม่มีความรัก จะไม่ผูกมัดทั้งทางใจและทางกายกับใครทั้งนั้น
“ฉันไม่เคยลืมคำสัญญาของเรา แต่ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรฉันก็จะแต่งกับลี่ลี่”
น้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงของกวงซุนหลี่ทำให้เธอนับถือความรักของเขาอยู่ไม่น้อย หากในอดีตพ่อของเธอมั่นคงต่อคนเป็นแม่ของเธอเช่นนี้ เธอคงไม่เติบโตมาโดยไร้มารดามาจนถึงทุกวันนี้
“ได้! แต่งก็แต่ง ฉันยอมให้เธอมาเป็นภรรยารองของพี่ก็ได้”
“แต่ฉันไม่ยอมค่ะ”
คิ้วเรียวของกวงจือหลินขมวดเข้าหากันแน่นด้วยความสงสัย เธอยอมถอยให้ขนาดนี้แล้วหญิงสาวผู้นี้ยังไม่รู้จักคล้อยตามสถานการณ์ ช่างเป็นหญิงสาวเอาแต่ใจจริงๆ ทว่าเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าถอดแหวนคืนใส่มือกวงซุนหลี่ ดวงตาคมดุก็เบิกตากว้างนึกชอบใจนิสัยยอมหักไม่ยอมงอนี้ของอีกฝ่ายขึ้นมา
“ในเมื่อระหว่างคุณกับเขามีข้อสัญญาผูกมัดต่อกัน ฉันก็จะไม่เข้าไปแทรกแซงเป็นมือที่สาม”
น้ำเสียงจริงจัง ท่าทางเด็ดขาด ช่างเหมาะสมกับคนน่าโมโหอย่างกวงซุนหลี่จริงๆ
“ลี่ลี่ เธอทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร”
“เรื่องระหว่างเราฉันจะถือว่าสิ้นสุดแค่ตรงนี้”
กวงจือหลินยกมือขึ้นกอดอกมองดูคนที่เดินออกจากประตูไปแล้วยกยิ้มอย่างพอใจ ยิ่งได้เห็นสายตาไม่ยินยอมแต่ทำอะไรไม่ได้ของพี่ชายบุญธรรมตรงหน้าก็ยิ่งชอบใจ
“ไปเจอกันที่บ้านของฉัน”
คนหน้านิ่งเอ่ยเสียงเข้มดุ แตกต่างจากยามที่เจรจากับหญิงสาวอีกคน ทว่าสำหรับกวงจือหลินแล้วล้วนไม่สำคัญ
“ไปบ้านพักพี่หลี่”
“คุณหนูครับ แผลที่ขาของคุณหนู ซื้อยาใส่สักหน่อยดีไหมครับ”
“อืม!”
กวงจือหลินมองบาดแผลที่บาดเป็นทางยาวบนเรียวขาของตนเองเพียงชั่วครู่แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจต่อ ชีวิตของเธอพบเจอเรื่องราวมากมาย บนตัวมีบาดแผลนับไม่ถ้วนเพิ่มมาอีกสักแผลจะเป็นอะไรไป
และเพราะต้องจอดรถซื้อยากับอุปกรณ์ทำแผลทำให้กวงจือหลินมาถึงบ้านของกวงหลี่ซุนเป็นคนสุดท้าย
“พูดมาเลยพี่จะเอายังไง แต่บอกก่อนนะว่าฉันไม่ยอมยกเลิกสัญญาของเรา”
กวงจือหลินพูดรวบรัดเด็ดขาดและชัดเจน พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเดี่ยวตัวเดียวที่เหลืออยู่ ตวัดสายตามองพี่ชายบุญธรรมนิ่งอย่างไม่ยอมถอย
“ยอมหรือไม่นั่นมันเรื่องของเธอ แต่ภรรยาของฉันจะมีแค่ลี่ลี่เท่านั้น”
“พี่ก็มีไปสิ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันยอมรับได้”
“แต่ฉันยอมรับไม่ได้ค่ะ”
เสียงเล็กหวานเอ่ยแทรกขึ้น กวงจือหลินขมวดคิ้วเรียวแล้วถอนหายใจยาว นิสัยยอมหักไม่ยอมงอของอีกฝ่ายเธอก็ชอบอยู่หรอกนะ แต่ดื้อรั้นไม่ฟังอะไรใครแบบนี้ก็ชวนให้เธอหงุดหงิดอยู่ในที
“ฉันก็แค่ขอแต่งในนามเท่านั้น เรื่องอื่นไม่ขอยุ่งเกี่ยว แต่เพื่อความสบายใจของเธอ หลังแต่งงานฉันแยกบ้านให้ด้วยก็ได้แบบนี้ตกลงไหม”
“ผมขอทราบเหตุผลที่คุณกับอาเฉิง เอ่อ... คุณกวงต้องแต่งงานกันได้ไหมครับ”
ดวงตาคมตวัดมองบุรุษแปลกหน้าด้วยสายตาไม่พอใจ เรื่องส่วนตัวของเธอจำเป็นต้องอธิบายให้คนนอกเช่นเขาฟังด้วยหรือ แต่เมื่อได้สบสายตาอบอุ่นและเห็นท่าทีสุภาพ อ่อนโยนของเขา แม้กวงจือหลินอยากจะตำหนิเขาสักประโยคก็ทำไม่ลง สุดท้ายจึงยอมเล่าความลับของเธอกับกวงซุนหลี่ให้เขาฟัง
“ฉันไม่อยากแต่งงาน”
ไม่อยากแต่งงาน หลังเอ่ยคำนี้ออกไปคิ้วเข้มของชายหนุ่มหน้าอ่อน ตัวบางก็ขมวดเข้าหากันแน่นมากขึ้น กวงจือหลินถอนหายใจยาวอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะขยายความคำพูดของตนเองเพิ่ม
“ฉันไม่อยากแต่งงานกับคนอื่น ไม่อยากผูกมัดทั้งทางกายและทางใจกับใคร เลยตกลงทำสัญญาคบหากับพี่หลี่มา 4 ปีแล้ว ในเมื่อตอนนี้เขาจะแต่งงาน ฉันก็ต้องแต่งด้วยไม่อย่างนั้นจะรักษาสถานะนี้ไว้ได้ยังไง”
“อย่างนั้นหมายความว่าคุณสามารถแต่งกับใครก็ได้ ขอแค่ไม่ผูกมัดทั้งทางกายและทางใจใช่ไหมครับ”
“ใช่! ถามมากจริง! หรือคุณจะแต่งกับฉันแทนพี่หลี่ฮะ!”
“ถ้าคุณไม่ติดขัดผมก็ยินดี”
กวงจือหลินได้ยินคำพูดของชายหนุ่มแปลกหน้าก็เบิกตากว้าง กวาดตามองสำรวจเขาอย่างละเอียด ทั้งหน้าตารูปร่างล้วนโดดเด่น หากไม่นับที่รูปร่างของเขาที่ดูบอบบางอ่อนโยนไปนิด เรื่องอื่นล้วนไม่มีอะไรบกพร่อง
บอบบางอ่อนโยนแล้วอย่างไร สามีคนเดียวเธอย่อมปกป้องเขาได้
“ในเมื่อคุณเสนอตัวขนาดนี้ ได้! ฉันตกลง”
“อย่างนั้นคืนนี้อาเหยียนนายก็นอนกับอาหลินที่นี่”
“นอนกับฉัน! พี่หลี่นี่หมายความว่ายังไง”
ใบหน้าสวยคมพลันตวัดสายตาไปทางพี่ชายบุญธรรมในทันที เธอบอกอย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือว่า เธอเพียงต้องการแต่งงาน แต่ไม่ต้องการผูกมัดทั้งทางกายและทางใจ แล้วทำไมกวงซุนหลี่จึงยังให้เธอ... นอนกับคนตรงหน้านี่อีก
“เธอคิดว่าแค่เธอบอกว่าจะแต่งกับเขา คุณพ่อของเธอก็จะยอมรับอาเหยียนง่ายๆ อย่างนั้นหรือ ลืมไปแล้วหรือไงว่าฉันต้องผ่านอะไรมาบ้างคุณพ่อเธอถึงยอมรับ”
กวงจือหลินนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อน เพื่อที่จะให้เธอสนับสนุนเขา กวงซุนหลี่จึงยอมทำสัญญาเป็นคนรักปลอมๆ ให้เธอ แต่เพราะเธอคือทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลกวงบททดสอบที่เขาได้รับจึงหนักหนาปางตายกันเลยทีเดียว เมื่อมองไปที่กู้เหยียนเขาทั้งบอบบางและนุ่มนิ่มไม่ต้องคิดถึงด่านอื่นแค่การต่อสู้หนึ่งต่อสิบในด่านแรกเขาก็คงผ่านไม่ได้แล้ว
“อย่างนั้นพี่คิดว่าต้องทำยังไง ให้ฉันร่วมทดสอบกับเขาดีไหม”
“แค่ทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกก็พอ”
ดวงตาคมหันไปมองใบหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าที่ตอนนี้แดงก่ำไปจนถึงลำคอแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ท่าทางอ่อนโยนบอบบางของเขา หากจะบอกว่าน่าทะนุถนอมก็ไม่ผิด แต่หากจะบอกว่าชวนให้รังแกก็ถูกต้องเช่นกัน ดังนั้นกวงจือหลินจึงตอบตกลงร่วมแผนการกับพี่ชายบุญธรรมในทันที
“ได้!”
“ดี! อาหย่งเอาเหล้ามา”
“อาหลี่ ฉัน... ไม่กินได้หรือไม่ นายก็รู้ว่าฉัน...”
ไม่กินเหล้า ในโลกนี้ยังมีผู้ชายแบบนี้อยู่อีกหรือ ทว่าเขาพูดยังไม่ทันจบประโยคแก้วเหล้าในมือของเขาก็ถูกชายของเธอจับจรดที่ริมฝีปาก ตอนนี้แม้คิดจะปฏิเสธก็ยากจะเอ่ยปากบอกออกมาสุดท้ายก็จำกลืนเหล้าแก้วนั้นลงท้อง ก่อนจะไอออกมาถี่ๆ
“อาหลินรีบดื่มให้หมดแก้วแล้วพาอาเหยียนขึ้นไปนอนพักที่ห้องรับรองทางซ้ายสุด อย่าลืมถอดผ้าให้หมด ทำให้แนบเนียน”
น้ำเสียงที่เอ่ยบอกอย่างคล่องแคล่วราวกับเตรียมมาแล้วของกวงซุนหลี่ทำให้กวงจือหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้เพราะเหตุใดแต่เธอรู้สึกคล้ายกับว่าทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของพี่ชายบุญธรรมของเธอที่วางเอาไว้ตั้งแต่แรก ทว่าเป็นแผนการแล้วอย่างไร ขอเพียงไม่ต้องไปผัวพันกับผู้ชายเห็นแก่ตัวพวกนั้นก็พอแล้ว ส่วนคนตรงหน้าหากไม่ดีเธอก็แค่กำจัดทิ้งในภายหลัง ไม่นับว่ายากเย็นอะไร
มือเรียวยกแก้วเหล้าในมือขึ้นดื่มจนหมด ก่อนจะลุกขึ้นมาจับคนที่เริ่มนั่งไม่ตรง ประคองเขาลุกขึ้นพาไปยังห้องที่กวงซุนหลี่จัดเตรียมเอาไว้ให้
“เห็นตัวบางๆ หนักเหมือนกันนะเนี่ย”
กวงจือหลินพูดพลางผ่อนลมหายใจยาวมองชายหนุ่มที่นอนแผ่หลา สองขาห้อยอยู่ข้างเตียงแล้วส่ายหน้าไปมา
“หน้าอ่อนไม่พอคออ่อนยังอีก แบบนี้จะเอาอะไรไปสู้คนอื่นเขา”
ถึงปากจะพล่ามบ่นแต่ก็ยังจับคนที่สติพร่าเลือนขยับขึ้นนอนบนเตียงอย่างใส่ใจ โดยไม่ทันระวังตัว มือหนาก็คว้าเอวบางจับเธอพลิกลงบนเตียงแล้วขึ้นทาบทับบนตัวเธอ
"คุณจะทำอะไร"
“ถอดผ้าให้หมด ทำให้แนบเนียน”
..........................................