บทนำ.1
ปัง! เสียงประตูห้องจัดเลี้ยงเปิดออกด้วยแรงกระแทกจากภายนอก เรียกสายตาของคนที่กำลังดื่มกินร่วม 50 ชีวิตในห้องให้หันมองมาเป็นตาเดียวกัน
“ส่งตัวอาเชามา”
เสียงหญิงสาวในชุดรัดรูปสีแดงเข้มหน้าประตูเอ่ยบอก ก่อนที่คนในงานจะพากันหัวเราะเสียงดังก้อง
“อยากได้คนคืนอย่างนั้นเหรอ”
ชายในชุดสูทแบบยุโรปเอ่ยถามก่อนจะเดินผ่านกลุ่มคนมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวแล้วผายมือไปยังด้านหลังที่มีชายวัยยี่สิบต้นๆ ถูกมัดมือนอนคุดคู้อยู่บนพื้น ใบหน้าบวมช้ำจนสองตาปิดสนิท ไม่ต้องสอบถามก็รับรู้ได้ว่าก่อนที่เธอจะมาถึงเขาถูกทำร้ายสาหัสแค่ไหน
“กังอ้ายฉี! ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ส่งคนของฉันคืนมา!”
กวงจือหลิน เอ่ยย้ำเสียงสั่นด้วยโทสะ หากแต่กลับยิ่งทำให้รอยยิ้มของคนตรงหน้าคลี่กว้างมากขึ้นเอ่ยโต้ตอบน้ำเสียงยียวน
“แล้วถ้าฉันไม่คืนล่ะ คุณหนูกวงจะทำยังไง”
เส้นความอดทนของกวงจือหลินขาดลงในทันที มือเรียวสะบัดกระโปรงตัวยาวผ่าสูงของตนเองออก แล้วยกเท้าที่สวมส้นสูงหนึ่งนิ้วยันเข้าไปที่กลางอกคนตรงหน้า ไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัวร่างเพรียวบางก็วางเข่าข้างหนึ่งลงที่กลางอกแกร่ง มือข้างหนึ่งกดไหล่ขวา อีกข้างหยิบปืนที่ต้นขาเรียวจ่อเข้าที่หน้าผากของกังอ้ายฉี
“มาถึงตอนนี้นายคิดว่าฉันควรจะทำยังไงดี”
นิ้วเรียวยาวสอดเข้าไปที่ไกปืน ใบหน้าที่เย่อหยิ่งเย้ยหยันของกังอ้ายฉีพลันซีดเผือด
ปัง! ปืนในมือเรียวยกขึ้นเหนี่ยวไกใส่ชายคนหนึ่งที่กำลังล้วงหยิบปืนของตนเองออกมา ลมหายใจของอีกฝ่ายขาดหายไปในทันที
“ดูเหมือนลูกน้องของนายจะไม่รู้ว่าควรวางตัวยังไงในสถานการณ์แบบนี้”
“กวงจือหลิน! ถ้าเธอกล้าทำอะไรฉันตระกูลเหวินไม่เอาตระกูลกวงไว้แน่”
กังอ้ายฉีเอ่ยบอกเสียงสั่น เขาเป็นคนของตระกูลเหวิน แน่นอนว่ากวงจือหลินย่อมไม่กล้าลงมือหนักกับเขา
มุมปากของหญิงสาวยกขึ้นเย้ยหยัน ในเมืองเซียงไฮ้นี้แบ่งเขตการปกครองออกเป็นสามส่วน โดยมีผู้ดูแลเป็นสามตระกูลใหญ่ กวง เหวิน เติ้ง ทั้งสามตระกูลล้วนไม่ข้องเกี่ยวซึ่งกันและกัน ดุจน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง เพื่อคานอำนาจซึ่งกันและกัน แต่นั่นล้วนไม่เกี่ยวกับเธอ กังอ้ายฉีกล้าแตะต้องคนของเธอ เขาย่อมต้องรับผลของการกระทำนี้
“อย่างนั้นหรือ”
ริมฝีปากบางสีแดงสดคลี่ออกก่อนที่ปลายกระบอกปืนจะไล่ลงมาที่ไหล่ซ้ายของกังอ้ายฉีแล้วเหนี่ยวไกโดยไม่ลังเล
ปัง!! “อร๊าก! สารเลว เธอกล้ายิงฉัน”
“ฉันยังกล้าได้มากกว่านี้หากนายยังไม่คืนคนของฉันมา”
เสียงเล็กแข็งกร้าวทรงอำนาจ ก่อนที่สายตาเรียวคมจะหันไปสั่งลูกน้องของตนเองให้เข้าไปช่วยคน
“ตอนนี้นายควรรู้ว่าจะต้องจัดการกับคนของตัวเองยังไง”
“ปล่อยมัน!”
เมื่อได้คนคืนกวงจือหลินก็กระชากคอเสื้อของคนแขนเจ็บให้ลุกขึ้นลากเขาเป็นตัวประกันออกมาที่ด้านหน้าโรงแรม จวบจนคนของเธอขึ้นรถหมด กวงจือหลินจึงก้าวขึ้นรถแล้วใช้เท้ายันแผ่นหลังของกังฉีอ้าย ปลายกระบอกปืนยังเล็งไปที่ต้นขาของเขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายเหนี่ยวไกรัวๆ ก่อนปิดประตูรถแล้วขับออกมา
เสียงปืนดังระงมตามหลังรถยนต์ทั้ง 6 คันที่แล่นออกมาพร้อมกับร่างของกังฉีอ้ายที่ทรุดลง หากแต่กวงจือหลินกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย เธอเกิดมาในตระกูลกวง เป็นทายาทลำดับที่ 13 เพียงคนเดียวของตระกูล ตั้งแต่ 5 ขวบก็ถูกลักพาตัว 7 ขวบจับปืนฝึกการต่อสู้เพื่อปกป้องตนเอง 13 ปีสังหารคนเป็นครั้งแรก มือเล็กๆ ที่ดูบอบบางคู่นี้แท้จริงโหดเหี้ยมเย็นชากว่าที่ใครจะคาดคิด นิ้วเรียวคีบบุหรี่ออกจากซองแล้วจุดสูบก่อนจะบอกเสียงเข้มหนักแน่น
“พาอาเชาไปโรงพยาบาล ส่งคนของเราไปคุ้มกันเขาให้ดีด้วย”
“ครับคุณหนู”
“ใกล้ได้เวลาเริ่มงานเลี้ยงวันเกิดของพี่หลี่แล้ว เร่งหน่อย”
พี่หลี่ หรือกวงซุนหลี่ คือพี่ชายบุญธรรมที่พ่อของเธอรับเข้ามาเพื่อให้สืบทอดตำแหน่งของผู้นำตระกูลกวงรุ่นที่ 17 ทั้งนี้ต้องโทษที่เธอดันเกิดมาเป็นผู้หญิง กฎของตระกูลไม่อนุญาตให้ผู้หญิงสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูล ดังนั้นจนกว่าเธอจะคลอดบุตรชาย ตำแหน่งนี้จำเป็นต้องมีหุ่นเชิดมารับไป
เดิมทีเธอควรเกลียดชังพี่ชายบุญธรรมคนนี้ ทว่าเพราะเขากับเธอมีสัญญาที่ดีต่อกันจากศัตรูจึงกลายมาเป็นมิตร
“คุณแกล้งเป็นคนรักของฉัน ส่วนฉันจะสนับสนุนคุณต่อหน้าผู้อาวุโสของตระกูลกวง”
“ตกลง”
แน่นอนว่าความลับนี้ตลอด 4 ปีที่ผ่านมามีเพียงเธอกับกวงซุนหลี่เท่านั้นที่รู้ ดังนั้นคนทั้งเซี่ยงไฮ้จึงล้วนเข้าใจว่าเรื่องราวความรักระหว่างคุณหนูผู้สูงส่งกับพี่ชายบุญธรรมนี้เป็นเรื่องจริง
“คุณหนูครับถึงแล้วครับ”
กวงจือหลินพยักหน้ารับ ก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถอย่างสง่างาม สูงส่ง
“เชิญคุณหนูด้านในได้เลยครับ”
คนของกวงซุนหลี่ออกมาต้อนรับเธอและนำทางเข้างานอย่างให้เกียรติ เพียงแต่เท้ายังไม่ทันก้าวข้ามประตูเสียงเข้มทรงพลังที่คุ้นเคยก็ดังผ่านเครื่องขยายเสียงก้องกังวานไปทั้งห้องจัดเลี้ยง
“ลี่ลี่ แต่งงานกับฉันนะ”
กวงจือหลินได้ยินประโยคบาดใจนี้ก็กำมือเรียวแน่น เธอไม่ได้เสียใจเรื่องที่กวงซุนหลี่จะแต่งงานกับคนอื่น แต่ที่เธอกังวลคือหากไม่มีเขาพ่อของเธอก็ต้องหาคู่ให้เธออีก ชีวิตที่แสนวุ่นวายเช่นนั้นเธอไม่ต้องการให้เกิดขึ้นจึงประกาศเสียงแข็งกร้าวพร้อมกับก้าวเท้าเข้างาน
“แต่งไม่ได้!”
...........................................