บทสุดท้าย (จบ)
ฉันจะอยู่กับคุณ
“วันนี้ภรรยาของผมถูกคนบุกเข้ามาทำร้าย ผมยังจะกลับไปทำงานได้ยังไงกัน วันนี้ทั้งวันสมควรปลอบใจภรรยา”
กู้เหยียนใช้มือหนึ่งจับท้ายทอยเล็กดึงรั้งคนบนตักเข้ามาจุมพิต เพียงแต่ริมฝีปากยังไม่ทันได้สัมผัสความหอมหวานใบหน้าของกวงจือหลินก็แสดงสีหน้าไม่สู้ดี ก่อนที่เธอจะพลิกตัวลงจากตักเขาวิ่งเข้าห้องน้ำโก่งคออาเจียนจนหน้าซีด
“จือหลิน คุณเป็นยังไงบ้าง”
กวงจือหลินไม่ตอบแต่ค่อยๆ หยัดตัวที่อ่อนแรงลุกขึ้นยืน กู้เหยียนขยับเข้าไปประคองเธอ เพียงแต่เมื่อเขาเข้าใกล้อาการคลื่นไส้อาเจียนของเธอก็กลับมาอีกครั้ง
คิ้วเข้มของกู้เหยียนขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัยพยายามวิเคราะห์อาการโรคของหญิงสาว
“จือหลิน เดือนนี้รอบเดือนของคุณมาหรือยัง”
คนที่กำลังโก่งคออาเจียนส่ายหน้าไปมา ในใจของกู้เหยียนพลันสั่นระรัว รีบวิ่งไปที่สถานพยาบาล แจ้งลาหยุดงานกับเซียวจูอินและหยิบที่ตรวจการตั้งครรภ์กลับมาด้วย
“กู้เหยียน ผลเป็นยังไงบ้าง”
หลังจากผ่านไปเพียง 3 นาทีดวงตาของกู้เหยียนก็เบิกกว้างขึ้นก่อนจะสบตาคนหน้าซีดแล้วโผเข้าโอบกอดเธอแน่น
“จือหลิน คุณท้อง... คุณท้องแล้ว”
ทว่ากวงจือหลินไม่ทันได้ยินดีกับเรื่องที่กู้เหยียนบอก ร่างกายของเธอก็มีอาการคลื่นไส้อีกครั้ง สุดท้ายเพื่อให้เธอหยุดอาเจียนกู้เหยียนจึงทำได้เพียงนั่งเฝ้าเธออยู่ห่างๆ เท่านั้น
“หมอเซียวจือหลินเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันให้ยาแก้อาเจียนไปแล้วค่ะ ตอนนี้นอนหลับไปแล้ว”
กู้เหยียนมองดูคนที่นอนบนเตียงด้วยความกังวล ในใจเกิดความรู้สึกไม่พอใจเจ้าตัวเล็กที่ยังไม่เกิดขึ้นมา
“ทำหน้ายุ่งขนาดนี้ โมโหลูกหรือคะ”
เซียวจูอินเอ่ยเย้าคนที่ปกติมักจะแสดงสีหน้าอ่อนโยน เข้าใจผู้คน และไม่ค่อยโกรธเคืองใคร แต่ตอนนี้กลับมีท่าทีขุ่นเคืองชัดเจนจนเก็บสีหน้าไม่ได้
“ยังไม่ทันเกิดก็สร้างปัญหาแล้ว มันน่าโมโหจริงๆ”
“จะโมโหอะไรกันคะ คุณก็รู้ว่าอาการของคุณหนูกวงเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายในช่วงการตั้งครรภ์”
กู้เหยียนถอนหายใจยาวเรื่องนี้เขารู้ดี เพียงแต่สาเหตุที่ฮอร์โมนในร่างกายกวงจือหลินเป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้าตัวเล็กในท้องเธอไม่ใช่หรือไง ยิ่งคิดก็ยิ่งชวนให้นึกโมโหนัก
......................................................
“ดีใจด้วยค่ะคุณกู้ คุณได้ลูกชาย”
“ภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้าง”
“คุณหนูกวงปลอดภัยดีค่ะ อีกสักครู่เจ้าหน้าที่จะพาไปที่ห้องพักฟื้นนะคะ”
กู้เหยียนไม่ได้สนใจเด็กน้อยตัวแสบที่ทำให้เขาต้องห่างเหินจากภรรยาถึงสี่เดือน เมื่อเจ้าหน้าที่พากวงจือหลินมาส่งที่ห้องพักฟื้นเขาก็รีบขยับตัวไปยืนข้างๆ เธอ จับมือบางมากอบกุมด้วยความห่วงใยในทันที
“จือหลิน คุณเป็นยังไงบ้างปวดแผลมากไหม”
“ไม่ค่ะ”
“คุณหนูกวงคะ หากพอมีแรงแล้วช่วยให้นมคุณชายน้อยหน่อยนะคะ”
“ได้ค่ะ ส่งเขาให้ฉันได้เลย”
“เธอเพิ่งคลอดยังอ่อนเพลียอยู่ เดี๋ยวแม่นมหม่าก็มาแล้ว เด็กก็ให้กินนมแม่นมหม่าไปก็แล้วกัน”
กู้เหยียนบอกโดยไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองเด็กชายที่พยาบาลอุ้มมาส่ง ท่าทางโกรธเคืองนี้ของเขาเรียกรอยยิ้มให้คนบนเตียงในทันที เธอส่งสายตาให้พยาบาลสาวที่มีสีหน้างุนงงวางเด็กน้อยไว้ในเตียงเด็ก แล้วส่งสัญญาณให้ทุกคนออกไป ไม่นานเสียงร้องไห้ของเด็กชายก็ดังก้อง
สุดท้ายกู้เหยียนก็จำใจหันไปอุ้มเด็กชายออกมาจากเตียงเด็ก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่สนใจใยดี แต่ทันทีที่ได้โอบอุ้มเด็กน้อยเข้าแนบอก สายใยบางอย่างก็ทำให้หัวใจของกู้เหยียนหวั่นไหว ยิ่งใบหน้าเล็กๆ มุดเข้าแนบอกของเขาแล้วหยุดส่งเสียงก่อกวนหัวใจของคนเป็นพ่อก็ถักทอความผูกพันขึ้นมาในทันที
“ส่งลูกมาให้ฉันป้อนนมเถอะค่ะ”
กู้เหยียนวางเด็กน้อยไว้ที่ข้างกายกวงจือหลิน จัดท่าให้เธอป้อนนมเด็กน้อยได้อย่างชำนาญก่อนจะมองดูปากเล็กๆ ดูดกลืนนมแม่ลงท้องอย่างตั้งใจ
“สงสัยจะอิ่มแล้วค่ะ คุณพาลูกไปนอนเถอะค่ะ”
“กินอิ่มแล้วต้องจับเรอก่อน จือหลินคุณพักผ่อนเถอะเดี๋ยวผมดูเขาเอง”
กวงจือหลินไม่ได้ขัดข้อง สายตามองดูคนตัวโตโอบอุ้มคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกอิ่มเอม เดิมทีกู้เหยียนก็ไม่ใช่คนแข็งกร้าวอะไร แน่นอนว่าเพียงได้ใกล้ชิดกับเด็กน้อยความรู้สึกขุ่นเคืองตลอด 7 เดือนก็จางหายไปจนหมดสิ้น
เมื่อได้กลับมาพักฟื้นที่บ้าน คนที่จงเกลียดจงชังลูกน้อยมาตลอดก็ยังคงรับหน้าที่ดูแลทุกสิ่งราวกับตนเองเป็นแม่ที่คลอดเขาออกมาเอง
“จือหลินคุณเสร็จหรือยังลูกหิวนมแล้ว”
กวงจือหลินยิ้มกว้าง เดินออกจากห้องน้ำมารับเด็กน้อยเข้าแนบอก คงจะมีเพียงเรื่องให้นมเท่านั้นที่กู้เหยียนไม่สามารถทำแทนได้ และทุกครั้งที่เด็กน้อยดูดนมมารดา คนตัวโตก็จะคอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง
“กู้เหยียน คุณไม่เหนื่อยหรือไง เรื่องเลี้ยงลูกให้แม่นมหม่าช่วยดูก็ได้”
“ลูกตัวแค่นี้ผมเลี้ยงได้ไม่เหนื่อย”
เมื่อเห็นกู้เหยียนยืนยันหนักแน่นกวงจือหลินก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร หลังจากป้อนนมเจ้าตัวน้อยเสร็จก็ส่งให้เขาจัดการต่อแล้วเอนตัวลงนอนบนเตียง ไม่นานคนตัวโตก็เดินกลับมาสอดแทรกตัวเข้าในผ้าห่ม พร้อมกับโอบกอดรั้งเธอมาแนบอก
“จือหลิน ตอนนี้ลูกอายุ 6 เดือนแล้ว”
“ค่ะ ฉันคุยกับคุณพ่อแล้วว่าจะจัดงานครบรอบหกเดือนให้เขา”
“ลูกยังเล็กจัดงานเลี้ยงต้องเจอคนมาก อาจทำให้เขาไม่สบายได้ รอเขาอายุ 1 ปีค่อยจัดเถอะนะ”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นสบตาคมด้วยสายตาเป็นคำถาม หากไม่คิดเรื่องจัดงานอย่างนั้นกู้เหยียนเอ่ยถึงอายุของลูกขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไร
“หากลูกอายุครบ 6 เดือนก็หมายความว่าคุณสามารถตั้งครรภ์อีกครั้งได้แล้ว”
ดวงตากลมพลันเบิกกว้าง มองแววตาเจ้าเล่ห์ที่แฝงความเร่าร้อนของกู้เหยียนด้วยความหวาดหวั่น ทว่าไม่ทันหาทางหนีทีไล่ร่างกายก็ถูกเขายึดตรึงและครอบครองอย่างดุเดือด แม้แต่เสียงร้องของเด็กชายข้างห้องก็ไม่สามารถหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของเขาได้
“กู้เหยียนหยุดก่อน ลูกตื่นแล้ว”
“อื้ม... ผมให้แม่นมหม่าคอยดูแลเขาแล้ว คุณไม่ต้องกังวล”
แน่นอนว่าเมื่อกู้เหยียนได้เริ่มลงมือแล้ว ให้กวงจือหลินยกเหตุผลใดมาอ้างก็ไม่อาจห้ามปรามเขาได้ ร่างกายของเธอถูกเขากลืนกินอย่างหนักหน่วง สมกับที่เขาต้องอดทนมาแรมปี ผ่านไปเพียงห้าเดือนตระกูลกวงก็ได้รับข่าวดีอีกครั้ง
“ยินดีด้วยค่ะ คุณหนูกวงตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว”
คำรายงานของหมอที่เอ่ยบอกผลตรวจทำให้กวงจือหลินยิ้มกว้าง ทว่ากู้เหยียนกลับมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อขึ้นรถกลับบ้านกวงจือหลินจึงเอ่ยถามเขาด้วยความห่วงใย
“กู้เหยียนคุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
“จือหลิน คุณ... ไม่เหม็นผมใช่ไหม อยู่ใกล้ผมแล้วอยากอาเจียนหรือเปล่า”
เพราะครั้งก่อนกวงจือหลินแพ้ท้องทุกครั้งที่เข้าใกล้เขาทำให้กู้เหยียนต้องห่างเหินกับเธอร่วม 7 เดือน หากครั้งนี้เธอมีอาการอีกเขาที่เพิ่งได้ใกล้ชิดเธอไม่นานคงยากจะอดทนไหวแล้ว
กวงจือหลินยิ้มกว้างในทันทีที่ได้ยินความกังวลใจของกู้เหยียน เธอกดจมูกลงบนแก้มสากแล้วสูดลมหายใจจนสุด ก่อนบอกเสียงสดใส
“ดูเหมือนลูกคนนี้จะไม่ค่อยดื้อสักเท่าไหร่นะคะ”
กู้เหยียนยิ้มกว้างอุ้มคนนั่งข้างมานั่งบนตักแล้วโอบกอดเธอเบาๆ แล้ววางมือหนาลงบนหน้าที่ที่ยังแบนราบ
“จือหลิน ขอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณเรื่องอะไรคะ”
“ขอบคุณที่วันนั้นคุณเลือกแต่งงานกับผม ขอบคุณที่คุณตามผมไปเมืองเจียง และขอบคุณที่มอบครอบครัวที่อบอุ่นนี้ให้ผม”
กู้เหยียนพูดจบก็วางคางลงบนไหล่เล็ก ชีวิตของเขาเกิดมาก็กำพร้าพ่อและแม่มีเพียงยายที่คอยเลี้ยงดู ตอนเด็กไม่เพียงขาดความรักจากครอบครัว ยังถูกผู้คนรังแกอยู่เสมอ ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่าหลี่อันเฉิงคือคนเดียวที่มอบความปลอดภัยให้กับเขาได้ คือคนเดียวที่เขานับเป็นครอบครัว แต่วันนี้เขาได้เรียนรู้แล้วว่าคำว่าครอบครัวที่แท้จริงเป็นอย่างไร
“จือหลินผมรักคุณ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรผมจะไม่มีวันไปจากคุณ จะอยู่กับคุณตลอดไป”
........................ จบ ........................