บทที่ 3.2
ความรู้สึกที่เริ่มชัดเจน
กวงจือหลินขมวดคิ้วเรียวด้วยความหงุดหงิด 2 วันแล้วที่กู้เหยียนจงใจหลบหน้าเธอ หากจะบอกว่าเขาโกรธเคืองจนไม่อยากพบหน้า แต่ตลอดเวลาร่วม 2 เดือนที่รู้จักกันมากวงจือหลินมั่นใจว่ากู้เหยียนไม่ใช่คนเช่นนั้น อย่างนั้นสาเหตุที่เขาหายหน้าไปคืออะไรกันแน่
"ไปเรียกเซี่ยเว่ยมาพบฉันที"
ดวงตากลมของกวงจือหลินเบิกกว้าง เมื่อได้ยินเรื่องราวที่กู้เหยียนได้พบเจอมา
กล้าแตะต้องผู้ชายของเธอ เหลาตังอี้คนต่ำทรามคงไม่ต้องการเห็นแสงตะวันของวันพรุ่งนี้แล้ว
"เรียกรวมคนของเรามาให้หมด วันนี้ฉันจะปิดบัญชีแค้นระหว่างฉันกับเหลาตังอี้"
"เหลาตังอี้เป็นคนของผู้พันซาง คุณหนูผมว่า..."
"ต่อให้เป็นคนของนายพลรุ่ย ถ้ากล้าแตะต้องคนของฉัน ฉันก็ไม่เอาไว้"
"ครับ!"
เซี่ยเว่ยขานรับเสียงหนักแน่น คุณหนูกวงก็เป็นเช่นนี้ รักพวกพ้องและไม่เกรงกลัวใคร เสียดายที่เธอเป็นผู้หญิงไม่เช่นนั้นตระกูลกวงคงไม่ถูกคนคอยแต่จะรังแกเช่นนี้
เรื่องที่กวงจือหลิน นำคนไปบุกบ้านของเหลาตังอี้ถูกพูดถึงในวงกว้างและรวดเร็ว จนแม้แต่กู้เหยียนที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลก็ยังรู้ข่าวจากการซุบซิบกันของพยาบาลที่เข้ามาฉีดยาให้เขา คิ้วเข้มของกู้เหยียนขมวดเข้าหากันแน่น ร่างกายของกวงจือหลินยังไม่หายดีย่อมต้องตกเป็นรองเหลาตังอี้ เพียงแค่คิดว่าเธออาจจะมีอันตรายกู้เหยียนก็หันไปดึงสายน้ำเกลือออก พร้อมกับเดินไปหยิบเสื้อผ้าลำลองในตู้
“ว๊าย! คุณกู้ คุณจะทำอะไรคะ”
พยาบาลพิเศษที่ดูแลเขาร้องถามด้วยความตื่นตกใจ แต่กู้เหยียนที่ตอนนี้เต็มไปด้วยความห่วงใยกวงจือหลินไม่สนใจอธิบายการกระทำของตนเอง ทว่าก็ยังคงพูดกับพยาบาลสาวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“นำเอกสารมาให้ผมลงชื่อไม่สมัครใจนอนโรงพยาบาล”
“แต่คุณหมอบอกว่าคุณต้องพักฟื้นอีก 2-3 วันนะคะ”
“ถ้าผมเปลี่ยนผ้าเสร็จแล้วคุณยังไม่นำเอกสารมา ก็รับผิดชอบเรื่องต่อจากนี้เองนะครับ”
พูดจบกู้เหยียนก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ แน่นอนว่าเพื่อความอยู่รอดพยาบาลสาวจึงวิ่งสุดชีวิตเพื่อนำเอกสารมาให้เขาลงนาม โดยไม่สนใจชายหนุ่มสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องพักของกู้เหยียน
เมื่อเห็นพยาบาลสาววิ่งออกมาจากห้องไปด้วยความเร่งรีบ หม่าตง และชงอี้ ก็สัมผัสได้ถึงเหตุการณ์ไม่ปกติ จึงรีบเข้าไปในห้องพักเมื่อเห็นว่ากู้เหยียนเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดลำลองก็ขมวดคิ้วสงสัย
“คุณกู้จะไปไหนครับ คุณหมอบอกว่าคุณยังต้องนอนโรงพยาบาลอีก 2-3 วันนะครับ”
กู้เหยียนที่เดินออกมาจากห้องน้ำไม่สนใจตอบคำถามของชงอี้ เขาเร่งจัดชุดของตนด้วยความเร่งรีบ เมื่อเห็นพยาบาลสาวกลับเข้ามาพร้อมเอกสารในมือก็รีบรับมาลงนามโดยไม่รอให้เธออธิบาย
“พาฉันไปบ้านเหลาตังอี้ เดี๋ยวนี้!”
น้ำเสียงเข้มแข็งกร้าวและแววตาดุดันของกู้เหยียนทำให้หม่าตงและชงอี้ได้แต่ยืนนิ่งด้วยความตื่นตกใจ ไม่คิดว่าเวลาที่คนอบอุ่น อ่อนโยนเช่น
กู้เหยียนโมโหขึ้นมาจะน่ากลัวไม่แพ้คุณหนูกวงของพวกเขาเลย
“หากพวกนายไม่สะดวก อย่างนั้นฉันจะหาทางไปเอง”
กู้เหยียนไม่เสียเวลาหาคำพูด ยกเหตุผลใดๆ มาอธิบายหว่านล้อมหม่าตง และชงอี้เขาหยิบเสื้อคลุมตัวนอกมาสวมแล้วเดินออกจากห้องในทันที ทว่าในจังหวะที่กำลังจะว่าจ้างคนไปส่ง หม่าตงก็เข้ามาจับแขนเขาเอาไว้ พร้อมทั้งพาไปขึ้นรถที่ชงอี้ขับมาจอดรอด้านหน้าโรงพยาบาล
...........................................
“คุณเหลาครับ คุณหนูกวงพาคนบุกมาครับ”
คำรายงานของลูกน้องทำให้เหลาตังอี้เบิกตากว้าง แม้ว่าที่ผ่านมาเขากับกวงจือหลินจะมีเรื่องกันบ่อยๆ แต่ไม่มีครั้งไหนที่เธอกล้าถึงขั้นพาคนบุกมาถึงบ้านเขาเช่นนี้
“พาคุณนายกับนายน้อยหลบออกไปทางด้านหลังก่อน”
“ครับ!”
“ส่งคนไปแจ้งผู้พันด้วย ให้เขาส่งกำลังเสริมมาช่วย”
เหลาตังอี้ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงกังวล เพียงแต่คนยังไม่ทันออกจากบ้าน ประตูด้านหน้าก็พังลง พร้อมกับร่างเพรียวระหง
“กวงจือหลิน! เธอกล้าพังบ้านฉันเหรอ”
“แน่นอนว่าฉันกล้า และยังกล้ามากกว่านี้อีก”
ดวงตากลมมองไปทางหญิงสาวที่กำลังอุ้มลูกชายลงมาจากชั้นบนของบ้าน หัวใจของเหลาตังอี้พลันกระตุกวูบ ความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมีเกิดขึ้นในใจ มองไปที่ชายนับห้าสิบคนที่กวงจือหลินพามาด้วยความหวาดหวั่น
“มีเรื่องอะไรก็มาลงที่ฉัน ลูกเมียฉันไม่เกี่ยว”
“ลูกเมียนายไม่เกี่ยว แล้วสามีของฉันเกี่ยวหรืออย่างไร เอาตัวมา!”
สิ้นคำสั่งเด็ดขาดของกวงจือหลิน คนของเธอก็ตรงเข้าจับคน แน่นอนว่าเหลาตังอี้ต้องปกป้องภรรยาและลูกสุดชีวิต ถึงแม้ที่นี่จะเป็นบ้านของเหลาตังอี้ แต่กำลังคนในมือของเขาก็มีไม่ถึง 30 คน เทียบกับกวงจือหลินที่ตั้งใจยกพวกบุกเข้ามาถึง 50 คนย่อมแตกต่างกันไม่น้อย สุดท้ายภรรยาและลูกของเขาก็ตกอยู่ในกำมือของเธอ
“ปล่อยลูกกับเมียฉันนะ”
เหลาตังอี้ที่ตอนนี้ถูกจับกดอยู่กับพื้นร้องตะโกนลั่นบ้าน มองดูลูกและภรรยาถูกจับตัวไปด้วยความหวาดกลัว
กวงจือหลินย่อตัวลงนั่งเบื้องหน้าเหลาตังอี้บีบหน้าที่บวมเป่งจากการถูกกระแทกด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“ปล่อยหรือ! เหลาตังอี้นายกล้าแตะต้องคนของคนอื่นไม่คิดว่าคนอื่นจะแตะต้องคนของนายบ้างหรือไง”
“ฉัน... ฉันขอโทษ คุณหนูกวง ฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดให้อภัยฉันด้วย”
เหลาตังอี้อ้อนวอนทั้งน้ำตา กวงจือหลินขบกรามแน่น ในชีวิตของเธอสิ่งที่ไม่เคยทำก็คือการให้โอกาสศัตรู เพราะนั่นอาจเป็นการเปิดทางให้อีกฝ่ายย้อนกลับมาแก้แค้นเธอในภายหลังได้
“พาคนออกไป”
“ไม่นะ คุณหนูกวง ฆ่าฉัน... ฆ่าฉัน แล้วปล่อยพวกเขาไป ได้โปรด”
เสียงของเหลาตังอี้ยังคงดังก้อง เช่นเดียวกับเสียงร้องของภรรยาและลูกของเขาที่ถูกพาออกไปจากประตูบ้าน ทว่าก่อนที่จะเกิดเรื่องเลวร้ายอย่างที่เหลาตังอี้กังวล กู้เหยียนก็ปรากฏตัวขึ้น เขาวางมือลงบนแขนของคนที่จับตัวภรรยาเหลาตังอี้ออกมา
“พาพวกเขาไปที่รถของฉัน ห้ามใครทำอะไรเด็กและผู้หญิง”
“ครับ”
แน่นอนว่ากู้เหยียนไม่คิดหักหน้ากวงจือหลินด้วยการพาคนกลับเข้าไปคืนเหลาตังอี้ ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ต้องการส่งเสริมให้เธอทำเรื่องเลวร้ายใดๆ
“คุณกู้! คุณกู้ได้โปรดช่วยลูกและภรรยาของผมด้วย”
เมื่อเห็นกู้เหยียนปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตูบ้าน เหลาตังอี้ก็รีบตะโกนร้องขอให้อีกฝ่ายช่วยเหลือในทันที
“เรื่องที่จือหลินตัดสินใจแล้วต่อให้ฉันอยากช่วยก็ไม่สามารถยื่นมือเข้าไปสอดได้ หากคุณต้องการให้ลูกและภรรยาปลอดภัยก็ควรร้องขอเธอ”
กวงจือหลินย่อมเข้าใจเจตนาของกู้เหยียน มุมปากสวยยกยิ้มเจ้าเล่ห์ลุกขึ้นหันไปเผชิญหน้ากับคุณหมอหนุ่ม
“หากคุณอยากช่วยพวกเขาก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”
เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ได้ยินเพียงสองคนทำให้กู้เหยียนส่งสายตาเป็นคำถามตอบกลับ ในใจรู้สึกคล้ายว่าตนเองเผลอทำบางสิ่งบางอย่างผิดพลาดไป
“ฉันอยากมีลูกสักสองคน”
หลังจากบอกความต้องการของตนเองแล้ว ดวงตากลมก็สบแววตาอบอุ่นของกู้เหยียนด้วยความคาดหวัง ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบรับในลำคอ เรียกรอยยิ้มพอใจให้หญิงสาวตรงหน้า
“ปล่อยคน!”
หลังจากได้ยินคำสั่งของกวงจือหลิน เหลาตังอี้ก็คล้ายได้ชีวิตใหม่ น้ำตาไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง ลุกขึ้นอ้าแขนโอบกอดลูกและภรรยาที่วิ่งกลับเข้ามาหาเขา
“ขอบคุณคุณกู้ ขอบคุณคุณหนูกวง”
“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ไปอย่าให้ฉันเห็นหน้านายที่เซี่ยงไฮ้อีก ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใจร้ายรังแกแม้กระทั่งเด็กและผู้หญิง”
กวงจือหลินพูดเสียงแข็งกร้าวโดยไม่แม้แต่จะหันมามองคน ดวงตากลมยังคงจดจ้องใบหน้าอบอุ่นอ่อนโยนของกู้เหยียนไม่วางตา ก่อนจะก้าวเท้าประชิดเขาแล้วกระซิบเสียงเบาอีกครั้ง
“กู้เหยียน เรากลับบ้านกันเถอะ”
...........................................