ลูกชายอีกคน2/2

1527 Words
“บ้านหลังนี้เหรอ” ใช้เวลาเพียงห้านาทีก็เดินมาถึง พรเกียรติกวาดสายตามองไปรอบ ๆ บ้านที่พุพัง ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องเข้าไปสำรวจในตัวบ้าน ระหว่างที่ลูกน้อง ร่างสูงใหญ่เดินตรวจบริเวณภายนอก สักพักลูกน้องของเขาก็วิ่งออกมา “นายครับ” “....” ขยับสายตาไปมอง “เธอตายแล้วครับ” “แม่!” ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น เด็กน้อยก็กระชากมือให้หลุดแล้ววิ่งเข้าไปดูแม่ตัวเองในบ้านทันที เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ทั้งสองตัดสินใจรับเด็กคนนี้มาเลี้ยงดู พวกเขาเลี้ยงดูผืนป่ามาอย่างดีราวกับลูกแท้ ๆ ของตน เลี้ยงให้โตมาพร้อมกับแผ่นดิน เปมนีย์ให้ผืนป่าเรียกแผ่นดินว่าพี่ แม้ว่าทั้งสองจะอายุเท่ากันก็ตาม เธอแค่อยากให้ทั้งสองเข้าใจว่าพวกเขาคือพี่น้องกันจริง ๆ ไม่มีใครลูกใครทั้งนั้น เป็นลูกเธอและสามีทั้งคู่ ทว่าแผ่นดินกับผืนป่าดันไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่ ด้วยนิสัยไม่ยอมคนของทั้งสองเลยยากที่จะหันหน้าคุยกัน แต่ถึงอย่างนั้นเวลาที่กลับบ้านก็ไม่เคยทะเลาะกันต่อหน้าพ่อแม่ให้ต้องหนักใจ แล้วเหตุผลที่ให้เรียกพี่ก็เพราะว่าผืนป่ามาทีหลัง เธอจึงตัดสินใจให้ผืนป่าเป็นน้อง แล้วชื่อเดิมของผืนป่าก็ไม่ใช่ชื่อนี้ แต่เป็น ‘นที’ แต่เพราะลูกชายของเธอชื่อแผ่นดิน เลยตัดสินใจเปลี่ยนให้มาคล้องจองกัน เลยเป็นที่มาของชื่อ ผืนป่า “ผมเพิ่งเคลียร์งานเสร็จ” “วันนี้อยู่ทานข้าวกับแม่ได้ไหม” “ครับ” “จริงนะ!” “....” พยักหน้า “วันนี้แม่จะลงมือทำของโปรดให้ลูกเอง ดีใจที่สุดเลยลูกมาทานข้าวด้วย” “ผมขอไปหานายใหญ่ก่อน” ส่วนเหตุผลที่ผืนป่าไม่ยอมเรียกทั้งสองว่าพ่อกับแม่ก็มาจากเรื่องในอดีต ซึ่งขอไม่ลงรายละเอียดว่ามาจากใคร เอาเป็นว่าเขารักทั้งสองเสมือนพ่อกับแม่แท้ ๆ ของเขาแน่นอน แล้วการที่เรียกแบบนี้มันก็เพื่อความสบายใจของตัวเขาเองด้วย “มีเรื่องด่วนเหรอลูก” “ไม่ครับ” แค่งานทั่วไป ไม่ได้ด่วนอะไร “ถ้าอย่างนั้นแม่ไม่กวนแล้ว ห้ามคืนคำด้วยนะ” “ครับ” “แม่ไปทำอาหารก่อน” จากนั้นหญิงวัยกลางคนก็รีบไปเตรียมอาหารไว้รอลูกชายอีกคนของเธอ วันนี้จะทำให้สุดฝีมือเลย แผ่นดินว่าเจอตัวยากแล้ว ผืนป่านี่ยากกว่า บางเดือนแทบไม่กลับมาเหยียบบ้านก็มี ทั้งสองมักเลี่ยงที่จะเจอกัน หากคนใดหนึ่งกลับมานอนบ้าน อีกฝ่ายก็จะไม่ก้าวเข้ามาในเขตบริเวณบ้านหลังนี้เด็ดขาด การไม่เผชิญหน้ากันมันเป็นอะไรที่ดีที่สุด ก๊อก ก๊อก ผืนป่าพาตัวเองมาหยุดที่หน้าห้องทำงานใหญ่ เขาเลื่อนมือขึ้นไปเคาะประตูก่อนจะผลักเข้าไปด้านใน “ไหนว่าไม่เข้ามา” “แอร์พัง” “จะซื้อบ้านให้ก็ไม่เอา” “มันใหญ่” เขาไม่ชอบ ไม่ชอบที่ต้องอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่ “ลูกน้อง แม่บ้าน อยากได้กี่คนก็เลือกไป” เพราะว่าเจ้าลูกชายคนนี้ไม่ยอมรับอะไรจากตนง่าย ๆ แม้กระทั่งเงินยังไม่ยอมรับไปฟรี ๆ ผืนป่าทำทุกอย่างเหมือนว่าตัวเองเป็นเพียงลูกจ้างคนหนึ่ง ไม่เคยแสดงตนว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน ทั้งนี้ทั้งนั้นคนในบ้านร่วมถึงหุ้นส่วนทุกคน แม้กระทั่งคนรอบข้างก็รู้จักผืนป่าในนามลูกชายคุณพรเกียรติกับคุณหญิงเปมนีย์ เพราะพวกเขาไม่เคยปิดว่าเด็กคนนี้เป็นใคร แล้วถ้าหากใครมันกล้ามาทำให้เด็กคนนี้ต้องเสียใจ เขาก็พร้อมปิดบัญชีพวกมันทุกตัวทันที.. “นายใหญ่ให้ผมไปส่งเธอที่นั่นทำไม” “พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงบ้านคุณพิพัฒน์” “....” “รู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง” “ในเมื่อมันรักผู้หญิงคนนั้น ทำไมนายใหญ่ไม่เปิดโอกาสมันหน่อย” พรเกียรติชินไปแล้วกับการเรียกกันของสองพี่น้องคู่นี้ แล้วการที่เขาทำแบบนี้ไม่ใช่ว่ารักผืนป่ามากกว่าแผ่นดิน หรือรักแผ่นดินมากกว่าผืนป่า เขาต่างก็รักทั้งคู่เท่า ๆ กัน เพียงแต่อยากทำบางอย่างให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมเท่านั้นเอง “แล้วถ้ามันรู้ตัวล่ะ” “ก็อย่าทำให้รู้” “....” ผืนป่าเงียบไป เขากำลังคิดหนักกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ไม่รู้ว่าวิธีของนายใหญ่ที่กำลังทำอยู่ตอนนี้จะได้ผลหรือเปล่า แต่ถ้าอีกฝ่ายไหวตัวทัน ก็เท่ากับแผนทุกอย่างเป็นอันจบสิ้น แล้วหลังจากนี้จะเป็นยังไงก็ต้องมาลุ้นกันอีกที “พรุ่งนี้ไปด้วย” เนื่องจากทางนั้นเชิญทั้งครอบครัว แล้วผืนป่าก็เป็นลูกชายตน ฉะนั้นควรไปด้วยกันหมดนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นผืนป่าหรือแผ่นดินทั้งคู่ต้องไปด้วยกัน “ผมต้องเคลียร์งาน” “งานกับพ่อแม่อันไหนสำคัญกว่ากัน” ทุกครั้งที่ผืนป่าปฏิเสธไม่ไปไหนกับพวกท่าน พรเกียรติมักเอาข้อนี้มาอ้างเสมอ ซึ่งมันได้ผล “กี่โมง” “หนึ่งทุ่มมาเจอกันที่บ้าน” “ผมไปเจอที่งานดีกว่า” “อย่าไปทะเลาะกันอีก” “ไปบอกมันเถอะ” กับเขาไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่กับอีกฝ่ายนั่นแหละที่มักจะชอบหาเรื่องอยู่เป็นประจำ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดโกรธมันหรอก เขาเลือกที่จะปล่อยผ่านแล้วไม่สนใจมัน คิดแค่ว่าสิ่งที่มันกำลังเจออยู่ก็หนักหนามากพอแล้ว “แล้ววันนี้จะนอนบ้านไหม” “นอน” “เจอแม่ยัง” “กำลังทำกับข้าวอยู่” “แล้วเมื่อไหร่จะกลับไปเรียกเหมือนเดิม” เขาไม่อยากให้ผืนป่าเรียกตัวเองกับภรรยาว่านายหญิงกับนายใหญ่ อยากให้ผืนป่ากลับไปเรียกตนว่าพ่อกับแม่เหมือนเดิม แต่มันก็เหมือนความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของเขาเท่านั้น พอดูแล้วผืนป่าแทบจะไม่สนใจเลย ยืนยันว่าจะเรียกแบบนี้ ส่วนเขาก็หมดปัญญาที่จะพูดกับลูกแล้ว เอาเป็นว่าจะเรียกยังไงก็แล้วแต่เถอะ ยังไงซะผืนป่าก็คือลูกชายของเขากับภรรยา เวลา 18:30 “อร่อยไหมลูก” “เค็ม” “ผืนป่า! แม่อุตส่าห์ตั้งใจทำสุดความสามารถเลยนะ มาบอกว่าเค็มได้ยังไง นิสัยเหมือนพ่อไม่มีผิด” “อะไรของคุณ ผมนั่งอยู่เงียบ ๆ ก็มาว่าผมอีก” “ก็ลูกได้คุณมาเยอะนี่” โดยเฉพาะนิสัย ผืนป่าได้นิสัยของสามีเธอมาเต็ม ๆ โดยเฉพาะความโหดนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย สองคนนี้อย่าให้ไปไหนมาไหนด้วยกันเชียว เวลามีเรื่อง ‘ฆ่า’ อย่างเดียว “ก็ด่าลูกสิมาด่าผมทำไม” “เดี๋ยวลูกเสียใจ” “แล้วไม่คิดว่าผมจะเสียใจเหรอ” “คุณแก่แล้วไม่ต้องคิดมากหรอก” “คำก็แก่สองคำก็แก่ อยากลองไหมล่ะ” “พูดอะไรคุณ ลูกนั่งอยู่” “มันโตแล้ว” “ผมไม่รู้เรื่อง” “ว่าแต่เราเถอะผืนป่า” “ครับ?” “เมื่อไหร่จะเอาลูกสะใภ้มาฝากแม่สักที” “ช่วยขออะไรที่มันเป็นไปได้หน่อยได้ไหม” ขอให้เขาไปฆ่าคนยังง่ายกว่าหาเมียอีก เรื่องความรักไม่เคยอยู่ในหัวของเขาเลย “แต่พี่เราก็ใกล้จะแต่งแล้วนะ” “กับใคร” “ก็มีคนเดียวแหละที่พี่จะแต่งด้วย” “เธอจะแต่งกับมันไหมเถอะ” หากคนที่ไม่รู้จักหรือสนิทกับผืนป่า จะมองว่าเขาเป็นคนที่ก้าวร้าว พูดไม่มีหางเสียง แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย ผืนป่ารักทั้งสองมากและให้เกียรติผู้มีพระคุณกับตัวเองเสมอ เพียงแต่เวลาพูดเขาเป็นคนที่เสียงแข็งและห้วน มันเลยดูเป็นคนพูดไม่มีหางเสียงซึ่งทั้งสองเองก็ไม่ถืออยู่แล้ว เพราะไม่ใช่แค่ผืนป่าที่เป็น แผ่นดินเองก็เป็นเช่นกัน อาจเป็นเพราะการเลี้ยงดูของพวกเธอด้วย พรเกียรติเลี้ยงลูกชายสองคนแบบไม่โอ๋ ล้มเองก็ต้องลุกเอง เป็นลูกผู้ชายอย่าให้เห็นน้ำตาเด็ดขาด ทั้งแผ่นดินและผืนป่าถูกเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี ไม่ต้องห่วงเรื่องมารยาท เพราะทั้งสองมีครบหมดทุกอย่าง บนโต๊ะอาหารมีเสียงทะเลาะของสองสามีภรรยาเพิ่มสีสันให้ไม่เงียบเหงาจนเกินไป หลังทานมื้อค่ำจนอิ่มพวกเขาก็แยกย้ายกันขึ้นห้องใครห้องมัน เช่นเดียวกับผืนป่าที่หนีไปอยู่ในห้องซ้อมยิงปืน เขามักจะมาอยู่แต่ในนี้เวลากลับบ้าน ไม่ก็ไปซ้อมขี่ม้ากับลูกน้องที่สนามม้าหลังบ้าน เพราะมันคือการผ่อนคลายที่ดีที่สุดสำหรับเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD