ตอนที่ 5 ชื่อตอน ท่านแม่ทัพละเมอ

1676 Words
ขันทีเฒ่าตาโตพลันและคล้ายเสมือนมองเห็นผีขึ้นมาในทันใด ยืนใบหน้าเบี้ยวตลอดทั้งคืนที่ข้างเตียง ก่อนจะรอคอยจนถึงยามเฉิน ยามที่ผู้คนจะต้องล้างหน้าผลัดผ้าแล้ว จึงส่งนางกำนัลหลวงเข้ามามากมายนัก มาปรนนิบัติล้างหน้าให้ท่านแม่ทัพมู่ ยามที่นางข้าหลวงนี้นั้นจะช่วยผลัดผ้าให้ มู่หลิงซือโบกมือเบาๆและเอ่ยขัดขึ้นมาในทันใด "เสี่ยวจื่อมาผลัดผ้าให้ข้าเสีย อย่าให้รบกวนท่านข้าหลวงนัก ยามนี้ข้ามาเป็นผู้อารักขาองค์ชายน้อย หากให้ผู้ใดรู้ว่าให้ท่านข้าหลวงปรนนิบัติจะมีคำครหาขึ้นมาในภายหน้า ข้าต้องสำรวมนัก" นางข้าหลวงแย้มรอยยิ้มบางๆและส่งชุดลายเมฆาเคลื่อนสีขาวไปให้ท่านแม่ทัพมู่ และเอ่ยเบาๆแย้มรอยยิ้มมีความนัยออกไปให้ในทันใด "ชุดนี้นั้นเป็นของฝ่าบาทจิ่งเฉินเจ้าค่ะท่านแม่ทัพมู่ กลิ่นในผืนผ้านั้นก็เป็นกลิ่นกายที่ทรงใช้อยู่เป็นประจำเจ้าค่ะ ท่านอาจจะมิชินนักนะเจ้าคะ" มือขาวนุ่มรับผืนผ้ามาทันใดเผลอกรีดปลายนิ้วออกไปอย่างเคยชิน นางข้าหลวงแสยะรอยยิ้มออกมาพลันในทันทีที่มองไปและถอยห่างออกไปอย่างว่องไวนัก ร่างบางให้เสี่ยวจื่อปรนนิบัติอาบน้ำขัดผิวกายและช่วยรัดอกก่อนจะสวมชุดที่มีกลิ่นกายเข้มข้น หอมเย็นคล้ายใบของต้นอันชู่ *3ยามที่ถูกขยี้นัก ร่างบางคล้ายมีความรู้สึกว่าในสมองนั้นนึกถึงอ้อมกอดของคนผู้หนึ่งที่กกกอดและปลอบประโลมตนไว้ในอกแกร่งนั้นตลอดยาม มีเสียงทุ้มนุ่มล่องลอยมาในความจำในทันใด "เหม่ยเหริน*4เปิ่นไท่จื่อจะช่วยเจ้าออกไปจากที่นี่เอง เจ้ามิต้องหวาดกลัวสิ่งใดแล้ว มิเป็นอันใดแล้ว เหม่ยเหริน *4" ร่างบางสลัดความคิดในสมองทิ้งไปในทันใดและเร่งแต่งกายออกไปพลัน ภายนอกมีผู้คนนำพัดมาให้ เขียนบนพัดเป็นกลอนชมความงามของสตรีเพศ อ่านแล้วช่างคันหัวใจนัก "พิศมองคนงามคราใด ดวงใจนั้นเต้นเร่าดั่งจะโบยบินขึ้นไปบนผืนฟ้า" ร่างบางอ่านแล้วใบหน้าบิดเบี้ยวนัก วางพัดบ้าบอวิปริตกลับลงไปเสียในถาดทองคำ และก็มีคนนำเสื้อขนจิ้งจอกขาวมาสวมให้ ร่างบางส่ายหน้าออกมาในทันใด "ข้ามาอารักขาองค์ชายมิใช่จะไปชมบุบผาในอุทยานหลวง ถ้ามีคนร้ายเข้ามา ข้าขอถามคำเดียวเถิด ข้าจะถอดชุดหนาหนักเช่นนี้วิ่งตามคนร้ายไปได้เช่นใดกัน ไปนำเสื้อคลุมนักรบมาให้ข้า!!! " ขันทีหัวเราะเบาๆและเร่งออกไปในทันที มินานก็นำเสื้อคลุมลายเมฆาเคลื่อนมาสวมให้ บางและเบาและมีกลิ่นกายบุรุษจางๆคล้ายเป็นเสื้อสวมแล้วเฉกเช่นนั้นเอง ลงท้ายนางก็คิดอันใดมากมิได้ เพราะนางมิใช่เจ้าของตำหนัก มิเหม็นนักก็ยังพอทานทน อยู่ค่ายทหารออกรบมิได้อาบน้ำยังมิมีอันใดเลย ยามแรกคิดว่าองค์ชายน้อยจะไปวิ่งเล่นที่ภายนอก แต่ทว่าองค์ชายน้อยนั้นกลับมาคลอเคลียเล่นตุ๊กตาเซ่าฉิงเหนียนอยู่ข้างๆและเล่นฟันดาบกับเหล่าองครักษ์ องครักษ์สอนท่าทางและทำท่าตายให้ดูชมอย่างน่าขันนัก ผู้คนในตำหนักต่างหัวเราะร่า องค์ฮ่องเต้ก็เสด็จมาประทับอยู่นานและมีขันทีเฒ่าตามเสด็จไปด้วยที่ภายนอก ยามเสด็จห่างออกมาแล้วจึงตรัสออกมาเบาๆในทันที "มีอันใดเช่นนั้นหรือกงกง" "ทูลฝ่าบาท ราตรีที่ผ่านมาแม่ทัพมู่นอนละเมอมีเสียงคล้ายสตรีร่ำไห้พะยะค่ะ" "เช่นนั้นหรือ แล้วมีอันใดน่าแปลกกว่านั้นอีกเล่าท่านกงกง" ขันทีเฒ่าขยับมากระซิบอีกคราส่งเสียงบางเบานัก "แม่ทัพมู่คล้ายร่ำไห้เรียกหาคนผู้หนึ่งนามว่าอาจิ่งและเอ่ยอย่างเจ็บปวดนัก เพ้อว่าอย่านำเสี่ยวเซียวไปจากข้า อย่าโบยข้า อาจิ่งช่วยด้วย ท่านแม่ทัพคร่ำครวญเช่นอิสตรีเลยพะยะค่ะ" องค์ฮ่องเต้ตระหนกขึ้นมาโดยพลันในทันใด "หรือว่าวิญญาณของมารดาเสี่ยวเทียนเซียวนั้น มาสิงร่างแม่ทัพมู่เช่นนั้นหรือกงกง" ขันทีเฒ่าสบสายพระเนตรแล้วกลั้นใจเอ่ยออกไปในทันใด "ฝ่าบาทพะยะค่ะ กระหม่อมเคยพบท่านแม่ทัพมู่ แม่ทัพมู่ตัวสูงกว่ากระหม่อมนักพะยะค่ะ แต่ยามนี้เป็นไปได้หรือพะยะค่ะที่แม่ทัพมู่กายนั้นจะเตี้ยต่ำลง แถมแขนขาที่มีแต่มัดกล้ามและแผลเป็นมากมายกลับเลือนหายไปจนสิ้น มีแต่ผิวขาวเนียนและนุ่มทั้งยังเล็กกว่ามือของกระหม่อมอีกถึงเกือบครึ่งหนึ่ง ฝ่าเท้าของแม่ทัพมู่ก็อีกหนึ่งอย่างพะยะค่ะ กระหม่อมเคยชนเข้ากับแม่ทัพมู่ในคราหนึ่ง กายของกระหม่อมนั้นกระเด็นลอยไปจนติดเสาทั้งยังโดนตวาดลั่น ยกแขนขึ้นมาจะต่อยตีกระหม่อมในทันใด มีหรือที่จะนุ่มนิ่มได้ถึงเพียงนี้ ฝ่าบาททรงจำได้หรือไม่พะยะค่ะ แม่ทัพมู่มีฝาแฝด ร่ำลือกันว่านางนั้นงดงามสะท้านสามแผ่นดิน และร่างกายของแม่ทัพมู่นั้น ยามที่ฝ่าเท้าเหยียบลงบนตาปลาของกระหม่อมนั้น ใหญ่กว่าถึงสามเท่าของยามนี้นักนะพะยะค่ะ" องค์ฮ่องเต้หรี่ดวงเนตรลงครุ่นคิดในคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกระซิบออกมาเบาๆ "จับตาดูนางเอาไว้ให้ดี แจ้งสิ่งนี้ไปที่องค์ไท่จื่อเสียก่อน มารดาขององค์ชายน้อยนั้นมีภูมิหลังมิแน่ชัดนัก บางทีจวนมู่อาจเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นมาแล้ว เป็นไปได้ว่ามู่คนน้องนั้นอาจฝึกปรือวิทยายุทธอยู่บ้าง ส่วนสิ่งที่เรานั้นสงสัย คงมีแต่จิ่งเฉินที่คงจะไขปริศนานี้ได้เพียงนั้นเอง ข้ารับใช้ที่จะให้ถามไถ่ก็ล้วนตกตายลงไปจนสิ้นแล้ว รอคอยต่อไปเถิด เร่งอันใดไปก็มิได้ความแล้วในยามนี้" ขันทีเฒ่าค้อมกายลงเบาๆและกลับเข้าไปในตำหนักพลัน มู่หลิงซือเอนกายลงเบาๆหลังจากบาดเจ็บมาเมื่อวันวานและมีเสี่ยวจื่อนำยามาป้อนเบาๆคอยเช็ดเหงื่อให้ องค์ชายน้อยมองตามและขยับมานอนในอกทันใดและยกมืออ้วนป้อมลูบลงบนอกให้เบาๆ "หมู่ชินท่านต้องรีบหายเร็วๆนะ ท่านอ่อนบางนัก ดอกไม้งดงามมิควรต้องลมหนาวอันใด ฟู่ชินเคยกล่าวไว้เฉกเช่นนั้น ลูกท่องจำได้จนขึ้นใจ" ร่างบางลูบผมนุ่มๆนั้นเบาๆและหลับลงไปด้วยฤทธิ์ยาในทันใด มินานก็คล้ายมีมืออุ่นร้อนมาจับที่ดวงหน้าของนางเบาๆและตรึงใบหน้าของนางไว้จนแน่นนัก ก่อนจะพบว่ามีน้ำหยดลงบนใบหน้าของนางเบาๆและมีกลิ่นหอมของอันชู่ล่องลอยมาในความฝัน ร่างงดงามในพื้นนั้นลอยขึ้นไปในวงแขนแกร่งถูกอุ้มขึ้นสู่แท่นบรรทมในทันใด ร่างอ้วนป้อมลืมตางัวเงียและค่อยๆปีนตามขึ้นไปในทันใด เสี่ยวจื่อและองครักษ์ทั้งห้า โดนองครักษ์ลับยกดาบพาดคอนำไปสอบสวนในทันใด ทั้งหมดใบหน้าเบี้ยวในทันที ยามที่พบว่าพระเนตรขององค์ไท่จื่อนั้นหลั่งอสุชลออกมาจนพระพักตร์แดงก่ำ ทั้งยังกอดรัดร่างบางในอกร่ำไห้ออกมาเสียงดังนัก "ฮือ เจ้ายังมิจากข้าไป ข้ามิได้ฝันไปจริงๆ ข้ามิได้ฝันไป ฮือๆ เจ้าคือมู่หลิงซือ สตรีของข้าคือมู่หลิงซือเช่นนั้นเอง ฮือ" ร่างอ้วนป้อมขยับกายขึ้นมากอดร่างแกร่งเบาๆและลูบแขนแกร่งในทันใด เอ่ยปลอบขวัญบิดาของตนขึ้นมาในทันที "ฟู่ชินหมู่ชินไปเที่ยวสวรรค์กลับมาแล้ว หมู่ชินตัวบางเลยต้องหยุดพักเสียก่อนจึงจะกลับมาได้ ฟู่ชินอย่าร้องไห้นะ อย่าร้องไห้นะ" ร่างแกร่งยิ่งร่ำไห้ออกมาหนักขึ้นอีก กอดรัดร่างนุ่มไว้แน่นในอกของตนและกอดรัดบุตรของตนแน่นๆอีกผู้หนึ่ง และเอ่ยเสียงปนสะอื้นออกมาในทันใด "เสี่ยวเซียวหมู่ชินของเจ้ากลับมาแล้ว หมู่ชินกลับมาแล้ว หมู่ชินรักฟู่ชินมากเลยมิอยากจากไปไหน เสี่ยวเซียวฟู่ชินมิได้ฝันไป ฟู่ชินมิได้ฝันไปใช่หรือไม่" "อื้อ มิใช่ฝันเสียหน่อยนะฟู่ชิน " ร่างอ้วนป้อมพยักหน้าเบาๆและปีนลงจากเตียงไปในทันใด ร่างอ้วนๆหันมาเอ่ยบอกบิดาอย่างงอนๆ " เสี่ยวเซียวง่วงนอนแล้ว เสี่ยวเซียวเบื่อฟู่ชินที่ขี้แงเอาแต่ร้องไห้" ขันทีเฒ่าเร่งมารับองค์ชายน้อยออกไปในทันใด ร่างแกร่งกายสั่นไหวกอดรัดนางในอกตนจนแน่นในทันที ดวงตานั้นแดงก่ำ ร่ำไห้ออกมาอย่างมิอายผู้ใดอีกต่อไปแล้ว "ฮือ..หงเสวี่ยที่แท้เจ้าก็คือมู่หลิงซือ หงเสวี่ย หงเสวี่ยของเปิ่นไท่จื่อ" *1ยามโหย่ว **คือเวลา 17.0018.59 *2 ตงกง ***ตำหนักบูรพา ตามความเชื่อว่าไท่จื่อหรือไท่จื่อเว่ยคือดาวบูรพา จึงมีตำหนักทางทิศบูรพา ค้ำจุนเมือง *3 อันชู่ **ต้นยูคาลิปตัส *4 เหม่ยเหริน แปลว่า คนงาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD