ตอนที่ 2 ชื่อตอน ท่านแม่

1869 Words
หลังจากผ่านไปหนึ่งราตรี ทางวังหลวงก็ส่งทหารอารักขาเกราะทองมาล้อมจวนของมู่หานซือ มู่หลิงซือเหงื่อแตกออกมาเบาๆ ในยามแรกนึกว่าจะมีอันใดเกิดขึ้นกับจวนของตนแล้ว แต่ทว่ายามพบกับทหารเกราะทองนั้น เหล่าทหารใต้บังคับบัญชานายทหารผู้นำทหารมาก็คุกเข่าลงและทำความเคารพนางในทันที "คารวะมู่ต้าเจียงจวินขอรับ" มู่หลิงซือชะงักไปในคราหนึ่งและลอกเลียนท่าทางของพี่ชายตนในทันใด ยกฝ่ามือขึ้นและทำหน้าเย็นชาใส่ในทันที "ตามสบายเถิดทุกท่าน " "ข้าน้อยขอคารวะท่านแม่ทัพหลวงขอรับ มิทราบว่าท่านแม่ทัพหลวงมาถึงจวนของข้า แม่ทัพน้อยๆแห่งชายแดนมีเรื่องด่วนอันใดกันหรือไม่ขอรับ" ถามไปก็แอบระแวงไปและร่างน้อยๆก็วิ่งร้องไห้ออกมาพลัน เสียงร้องไห้ก็ช่างมิธรรมดานัก "หมู่ชิน หมู่ชิน ฮือ ว๊ากกกก !!! " แม่ทัพหลวงคุกเข่าลงในทันใดและทำหน้าตาบิดเบี้ยวอยู่มากนัก ที่องค์ชายน้อยเรียกแม่ทัพชายแดนสู้ศึกสามดินแดนอันเกรียงไกรของแคว้นเว่ยว่าท่านแม่และยังกอดหนึบอยู่เช่นนั้น แม้ว่าแม่ทัพผู้นี้จะมีหน้าตาคล้ายคลึงสตรีงดงามล่มเมืองก็ตามเถิด แต่ทว่าที่งามกว่านั้นย่อมคือคุณหนูมู่หลิงซือเป็นแน่แล้ว แม่ทัพหลวงเหงื่อแตกออกมาในฤดูหนาวหน้าตาบิดเบี้ยวนักในยามนี้ มิรู้ว่าตนเองจะนำองค์ชายน้อยๆกลับไปที่วังหลวงได้เช่นใด ในยามที่องค์ไท่จื่อนั้นก็ทรงยังติดพันอยู่ในการรบ ยังมิอาจกลับมาในเมืองหลวงได้ในยามนี้ เช่นนี้แล้วจะทำเช่นใดดี หากวันนี้ก่อนยามอวู่ *1ยังมิสามารถนำเสด็จองค์ชายน้อยไปได้ ก็คงมิอาจทานแรงกริ้วของฝ่าบาทได้เป็นแน่แล้ว แม่ทัพหลวงทำหน้าตาดังกลืนของร้อนลงลำคอไปและมีใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างยิ่งนัก มู่หลิงซือมองจ้องส่งสายตากลับไปและพยักหน้าส่งสายตามาทางเด็กน้อยในทันใด แม่ทัพหลวงสกุลฉางทำดวงตาอย่างวิงวอนส่งกลับมาให้ ดวงตามีแสงเจิดจ้านัก ลังเลใจว่าจะกล่าวออกไปดีหรือไม่ แต่ในท้ายที่สุดก็เอ่ยขึ้นมาพลัน "มู่เจียงจวินข้านั้นลำบากใจนักที่จะต้องขอร้องท่าน แต่ทว่าองค์ชายน้อยนั้นยามนี้มีอันตรายและเปราะบางนัก ท่านเองยังมิมีกำหนดกลับชายแดนในยามนี้ มิสู้ว่าช่วยข้านั้นนำเสด็จองค์ชายน้อยกลับไปที่วังหลวงไปก่อน เพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาทก่อนยามอวู่ *1 เช่นนี้แล้วฝ่าบาทก็จะมิทรงกริ้ว และข้าจะถือว่าติดหนี้บุญคุณท่านในคราหนึ่งเช่นกัน" มู่หลิงซือชะงักค้างในทันใด ใบหน้าปานกลืนยาขม ช่างรู้สึกวิปริตผิดเพศนัก หากนางอยู่ในชุดสตรีงดงามล้ำเลิศ เอ่ยเสียงหวานอุ้มเด็กไปก็คงงดงามอยู่มิน้อยในสายตาของผู้คน นางคงได้เป็นโพธิสัตย์พันกร มีหลิวซู่ *2ใบหอมหวลถือค้างวางอยู่ในปลายนิ้วเฉกเช่นนั้น แต่ทว่ายามนี้นางนั้นคือบุรุษนักรบ "ให้ตายเถิดนางคือมู่หานซือ ยามนี้นางจะทำตนเป็นหมู่ชินของเด็กอ้วนผู้นี้ได้เช่นใด มารดามันเถิด โอ๊ย เจ้าแม่ทัพหลวงจอมเอาเปรียบ งานของผู้อื่นกลับเป็นนางต้องปรากฎกายด้วยเช่นนั้น นี่มันวันหยุดสุดอัปลักษณ์เช่นใดกันให้ตายเถิด มารดามันเถิด เว๊ย !!! " มู่หนิงซือสบถลั่นอยู่ในใจ นางขบฟันเบาๆและทำหน้าตาดั่งกลืนยาขมลงลำคอ ก่อนจะตัดสินใจลูบหลังเด็กน้อยทำท่าทางเช่นบุรุษเพศและเอ่ยออกมาเบาๆ "องค์ชายน้อยกระหม่อมขอไปแต่งกายก่อนได้หรือไม่พะยะค่ะ ทั้งราตรีกระหม่อมก็เปียกน้ำบังคลเบาของท่านทั้งราตรี เช่นนี้แล้วคงมิดีนักหากต้องเข้าวังหลวงทั้งที่มีกลิ่นอบอวลเฉกเช่นนี้ องค์ชายน้อยปล่อยกระหม่อมก่อนดีหรือไม่ เราแยกกันไปอาบน้ำ แล้วกระหม่อมจะพาองค์ชายน้อยนั่งบนหลังของม้าศึก เจ้าเซินหานมันเป็นม้าศึกที่นำพากระหม่อมพิชิตสามดินแดนได้ องค์ชายน้อยว่าดีหรือไม่พะยะค่ะ" ร่างน้อยๆหยุดร่ำไห้ในทันใดและหน้าแดงขึ้นมาเบาๆ เอ่ยอย่างอับอายมิน้อยนัก "หมู่ชินลูกจะเลิกปัสสาวะรดที่นอนแล้ว อีกทั้งยังจะอาบน้ำตอนเช้าอย่างมิดื้อดึงเสียอีกด้วย หมู่ชินต้องมิหนีลูกไปอีกนะ" หลิงซือตบหลังของเด็กชายเบาๆยกขึ้นสูงขึ้นอยู่บนบ่า ในใจก็รู้สึกหนักอยู่มิน้อย แต่นางก็คิดว่านางกำลังแบกกระสอบข้าวช่วยภัยพิบัติแคว้นอยู่เสียเช่นนั้นเอง ในใจนั้นจึงทุเลาลงได้ทั้งที่กายนั้นร้องประท้วงก่นด่าบิดามารดาของเด็กน้อยเป็นอย่างยิ่งนัก ยามถึงภายในเรือน ทหารองครักษ์เร่งมาอุ้มร่างองค์ชายน้อยออกไปอาบน้ำในทันใด เพราะเกรงว่าคุณหนูจะบาดเจ็บจากน้ำหนักที่มิน้อยขององค์ชายเอาได้ หลิงซือสั่งสาวใช้นำเป็ดไม้ในห้องนอนของนางที่บิดาเคยให้เล่นในยามเยาว์และให้นำดาบไม้ไผ่ไปให้องค์ชายน้อยในห้องสรงน้ำ ให้ทรงเล่นแก้เบื่อในระหว่างอาบน้ำและนั่งรอนางไปก่อน สาวใช้ของนางนามว่าอาเสี่ยวจื่อ จึงนำของเล่นเด็กเล็กในตระกร้าไม้ไผ่ออกไปมากมายนัก เพราะคาดคิดเอาไว้ว่าองค์ชายคงมิพอใจเพียงของเล่นน้อยชิ้นเพียงนี้แน่ เพราะคุณหนูในยามที่อาบน้ำนั้นอาบน้ำนานอย่างยิ่งนัก มินานองค์ชายน้อยจะต้องอาละวาดอีกเป็นแน่ เช่นนี้นางจึงทุ่มเทใจลงไปเสียเต็มที่และนำทุกสิ่งทุกอย่างออกไปจนหมดสิ้น องค์ชายน้อยยามพบว่ามีของเล่นมากมายก็ค่อยๆเทลงบนพื้นอย่างทนุถนอมนัก ค่อยๆขยับวางทีล่ะชิ้น ทีล่ะชิ้น และยามพบว่ามีตุ๊กตาผ้าคล้ายคลึงกับที่คุ้นเคยก็ดึงขึ้นมาแนบอกในทันใด ตุ๊กตานี้มิมีอันใดพิเศษนัก เป็นเพียงลูกไม้กลมทำเป็นหัวแล้วรัดผ้าเขียนตาผูกผ้าไหมรอบคอสีหวานแขนถือดอกไม้กวาด หรือคือเซ่าฉิงเหนียน *1แต่ของคุณหนูมีเพศชายถือร่มแดงและดาบไม้บางๆช่างน่ารักนัก เด็กน้อยสงบลงไปในทันใด ในมือก็ถือจับตุ๊กตาเอาไว้แน่น ยินยอมให้อาบน้ำแต่โดยดี ยามเห็นเช่นนั้นเสี่ยวจื่อจึงปลีกตัวออกไปรายงานนายของตนในทันที เช่นนี้มู่หลิงซือจึงสั่งสาวใช้ให้ไปนำเซ่าฉิงเหนียนทั้งหมดที่มีในจวนของนางนำใส่ตระกล้าไม้ไผ่มาจนหมดในทันที ทั้งยังมีตุ๊กตาครอบครัวนักรบพ่อแม่ลูกที่มู่หลิงซือทำเอาไว้ ให้ไปนำมาทั้งหมดสิ้นทั้งเรือนของนาง เช่นนี้องค์ชายน้อยจึงกอดตุ๊กตาบิดามารดาแน่นในอก ทำดวงตาไร้เดียงสาและมินานยามกลืนโจ๊กถั่วแดงลงไปสิ้นก็หลับลงไปในทันใด อาเว่ยองครักษ์ข้างกายมู่หานซืออุ้มองค์ชายน้อยขึ้นในรถม้าคันหลัง และมีรถม้าสีทองสว่างของจวนวิ่งออกไปทางหนึ่ง อีกคันหนึ่งวิ่งออกไปอีกทางหนึ่ง จนครบทั้งห้าคัน ทหารติดตามออกไปจนสิ้น จึงมีรถม้าซอมซ่อวิ่งออกไปอีกคันหนึ่ง ในรถม้าซอมซ่อนั้นมีเด็กชายอ้วนป้อมนอนกอดตุ๊กตาอยู่ในอก และมีองครักษ์ห้านายอารักขาไปในรถม้า มีเสี่ยวจื่อนั่งหน้ารถออกไปด้วย ส่วนมู่หลิงซือนางขี่ม้าเซินหานออกไปเพียงผู้เดียว มู่หลิงซือสวมชุดยามที่เข้าเฝ้าปกติสะพายกระบี่ที่ข้างกายตน ยามที่ม้าของมู่หานซือตามรถม้าคันที่ห้าไปก็คล้ายมีเงาดำตามติดไปอย่างมิลดล่ะ และยามที่ม้าของนางใกล้รถม้าแล้ว รถม้าคันที่ห้าก็ถูกโจมตีพร้อมๆคันที่หนึ่งถึงสี่ แต่มากนักหนักหน่วงที่รถม้าคันที่ห้า มู่หลิงซือตะโกนลั่นขึ้นมาพลัน "อารักขาองค์ชายน้อย!!! " นางตะโกนล่อลวงคนร้ายอย่างแยบยล แม่ทัพหลวงตากระตุกและมีสีหน้าเดือดดาลอย่างยิ่งนัก ทั้งๆที่อยู่ในเมืองหลวงและทั้งยังมีกององครักษ์หลวงเช่นนี้ ยังมีผู้กล้าเหยียบเล็บของมังกรเฉกเช่นนี้อีก "เหอะ มาดูกันเถิดว่าเล็บมังกรเช่นข้านั้นจะเป็นเช่นใดบ้างกัน มันจะข่วนหรือฉีกเนื้อคนได้บ้างหรือไม่ เร่งเข้ามา!! " แม่ทัพหลวงตะโกนลั่นเกิดเสียงทะลุฟ้า ดวงตาคล้ายมีกองไฟสุมจนอัดแน่น มู่หลิงซือเร่งนำทางรถม้าคันที่ห้าออกไปตามไปด้วยทหารเพียงหยิบมือหนึ่ง พาเลี้ยววนคดเคี้ยวไปทำทีช้าสลับเร็ว บางคราก็คล้ายเปิดดูคนภายในทำท่าทีน่าขบเคี้ยวนักในยามนี้ รถม้าถูกไล่ตามไปอย่างมิลดล่ะ จวบจนถึงสะพานข้ามแม่น้ำขนาดใหญ่ที่นอกกำแพงเมืองแล้ว ฝนธนูก็สาดส่งผ่านเข้ามาคล้ายมหาสงครามใหญ่สิบทวีป มู่หลิงซือชักม้าถอย สั่งคนขับรถม้าโดดลงน้ำไปทันใดและสายลับก็ใช้เชือกตวัดร่างของคนขับรถม้าขึ้นไปบนเรือที่รอคอยอยู่ ม้าถูกตัดสายจูงออกไปได้ทัน ม้าว่ายน้ำหนีออกไปจนไกลนักจนถึงตลิ่ง ร่างบางทำทีวิ่งไปมาอย่างร้อนรนตะโกนเรียกคนในรถม้า สุดท้ายฝนธนูและคนร้ายจึงโผล่ออกมาอีก มู่หลิงซือดวงตากระตุกกรุ่นโกรธขึ้นมาในทันใด ร้องตวาดตะโกนลั่นขึ้นมา "เจ้าลูกสุนัขขี้เรื้อนมิอายสุนัขตัวใดบ้างหรือไม่ ไล่ล่าตามเด็กทารกเพียงผู้เดียวกลับยกพลมามากถึงเพียงนี้ แน่จริงก็มาสู้กับข้าให้รู้ผลกันไปซิเว๊ย ว๊าก !!!! " เพียงนั้นเสียงสู้รบก็ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหวโดยพลัน ร่างแม่ทัพหลวงตวาดลั่น แทรกม้าไปด้านหลังของแม่ทัพมู่ มู่หลิงซือหลบทางให้ไปอย่างว่องไวนัก นางแสร้งเร่งไปคุ้มกันและเร่งพารถม้าหนี จวบจนมาถึงสะพานไม้บนแม่น้ำขนาดใหญ่ที่เป็นคูน้ำประจำเมืองแล้วนั้น *1 เซ่าฉิงเหนียน คือตุ๊กตาถือไม้กวาดของจีน เป็นตุ๊กตาขอพรต้นแบบของตุ๊กตาไล่ฝนเทะโซะมะรุของญี่ปุ่น *1ยามอวู่ *คือ 11.00-12.59น. *2หลิ่วซู่ ต้นหลิว กิ่งหลิว ทุกส่วนของหลิวเรียกว่าหลิ่ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD