ตอนที่ 11 ชื่อตอน ชายารองและอนุ

2066 Words
หลังจากนั้นมินานนัก ในตำหนักขององค์รัชทายาทก็เริ่มอึกทึกนัก มีชายารองและเหล่าอนุเข้าออกมิขาดสาย ร่างแกร่งประทับนั่งโดยมีเหล่าอนุมาเข้าเฝ้ากอดพระบาท และสลับกันมาถวายน้ำแกงและเข้ามาปรนนิบัติระหว่างวัน พระชายารองมีนามว่าลี่ยู่เยียน นางมีดวงตางดงามแต่ทว่ามองแล้ว มู่หลิงซือมิสบายตานักแต่นางบอกมิใคร่ได้ ดีที่นางมีตำแหน่งเป็นแม่ทัพหลวง มิต้องคารวะพระชายารองหรืออนุใดๆขององค์ไท่จื่อและยังมิต้องโต้ตอบสิ่งใดๆเลย นางจึงไร้บทพูดในตำหนักในยามนี้ นางค่อยสบายใจขึ้นมา "องค์ไท่จื่อเพคะ หม่อมฉันรอคอยพระองค์มานานจนใจจวนจะขาดแล้วเพคะ หม่อมฉันห่วงใยพระองค์อยู่ตลอด ตั้งแต่ที่พี่หญิงนั้นจากไป หม่อมฉันก็หวาดกลัวนักนะเพคะ หม่อมฉันนั้นห่วงองค์ชายน้อยที่ขาดพระมารดาและยังห่วงใยองค์ไท่จื่อที่ยังไปรบอยู่ชายแดนนักเพคะ ยามนี้ทรงกลับมาแล้วหม่อมฉันดีใจเหลือเกินเพคะ" ลี่ยู่เยียนทั้งกอดทั้งรัดทั้งเบียดกายเข้าหาและบีบน้ำตาอย่างมากมายนัก ร่างแกร่งก็ทรงนิ่งมิโต้ตอบอันใดกับนาง แต่หันไปถามอนุอุ่นเตียงคนงามที่นั่งเงียบอยู่ด้านล่างโดยพลัน "แล้วพวกเจ้าเล่าเหตุใดจึงเงียบนัก มิคิดถึงเปิ่นไท่จื่อกันบ้างแล้วหรืออย่างไรกัน " เหล่าสตรีอุ่นเตียงใจชื้นขึ้นมา พลันเร่งขยับกายมาบีบนวดร่างแกร่งในทันใด มือหนาประคองสตรีขึ้นมาและหอมแก้มนางเบาๆ และเอ่ยทันใด "เจ้า..ในวันนี้งดงามเสียจริงๆ ราตรีนี้เปิ่นไท่จื่อจะไปหาเจ้าก่อน ส่วนผู้อื่นนั้นเปิ่นไท่จื่อจะดูแลให้ทั่วถึงตามลำดับไป เช่นนี้ก็เลิกเข้าเฝ้าได้ ยามที่เปิ่นไท่จื่อว่าราชกิจ ช่วงนี้พวกเจ้าก็มิต้องเข้ามาในตำหนักนี้ เพราะยามนี้มีบุรุษมากนักจะเสียหายได้หากว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นมา ห้ามมิให้ผู้ใดมาเข้าใกล้ห้องอักษรโดยเด็ดขาด แม้บิดาของพวกเจ้าจะเคยสั่งสิ่งใดๆมาก่อนพวกเจ้าควรรู้นะว่าหากอยากรักษาชีพของตนเองเอาไว้ ควรที่จะทำตนเช่นใดในยามนี้ " "หม่อมฉันรับทราบแล้วเพคะองค์ไท่จื่อ" เนี่ยหยุนเย่าอนุใบหน้าหวานปานน้ำตาล ใบหน้าแดงบิดกายไปมา และมีมือหนาประคองนางขึ้นนั่งบนตัก หักหน้าชายารองเช่นลี่ยู่เยียนอย่างคล้ายตบหน้านางอย่างแรงโดยจงใจนัก ลี่ยู่เยียนตัวสั่นไหวขึ้นมาเบาๆ นางน้ำตาคลออยู่ในเบ้าตาและถวายบังคมลาออกไปในทันใด ผู้ชมงิ้วเช่นมู่หลิงซือก็ยังคงชมต่อไป และพบว่ายามชายารองออกไปร่างหนาก็ส่งอนุแสนงามออกไปในมิช้า ร่ำลากันมิมากนัก ยามที่อนุแสนหวานเสด็จออกไปจนหมดสิ้นแล้ว องค์ชายน้อยแสนอ้วนกลมก็วิ่งเข้ามาพร้อมขันทีและองครักษ์ลับที่ปิดหน้าปิดตาไว้แน่นหนาในทันใด และร่างอ้วนๆยังถลากอดรัดร่างบางในชุดแม่ทัพหลวงจนแน่น และถูใบหน้ากับต้นขาของนางไปมาเกาะแกะจนแน่นนัก "มู่ชิน มู่ชินสวมชุดนี้แล้วเหมือนบุรุษแสนสง่าที่สุดเลย โตขึ้นเสี่ยวเซียวก็จะสวมใส่ชุดแบบนี้บ้าง และจะปกป้องมู่ชินเอง มู่ชินมิต้องกลัวผู้ใดแน่ในยามนั้นนะ" ร่างบางมิเอ่ยอันใด แต่มือหนาดึงนางทรุดนั่งลงไปข้างเก้าอี้ และเจ้าอ้วนตัวหนาหนักก็ปีนขึ้นมานั่งทับนางและมีขันทีนำอาหารมาตั้งสำรับพลัน องค์ชายน้อยหันมาหามู่หลิงซือและกอดเบาๆอย่างออดอ้อนนัก "มู่ชิน มู่ชินป้อนข้าวเสี่ยวเซียวนะ จะให้มู่ชินป้อนข้าวทุกๆวันแล้วเสี่ยวเซียวจะเร่งเติบโตนะ" "กระหม่อมรับบัญชาพะยะค่ะองค์ชายน้อย" มู่หลิงซือทำท่าขึงขังนัก ยามที่อาหารมาแล้วนั้น องครักษ์ลับก็นำผู้ทดสอบพิษมาและทดลองทดสอบพิษ ก่อนจะมีองครักษ์ลับมานั่งที่พื้นรับถ้วยและตะเกียบมาทดสอบอาหารทั้งหมดก่อนแล้วจึงได้เริ่มลิ้มรสอาหารกันเสียที มู่หลิงซือส่ายหน้าเบาๆ นางถึงกับขยับไปกระซิบเบาๆกับองค์ไท่จื่อพลันอย่างลืมกาย "องค์ไท่จื่อพะยะค่ะ มิทราบว่าห้องครัวของตำหนักนี้มีหรือไม่พะยะค่ะ พิธีการในการกินอยู่ในวังหลวงยากเช่นนี้ พวกกระหม่อมนั้นเกรงว่าจะอดตายได้ในวันหนึ่ง จึงอยากขอประทานอนุญาตทำอาหารเองบ้างในบางคราพะยะค่ะ" ใบหน้าคมส่องประกายขึ้นมาในทันใดและแย้มรอยยิ้มขึ้นมาส่องสว่างนัก ยิ้มจนมองเห็นเขี้ยวขาวๆอยู่ข้างๆมุมปากช่างน่ารักเสียจริง "เปิ่นไท่จื่อจะให้ขันทีจัดการปรับห้องเครื่องให้เจ้าเสียในตำหนักนี้ เสี่ยวจื่อของเจ้าคงช่วยเจ้าได้มิมากมิน้อยเป็นแน่ ให้นางคอยควบคุมห้องเครื่องนี้ไปก็แล้วกัน เราเป็นบุรุษอย่าไปใส่ใจงานของสตรีที่แสนยากลำบากพวกนั้นเลยนะแม่ทัพมู่ " มู่หลิงซือค้อมกายลงอย่างระมัดระวังและคอยตักอาหารป้อนองค์ชายน้อยอย่างเอาใจ ร่างอ้วนๆขาสั้นๆตัวตันๆ อ้าปากออกอย่างดีใจนัก แก้มยุ้ยๆแดงๆน่าบีบอย่างยิ่งนัก ปากน้อยๆนั้นก็ชื่นชมออกมามิขาดปากดวงตามีประกายขึ้นมา "มู่ชินทุกสิ่งที่มู่ชินป้อนเสี่ยวเซียวนั้น อร่อยไปทุกๆสิ่งเลย เสี่ยวเซียวรักมู่ชิน จะอยู่กับมู่ชินตลอดไป" มู่หลิงซือหน้าเบ้นางคล้ายต้องฝืนยิ้มให้เด็กน้อยๆในทันใด ใบหน้าคมโน้มลงมาบ้างและกระซิบเบาๆพลัน ทำใบหน้ากรุ้มกริ่มขึ้นมา "ป้อนบุตรแล้วมิป้อนบิดาบ้างเชียวหรอกหรือ เช่นนี้บิดาของบุตรย่อมน้อยใจเอาได้นะ...ท่านแม่ทัพมู่..." มู่หลิงซือใบหน้าเบี้ยวคล้ายกำลังขนลุกขนพองขึ้นมาในทันใด นางใบหน้าเบ้และค่อยๆตักอาหารป้อนทั้งสองสลับกันไป และยามที่ทรงเสวยอิ่มแล้วก็ทรงส่งช้อนมาป้อนนางต่อและสั่งคนนำยาของนางเข้ามาพร้อมๆกันกับพุทราเชื่อมสีสวยในทันที ใบหน้ามนๆซีดขาวยามที่มองถ้วยยาขึ้นมาแล้ว นางเบ้ใบหน้าและทำท่าจะร่ำไห้น้ำตาคลอขึ้นมาในทันใด แต่ว่าด้วยเกียรติของแม่ทัพมู่ นางรับยามาจากพระหัตถ์ทั้งที่มือสั่นๆและกลั้นหายใจกลืนยาลงคอไป ก่อนจะทำท่าสำรอกยาออกมาแต่มือหนาก็ยัดพุทราเชื่อมลงในปากของนางไปเสียก่อน และหยิบน้ำชาส่งไปให้นางในต่อไปใบหน้าหวานค่อยมีสีเลือดขึ้นมาพลัน ในยามที่นางเป็นหงเสวี่ยนั้นนางดื่มกินสิ่งใดมิได้ยาก แต่ทว่าในบางเวลาที่นางคล้ายนึกบางสิ่งออกขึ้นมาแล้ว นางมิยอมกลืนยาขม นางถึงกับร่ำไห้งอแงน้ำตาหยาดหยดลงมาอย่างน่ารักนัก เช่นนี้แล้วองค์ไท่จื่อจึงใช้เวลาสอบความเสี่ยวจื่อจนทราบว่านางชื่นชอบสิ่งใด มิชมชอบสิ่งใดอยู่นาน องค์ไท่จื่อนั้นทรงใช้เวลากับการสั่งขันทีมาจดบันทึกและอ่านสิ่งต่างๆที่นางชอบนัก ก่อนจะพบว่าน่าขันอยู่มิน้อยที่นางนั้นชอบอ่านนิยายประโลมโลก นางชื่นชอบไปดูการแข่งขันต่างๆเช่นสตรีที่ดื้อรั้นผู้หนึ่ง แต่ยามที่นางเป็นหงเสวี่ยนางนั้นดูสดใสแต่ทว่ากลับมิดื้อซนนัก อีกทั้งในยามที่ทั้งเมืองหลวงรู้ว่าคุณหนูสกุลมู่นั้นแสนงดงามอ่อนหวาน ใบหน้าหวานปานน้ำผึ้งในฤดูสารท กิริยางดงามไปทุกสิ่ง องค์ไท่จื่อก็คล้ายจะคาดหวังสิ่งเหล่านั้นในใจของพระองค์อยู่ลึกๆ แต่ทว่ายามโบยเสี่ยวจื่อไปหนึ่งครา นางร่ำไห้งอแงออกมาและเร่งคายความลับออกมาจนหมดสิ้นในทันใด ทั้งเรื่องที่ทั้งสองชอบหนีออกไปเที่ยวโรงละคร หนีออกไปเที่ยมชมหอนารี อีกทั้งยังมีลูกน้องที่ถูกนางซ้อมเป็นนักเลงอยู่ในตลาดที่ตรอกซานหวา อีกทั้งนางยังมีเรือมังกรลำใหญ่ที่พระองค์เคยแพ้พนันอยู่ในมือ ทั้งยังมีฝูงม้าเหงื่อโลหิต และนางยังชอบสะสมอาวุธอีกเสียด้วย นางชมชอบขนมเปี้ยะนุ่มของนอกเมืองหลวงที่มีไส้ดอกไม้หอมหวาน นางชอบเสื้อผ้าไหมสีจางแต่ต้องนุ่มลื่นและเย็นสบาย นางชอบนอนด้านในเตียง นางชอบห่มผ้านอนสองชั้น และนางชอบกินซาลาเปาไส้เนื้อห่านกับเป็ดย่างหนังกรอบ ปิ่นปักผมของนางต้องมีปลายปิ่นที่แหลมคม นางชื่นชมหยกสีชมพูและนางชอบรองเท้าปักของร้านชุ่นโหลว ทั้งหมดนี้ล้วนมีความสำคัญนัก เช่นนี้ภารกิจตามใจนางจึงเริ่มต้นขึ้นมาอย่างช้าๆ องค์ไท่จื่อมีกำหนดออกไปตรวจราชการที่นอกเมือง จึงนำองค์ชายน้อยติดตามไปด้วยและแน่นอนว่าในรถม้าย่อมมีท่านแม่ทัพมู่และขันทีติดตามออกไปด้วย ในรถม้ามีสามพ่อแม่ลูกมีขันทีและอาอี่คอยขับรถม้า รอบรถม้ามีม้านำทางห้าตัว หลังรถม้ามีทหารควบม้าตามยี่สิบตัว ภายในรถม้านั้นบรรยากาศดียิ่งนัก ร่างแกร่งนั่งกางขาให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำเพื่ออันใดนั้นหรือ ก็เพื่อหาทางเบียดนางสีกายกับนางกินเต้าหู้นางให้อิ่ม ร่างขององค์ชายน้อยนั้นนั่งอยู่ที่ตรงกันข้ามและนอนเอนกายบนคอกกั้น มิให้กลิ้งตกลงมาในยามบรรทมหรือยามที่ทรงเผลอกาย เช่นนี้มู่หลิงซือจึงถูกเบียดและนั่งจนตัวลีบอยู่ในรถม้า จนนางเมื่อยก้นนัก รถม้าแล่นไปเรื่อยๆจนตกหลุมไปหนึ่งครา ร่างบางกระเด้งขึ้นไปนั่งแผละบนตักกว้างในทันใด องค์ชายน้อยหัวเราะร่าและดึงผ้าม่านมาปิดฝั่งของพระองค์ไปในทันทีและเอ่ยออกมาเบาๆพลัน "มู่ชิน มู่ชินกับฟู่ชินมีลูกปลาน้อยๆได้อีกนะ เสี่ยวเซียวอยากมีตี้ตี" มู่หลิงซือทำตาโตนางทำท่าตื่นตกใจนัก ใบหน้าคมขยับลงมากระซิบเบาๆที่ข้างหูของนางทันใด "คุณชาย...ได้ยินหรือไม่ ลูกของเรานั้นอยากมีน้อง ท่านก็ช่วยเปิ่นไท่จื่อทำน้องให้เสียหน่อยดีหรือไม่เล่า" ร่างบางใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกและทำท่าขนลุกขนพองขึ้นมาในทันใด เร่งลุกออกไปจากตักแกร่งและกระถดกายหนีจนติดผนังรถม้า ดวงตากลมโตตื่นตระหนกและทำท่าแตกตื่นนัก ใบหน้าคมทำหน้าเจ้าเล่ห์นักและขยับใบหน้าเข้าไปชิดและตรึงเรือนผมของนางจนแน่นและบดจุมพิตร้อนลวก บดเคล้าริมฝีปากนุ่ม ชิมความหวานและรัดนางในอกแกร่งจนแน่นในทันที "ฮรื้อ ฮรื้อ อื้อ" ร่างบางดิ้นไปมาอย่างรุนแรงนัก วงแขนแกร่งจึงยิ่งรัดและยิ่งรัด กว่าจะถอดถอนริมฝีปากออกไปได้ ร่างบางก็คล้ายถูกสูบพลังชีวิตออกไปจนหมดสิ้น นางเร่งหอบหายใจเข้าปอดอย่างบ้าคลั่งนัก มือบางเร่งถูปากของตนเองในทันใด ร่างแกร่งเบียดเข้าหาและกระซิบข่มขู่ขึ้นมาในทันใด "ห้ามทำท่ารังเกียจเช่นนั้นต่อหน้าเปิ่นไท่จื่ออีกครา หากเจ้าทำอีกคราเปิ่นไท่จื่อจะลงโทษเจ้า จะกลืนเจ้าเสียให้สิ้นไปเลยคอยดู จงระวังกายตนให้ดีเถิด!!! " "องค์ไท่จื่อ กระหม่อมมิใช่ต้วนซิ่วนะพะยะค่ะ!! " ใบหน้าคมแย้มรอยยิ้มบานขึ้นมาในทันใด และกระซิบเบาๆออกไปในทันที "เปิ่นไท่จื่อก็มิใช่เช่นนั้น เจ้าก็อย่าเอ่ยถึงสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาอีก!!! "
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD