ฤทธิ์พิศวาสร้อนแรงสิ้นสุดลงในเวลาเกือบห้าโมงเช้า พอระดับหายใจกลับเข้าสู่สภาวะปกติ มือน้อยๆ ของพัณณิตาก็ผลักร่างกำยำให้ออกห่าง กัดปากทนความเจ็บร้าวที่แล่นปราดไปทั่วร่างกาย ก่อนจะค่อยๆ วาดขาลง หากปลายเท้ายังไม่ทันได้เหยียบพื้นห้อง แขนเล็กเนียนก็ถูกมือหนาคว้าเอาไว้มั่น
“จะไปไหน” เขาถามแล้วขยับตัวมาใกล้ วาดแขนกำยำโอบรอบเอวเล็กเปลือยเปล่า ก่อนจะแนบแผงอกกว้างเข้ากับแผ่นหลังเนียน คากสากระคายก่ายเกยอยู่ที่ไหล่มนด้านซ้าย ปลายจมูกคมเฉียดอยู่แถวๆ ต้นคอ
“อย่าถามได้ไหม” พัณณิตากัดฟันตอบ พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ “ฉันไม่พร้อมจะตอบอะไรทั้งนั้น”
ว่าจบเธอก็แกะมือที่พาดอยู่บริเวณหน้าท้องนั้นออกห่าง ก่อนจะเดินเปลือยเปล่าตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ หายเข้าไปอยู่ในนั้นยาวนานร่วมชั่วโมง ทำเอาคนที่นั่งรออยู่บนเตียงถึงกับลุกขึ้นมาคว้าผ้าเช็ดตัวพันเอวสอบ เดินไปเดินมาจนสมองพลุ่งพล่านไปหมด ดวงตาสีน้ำตาลไหม้เหลือบมองประตูห้องน้ำทุกๆ ห้านาที จนต้องก้าวเข้าไป หวังจะเคาะรัวกระหน่ำ หากเสียงเคาะประตูห้องนอนก็ดังขัดซะก่อน เจ้าพ่อโรงแรมจึงจำต้องขยับปลายเท้าไปยังประตูห้อง แล้วเปิดออกกว้าง
“มีอะไร” โพล่งถามแล้วถอนหายใจอย่างเซ็งๆ มองหน้าเลขาฯ หนุ่มราวกับอีกฝ่ายไปทำความผิดใหญ่หลวงมา
“เอ่อ...นี่เป็นเสื้อผ้าและของใช้ของคุณลูกแก้วที่เจ้านายสั่งให้ไปจัดการครับ”
“อืม...” ครางรับพลางคว้าถุงกระดาษเจ็ดถุงมาถือไว้ เมื่ออีกฝ่ายค้อมตัวแล้วเตรียมหมุนกายออกห่าง จึงร้องสั่งเบาๆ “แบรด สั่งป้าชมเตรียมอาหารกลางวันมื้ออร่อยไว้ด้วยนะ”
มุมปากของคนพร้อมรับคำสั่งยิ้มบางๆ ขณะที่สายตาก็แอบสำรวจเนื้อตัวคนเป็นนายซึ่งมีเพียงผ้าชิ้นหนาๆ ที่พันเอวไว้ อึดใจเดียวแบรดก็ค่อยๆ เงยหน้าสบตา และด้วยความที่เป็นเจ้านายลูกน้องกันมาหลายปีจึงทำให้ใบหน้าคมๆ ของเจ้าพ่อโรงแรมนั้นอดเห่อร้อนไม่ได้
“มองอะไร” ถามยียวน แล้วบอกเสียงแข็ง “มีอะไรก็ไปทำสิ”
“ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้เจ้านายจะเข้ากรุงเทพฯ ไหมครับ” ลูกน้องผู้ใจกล้าโพล่งถาม ซ่อนอาการรู้ทันไว้ภายใต้เสี้ยวหน้าเฉยชา พร้อมรายงาน “ช่วงเช้าทีมโอดอลล์คงเข้าตรวจสอบที่โรงแรม ผมก็เลย...”
“ทำไมถึงคิดว่าฉันจะไม่ไป” ชายหนุ่มหรี่ตาแคบมองหน้าเขม็ง “ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม อย่าลืมสิ ว่าเรามาที่เมืองไทยเพราะอะไร”
“มาจัดการกับคนโกงครับ และก็...”
“ไปได้แล้วแบรด”
ก่อนที่จะทนกับอาการหน้านิ่งๆ ของลูกน้องหนุ่มไม่ไว้ เจ้าพ่อโรงแรมจึงรีบเอ่ยไล่ และก็ได้เห็นสีหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นล้อเลียนนั้น สุดท้ายแล้วก็ต้องง้างขาเตรียมถีบ แต่แบรด เอ็ดสันก็กระโดดหลบอย่างว่องไว แล้ววิ่งตึงๆ ลงข้างล่าง ปล่อยให้คนเป็นนายยืนส่ายหน้าแรงๆ และเพียงอึดใจเดียวเท่านั้นก็หมุนกายกลับเข้าห้องโดยไม่ลืมปิดประตูพร้อมกดล็อกอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่พ้นเข้ามาในห้องได้ ก็จัดการวางถุงเสื้อผ้าทั้งเจ็ดถุงไว้บนเตียง ก่อนจะก้าวยาวๆ มายืนเคว้งอยู่กลางห้อง ขณะที่ดวงตาก็ยังคงเหลือบแลไปยังบานประตูห้องน้ำซึ่งมันยังคงปิดตาย และด้วยไม่อาจอดรนทนไหวได้อีกต่อไปจึงทำให้ปลายเท้านำพาช่วงขากำยำก้าวตรงไป แล้วเคาะเรียก
“ลูกแก้ว...”
สิ้นเสียงเรียกนั้น ก็ไร้เสียงตอบรับ ชายหนุ่มเจ้าของบ้านจึงร้องถามอย่างห่วงใย
“ลูกแก้ว เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”
ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงกริ๊กเบาๆ ก็ดังแว่วมาเข้าหู ชายหนุ่มจึงถอยห่างเพียงเมตรเศษ แล้วมองร่างเล็กในชุดคลุมอาบน้ำตัวโตของตัวเองซึ่งมันปกปิดได้ตั้งแต่ลำคอผ่องจนถึงข้อเท้าเล็ก
“อาบน้ำนานจัง” เปรยเสียงทุ้ม พลางลอบสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ ก่อนจะคลี่ยิ้มอบอุ่น
“เสื้อผ้าของเธอวางอยู่ที่เตียงนั่นนะ ไม่รู้จะสวยถูกใจไหม เอาไว้อีกสักวันสองวันฉันจะพาเธอไปเลือกซื้อเองดีหรือเปล่า”
พัณณิตาไม่ตอบว่าอะไร นอกจากเดินเลี่ยงคนตัวโต แล้วมุ่งปลายเท้าไปยังเตียงกว้าง จัดการเลือกหยิบเสื้อผ้าที่สามารถปกปิดจุดแดงๆ เล็กๆ ซึ่งเป็นผลจากการที่เธอขัดรอยรักที่เขาฝากเอาไว้จนเป็นแผลถลอก กระทั่งเลือกชุดได้แล้ว หญิงสาวก็คว้าติดมือแล้วเดินเลี่ยงไปบริเวณตู้เสื้อผ้า เปิดประตูตู้ให้กว้างๆ เพื่อบดบังดวงตาคมๆ ที่ชะแง้แลตาม ใช้เวลาเพียงห้านาทีก็แต่งกายเรียบร้อย โชคดีของเธอที่แบรดเลือกซื้อเสื้อคอเต่าแขนยาวรวมๆ มากับชุดเดรสตัวยาวด้วย แต่โชคร้ายที่ไม่มีกางเกงขาสั้นซึ่งเธอชอบใส่ ในถุงกระดาษพวกนี้มีเพียงกระโปรงตัวสั้นเคลียเข่าและยาวกรอมข้อเท้าเท่านั้น
“สวยจัง”
คำชมแว่วหวานหลุดจากปากหยักได้รูปทันทีที่เห็นร่างบางเต็มตา ตอนนี้เจ้าพ่อหนุ่มเดินเร็วๆ ไปคว้าข้อมือเล็กแล้วรั้งให้มานั่งบนขอบเตียง ก่อนจะเอื้อมปลายนิ้วไล้เบาๆ บนกรอบหน้าเล็ก
“โกรธผมหรือ” เขาถามเสียงแตกพร่า “เจ็บมากหรือเปล่า ผม...เอ่อ...ผมขอโทษนะ...”
“ไม่จำเป็นหรอก”
ประโยคแข็งๆ หลุดจากปากอิ่ม มือน้อยๆ ปัดปลายนิ้วหนาให้ออกห่าง
“คุณไม่จำเป็นต้องพูดหรือทำอะไรทั้งนั้น เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นฉันลบมันออกจากความทรงจำไปหมดแล้ว เวลานี้คุณก็เป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับฉันเท่านั้น”
ว่าจบร่างแน่งน้อยก็ลุกพึ่บยืดตัวยืนตรง สูดหายใจเข้าปอดลึก แล้วก้าวเท้าตรงไปที่ประตูห้อง
“ตอนนี้คุณสบายใจได้ ฉันไม่คิดจะหนีไปไหนหรอก เชิญคุณสะใจกับการกระทำตัวเองให้พอเถอะ”
สิ้นเสียงบั่นทอนขั้วหัวใจนั้น ร่างอรชรก็เดินเร็วๆ เปิดประตูออกกว้าง ก่อนจะก้าวออกไปจากห้อง ปล่อยให้คนตัวโตมองตามตาปรอย กระทั่งคนตัวเล็กเดินออกจากห้องไปแล้วร่วมสิบนาที ชายหนุ่มถึงได้ขยับตัว ถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม ก่อนจะยกมือข้างขวานั้นขยี้ศีรษะให้ยุ่งเหยิงมากไปกว่าเดิม หันซ้ายหันขวาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ถึงได้คว้ามาเปิด แล้วกดโทรออกไปยังเบอร์น้องชาย
“เฟียซ” เมื่ออีกฝ่ายกดรับก็รีบทักทายด้วยสุ้มเสียงที่บังคับให้เป็นปกติ
“พี่มีเรื่องอยากถาม”
“ว่ามาสิครับ ตอนนี้ผมว่างมาก พี่ถามมาได้ทุกเรื่อง”
คนอยู่โรงแรมในดูไบว่าพลางเหลือบสายตามองร่างขาวผ่องที่นอนสิ้นฤทธิ์อยู่บนเตียง ส่วนตัวเองนั้นคว้าเบียร์มาเทลงคอ แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างสบายอารมณ์
“เอ่อ...พี่...” ถ้อยคำที่คิดว่าจะพูดออกไปหมายจะปรึกษาวิธีการง้อสาวเป็นอันต้องถูกพับเก็บ แล้วแทนที่ด้วยถ้อยคำใหม่พร้อมกับส่ายหน้าแรงๆ จนหัวสั่นหัวคลอน “ช่างมันเถอะ ไม่มีอะไรหรอก พี่วางสายดีกว่า”
“เอ้า! พี่ เดี๋ยวสิครับ” คนตั้งท่ารอฟังรีบร้องท้วง “พี่มีอะไรก็พูดมาเถอะน่า ทำไมต้องทำเหมือนเกรงใจผมด้วย ปกติพี่ไม่ใช่คนแบบนี้นะ ถามจริงๆ เถอะ พี่ไปทำอะไรที่มันชวนลำบากใจมาใช่ไหม ผมว่าต้องเป็นเรื่องผู้หญิงไทยแน่ๆ”
“รู้ดี”
“ก็ผมมีสายสืบ...เอ่อ...ไม่ใช่แบบนั้น” คนรู้ความเคลื่อนไหวของพี่ชายอยู่ตลอดเวลาเปลี่ยนคำพูดแทบไม่ทัน แต่มันก็คงช้าไปแล้ว เพราะดวงตาสีน้ำตาลไหม้นั้นเบิกกว้าง ลมหายใจฮึดฮัดด้วยความโมโหพ่นออกมา
“นายเฟียซ นายรู้อะไรฮ้า! แบรดเป็นคนบอกนายใช่ไหม”
“โธ่...พี่ ไม่เอาน่า ผมสัญญาก็ได้ว่ามัมกับยัยพีชจะไม่รู้เรื่องนี้” ซะเมื่อไร
“ฉันจะฆ่าไอ้แบรดก่อน แล้วค่อยตามไปฆ่าแกทีหลัง สองคนนี้มันน่านัก!” ว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เลขาฯ ตัวดีกับน้องชายตัวแสบผสมโรงกันแบบนี้ก็ตาม
“พี่ครับ ไม่เอาน่า...ใจเย็นๆ นะครับ” เฟียซพยายามตะล่อม “สงสัยตอนนี้ผู้หญิงที่โชคดีคนนั้นคงกำลังโกรธพี่อยู่ใช่ไหมล่ะ ผมว่าซื้อเครื่องเพชรให้สักชุดสิ แหวน สร้อยคอ หรืออะไรก็ได้ที่สวยๆ งามๆ รับรองเธอจะหายงอนเป็นปลิดทิ้ง คราวนี้แหละจะมีแต่จ๊ะจ๋า ว่านอนสอนง่าย”
“อืม...พี่จะลองทำดู” รับปากไปส่งๆ
“แล้วเธอสวยไหมครับ ส่งรูปมาให้ผมดูหน่อยสิครับ เห็นแบรดบอกว่าสวย แต่ก็ไม่กล้าถ่ายรูป รบกวนพี่ถ่ายให้ผมดูหน่อยสิครับ”
“น้อยๆ หน่อยเจ้าตัวดี! เอาเวลาไปยุ่งกับอีหนูของนายเถอะ แค่นี้นะ”
คนเป็นพี่รีบตัดบทสนทนาก่อนที่น้องชายบังเกิดเกล้าจะโต้ตอบกลับมา จากนั้นก็โยนเครื่องโทรศัพท์สุดหรูให้ไปนอนแอ้งแม้งบนเตียงกว้าง
‘พรุ่งนี้เข้าเมืองกรุงสงสัยคงต้องไปสรรหาเครื่องเพชรสวยๆ มาปลอบขวัญคนแสนงอนสักหน่อยแล้ว’ คิดได้เท่านั้นร่างกำยำก็เดินลิ่วๆ เข้าห้องน้ำด้วยท่าทีสบายอารมณ์