หลังจากเก็บโต๊ะอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย สายสร้อยก็คอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ ไม่ปล่อยให้ร่างบางคลาดสายตาไปไหนได้ หากทว่าก็มีบางเวลาที่เข้าไปพูดคุยเป็นเพื่อน แต่พอถึงช่วงบ่าย เพียงสายสร้อยแอบไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น กลับมาที่สวนหย่อมหน้าบ้านอีกที ดวงตาก็ต้องเบิกกว้าง
คนตื่นตระหนกรีบเดิมแกมวิ่งร้องหาร่างเล็กให้จ้าละหวั่น แต่ไม่ว่าจะตะโกนดังเพียงใด ก็ไร้เสียงตอบรับกลับมาให้ชื่นใจ สายสร้อยเดินอ้อมหารอบบ้าน สุดท้ายแล้วก็ต้องวิ่งปนหอบไปยืนหน้าดำหน้าแดงอยู่หน้าป้าชม
“ป้า! แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้วป้า” ว่าพลางปรี่ไปที่ตู้เย็น คว้าน้ำเปล่าเย็นชื่นใจมาดื่มเกือบครึ่งขวด
“ฉันต้องตายแน่ๆ เลยป้า”
“เป็นอะไรยัยสร้อย โลกจะแตกหรือไงฮึ!”
“ยิ่งกว่าโลกแตกอีก ตายแน่ๆ ก็คุณผู้หญิงของคุณแฟรงค์น่ะสิ หายไปไหนก็ไม่รู้ ไม่น่าเลยฉัน” โพล่งออกมายาวเหยียด พลางยกมือลูบหน้าลูบตาตัวเอง “สร้อยเดินหาจนแทบจะพลิกใต้ดินขึ้นมาดูอยู่แล้ว แต่ก็ยังหาไม่เจอ”
“ตาย!” ป้าชมอุทานพลางยกมือทาบอก
“ตายสิป้า ก่อนเข้ากรุงเทพฯ คุณแฟรงค์สั่งนักสั่งหนาให้เฝ้าดีๆ เผลอไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียวเอง หายไปไหนก็ไม่รู้ ยัยสร้อยอยากตาย”
“ได้ตายกันยกบ้านแน่ เร็วเข้า! รีบไปบอกนายผมทองสองคนที่หลังบ้าน แล้วก็ไปเกณฑ์คนงานให้ออกตามหาคุณผู้หญิงเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นละก็ เตรียมตัวลงนรกกันยกไร่ได้เลย”
“จ้ะๆ ป้า”
สายสร้อยรีบพยักหน้าหงึกๆ แล้ววิ่งออกจากบ้าน ตรงไปหาสองหนุ่มผมทองซึ่งต้องอยู่ที่นี่ตามคำบัญชาของเจ้านายหนุ่ม และเพียงคนทั้งคู่รู้ว่าผู้หญิงของเจ้านายหายไปจากสายตา ก็แทบจะเอาหัวโขกกับต้นไม้ให้รู้แล้วรู้รอด จากนั้นก็รีบระดมพลตามหากันให้ควั่กไปหมด
ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง คนงานชายและหญิงร่วมสิบคนก็วิ่งกลับมาด้วยสีหน้าหงอยๆ ทุกคนพร้อมใจกันส่ายหน้า ป้าแม่บ้านก็เลยหันไปทางหนุ่มผมทองทั้งสองคนที่เพิ่งวิ่งกลับมา
“ว่าไงฮึ! เจอคุณผู้หญิงบ้างไหม”
“ไม่เจอเลยครับ ท้ายไร่ด้านโน้นก็ไม่มี”
หนึ่งหนุ่มตอบเสียงแปร่งๆ และตามด้วยอีกคน
“ทางนั้นก็ไม่มีครับ”
“โอ๊ย! แล้วจะทำยังไงดีเนี่ย”
ป้าชมยกมือทาบครึ่งหน้าของตัวเอง พลางชะเง้อชะแง้คอมองหาหลานสาว และเพียงไม่นานสายสร้อยก็วิ่งหน้าละห้อยมายืนหอบอยู่ตรงหน้า ดวงตาแดงก่ำ ปลายจมูกเห่อร้อน เตรียมจะปล่อยโฮได้ตลอดเวลา
“โธ่...คุณลูกแก้ว ไปหลบอยู่ที่ไหนคะ ออกมาเถอะ ไม่อย่างนั้นสายสร้อยโดนฆ่าหมกไร่แน่” โอดครวญพลางยกมือทั้งสองข้างประกบกัน “เจ้าที่เจ้าทางเจ้าค่ะ ช่วยดลบันดาลให้อะไรก็ตามที่ปิดตายัยสร้อยอยู่จางหายไปให้หมดเถอะนะเจ้าค่ะ แล้วถ้ายัยสร้อยสามารถมองเห็นคุณลูกแก้วได้ ยัยสร้อยจะถวายไก่สักสองตัว อืม...ห้าตัวก็ได้เจ้าค่ะ แถมน้ำแดงอีกสองขวด”
สองหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำข้าวมองอาการของสาววัยยี่สิบตาไม่กะพริบ ก่อนจะหันมามองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วไม่นานเสียงทุ้มของสองหนุ่มก็ดังขึ้นแทบพร้อมเพรียงกัน
“เรื่องนี้เราคงต้องรายงานคุณแฟรงค์ครับ”
“จะดีหรือป้า” น้ำเสียงไม่แน่ใจจากสร้อยดังขึ้น “เราไปหาอีกรอบดีไหม เผื่อจะเจอ”
“ถ้าอย่างนั้นแยกย้ายกันตามหาอีกสักรอบ ถ้าไม่เจอค่อยรายงานคุณแฟรงค์”
ทุกคนพยักหน้าเร็วๆ ก่อนจะรีบแยกย้ายกันไปตามหาพัณณิตา ใช้เวลาร่วมยี่สิบนาทีก็กลับมารวมกันอยู่จุดเดิม และตอนนี้คำตอบจากปากทุกคนก็ยังคงเหมือนเดิม ดังนั้นสองหนุ่มผมทองจึงหันมายิ้มแหยให้กัน ก่อนที่หนึ่งหนุ่มจะล้วงโทรศัพท์ออกมา แล้วส่งให้ป้าชมด้วยรอยยิ้มจืดๆ
“เชิญรายงานเจ้านายครับป้า”
“อ้าว! ทำไมนายสองคนไม่โทรล่ะ”
ป้าชมว่าพลางทำหน้ากระอักกระอ่วน ซึ่งสองหนุ่มก็สั่นศีรษะรัวเร็วจนคอแทบหลุด จากนั้นหนึ่งหนุ่มก็เอ่ยขึ้นเสียงอ่อยๆ
“ผมว่าป้าชมเป็นคนโทรน่าจะดีที่สุดนะครับ เพราะในที่นี้ป้าอาวุโสกว่าใคร” ว่าพลางกดเบอร์ของคนเป็นนาย แล้วยื่นให้ป้าชมอีกครั้ง “เดี๋ยวเจ้านายก็รับ เชิญป้าชมรายงานได้ตามสบายครับ”
แม่บ้านรับโทรศัพท์มาแนบใบหูด้วยมืออันสั่นเทา ก่อนจะเดินเลี่ยงออกห่างจากทุกคนที่ห้อมล้อมไปราวห้าเมตร แล้วจึงค่อยๆ รายงานเจ้านายหนุ่มอย่างช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ และปฏิกิริยาที่ดังก้องลั่นโทรศัพท์ก็ทำให้ป้าชมแทบอยากร้องไห้ เกือบสิบนาทีถึงได้กลับมาหาทุกคนด้วยท่าทีอ่อนระโหยโรยแรง จวนเจียนล้มเค้เก้ไปกับพื้นดิน
“เป็นยังไงบ้างป้า ทำไมหน้าซีดยังกับน้ำแกงจืดแบบนี้ล่ะ” สายสร้อยเอ่ยปาก แล้วรีบเข้าไปประคอง
“คุณแฟรงค์ว่ายังไงบ้างป้า หน้าแบบนี้โดนดุจนหูชาล่ะสิ ฉันขอโทษนะป้า”
“อีกสองชั่วโมงคุณแฟรงค์จะกลับมาถึง” เสียงแหบๆ ของป้าชมดังขึ้น แล้วจึงยื่นโทรศัพท์คืนให้หนุ่มผมทอง
“ตายแน่เลย กลับมาต้องอาละวาดบ้านแตกแน่ๆ ฉันต้องถูกฆ่าทิ้ง...”
สายสร้อยยังโอดครวญไม่ทันจบประโยค ร่างกายของป้าชมก็โงนเงน พานให้สองป้าหลานแทบล้มไปด้วยกันทั้งคู่
“เดี๋ยวฉันพาป้าไปนั่งตรงโน้นก่อนนะ ใจเย็นๆ นะป้า อย่าเพิ่งเป็นอะไร เราต้องหาคุณผู้หญิงเจอก่อนแน่ๆ ป้าอย่าเพิ่งตายนะ”
“ไม่ตายวันนี้ แล้วจะตายวันไหนฮึ!”
แม่บ้านประจำไร่แทบร่ำไห้ ชีวิตวัยแก่ควรจะได้อยู่สุขสบายตามอัตภาพ แต่ที่ไหนได้ จะต้องจบลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
“โอ๊ย! ไปๆ ไปตามหาคุณลูกแก้วกันต่อ หาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอ” สั่งแล้วก็ต้องวานหลานสาวให้ไปหายาดมยาหม่องและน้ำลอยดอกมะลิชื่นใจมาให้ดื่ม ไม่เช่นนั้นคงได้หูอื้อตาลาย แล้วน็อกตายก่อนจะเจอหน้าโหดๆ ของลูกชายเจ้าของไร่เป็นแน่
ไม่นานนัก นาทีที่ทุกคนหวาดกลัวก็มาถึง ลูกน้องในไร่ถอยร่นออกห่างจากบริเวณนั้นไปร่วมสิบเมตร ปล่อยให้ป้าชม สายสร้อย และสองหนุ่มตาน้ำข้าว ยืนทำหน้าละห้อย เพียงรถคันโตจอดสนิท พร้อมร่างสูงทรงพลังก้าวอาดๆ ลงมา ก็เล่นเอาทุกคนอยากกลั้นใจตายไปในทันทีทันใด ไม่ขออยู่รับฟังถ้อยคำเอาเรื่องใดๆ อีก
“เฝ้ากันยังไงฮ้า! ถึงปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ หายไปได้”
แฟรงค์ตะวาดลั่น กรามแกร่งขบกันดังกรอดๆ แล้วตวัดดวงตาถมึงทึงกราดมองราวกับมีดทิ่มแทงเนื้อของทุกคนแล้วสับหั่นเป็นชิ้นๆ
“อยู่กันเป็นโขยง แต่ปล่อยให้ผู้หญิงเพียงคนเดียวหนีหายไปได้ มันน่าฆ่าไปทำปุ๋ยหมักนัก” ต่อว่าคนอื่นๆ แล้วถึงได้หันมาจ้องคนรับคำสั่ง “สร้อย! ฉันสั่งให้เธอเฝ้าคุณลูกแก้วให้ดีๆ แล้วเธอไปทำบ้าอะไรอยู่ฮ้า!”
“คือสร้อย...”
หลานสาวป้าชมยังไม่ทันได้ขยับปากเอ่ยจนจบประโยค มือหนาก็ยกขึ้นแล้วปัดไล่กลายๆ
“ไม่ได้เรื่อง ไปให้พ้นๆ หน้าฉันเดี๋ยวนี้!”
ว่าจบก็หมุนกายหันหลังให้ ก้าวอาดๆ มายืนอยู่ตรงหน้าเลขาฯ หนุ่ม แล้วสั่งการด้วยเสียงกระด้าง
“สั่งคนงานของเราให้ตามหายัยนั่นให้พบ ต่อให้ฟ้าถล่มก็ต้องหาเธอให้พบเข้าใจไหมฮ้า!”
“เข้าใจแล้วครับ”
แบรดก้มหน้ารับคำ แล้วเดินไปตบไหล่กระด้างของลูกสมุนตัวเองให้เดินตาม ก่อนจะแบ่งลูกน้องออกเป็นกลุ่มๆ แล้วสั่งให้ตามหาในจุดที่คิดว่าคนตัวเล็กๆ จะสามารถเข้าไปหลบซ่อนได้โดยไม่ลืมให้อีกส่วนขับรถตระเวนออกไปตามทางเข้าออกของไร่ หลังสั่งการเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินกลับไปหาเจ้านายหนุ่มแล้วถามไถ่ทันที