“กว่าจะกลับมาได้นะแก”
“พ่ออุตส่าห์ใจกว้างรับกาฝากมาเลี้ยงทั้งทีผมก็ต้องมาดูหน่อยสิ”
“ไอ้คินณ์” เสียงกัมปนาทของอธิปดังลั่นแต่ผู้เป็นลูกชายและต้นเหตุของอารมณ์ดังกล่าวไม่แม้จะสะทกสะท้าน อคินณ์ ทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างขณะที่นัยน์ตาคมกริบไล่มองหญิงวัยไล่เลี่ยกันนั่งก้มหน้าอยู่ข้างบิดา
ดวงหน้าของเธอถูกเส้นผมปิดบังไปกว่าครึ่งทำให้อคินณ์ไม่เห็นหน้า แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอคนนี้ก็คงแพศยาไม่ต่างไปจากมารดาของเจ้าหล่อน
“แค่นี้จะโมโหทำไมครับ” เสียงเข้มไม่ยี่หระ
“แก-” วันนี้อธิปตั้งใจเรียกลูกชายกลับบ้านเพื่อแนะนำให้รู้จักกับเหมือนฝัน หลังจากที่เขาตามหาตัวอยู่นานหลายปี แต่ลูกชายตัวดีกลับทำให้เสียบรรยากาศ
“เตรียมอาหารเรียบร้อยแล้วค่ะ”
ไม่ทันที่สองพ่อลูกจะได้ปะทะอารมณ์กันไปมากกว่านี้ แม่บ้านก็เข้ามาขัดเสียก่อน
บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหน้าตาน่ารับประทานและยังส่งกลิ่นหอมชวนให้ลิ้มลอง ทว่าเหมือนฝันไม่กล้าแม้แต่จะหยิบช้อนขึ้นมาด้วยซ้ำ
เพราะบรรยากาศบนโต๊ะอาหารมีเพียงความเงียบชวนให้อึดอัด ไหนจะสายตาดุดันของคนที่นั่งเยื้องกันที่จ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา ทำให้เหมือนฝันกดดันจนแทบหายใจไม่ออก
คนตัวเล็กก้มหน้างุด สองมือบนตักจับกันไว้แน่น ตั้งแต่ที่รู้ว่าวันนี้จะได้เจอกับลูกชายของคุณลุง เหมือนฝันนึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่ต้อนรับเธอและมันก็จริงอย่างที่คิด ดูเหมือนชายหนุ่มจะตั้งแง่รังเกียจเธอทั้งที่เราไม่เคยได้รู้จักหรือคุยกันเลยสักครั้ง
“ทานอาหารเถอะ เรื่องอื่นเดี๋ยวค่อยคุยกัน” เสียงผู้เป็นเจ้าของบ้านดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนทานอาหารเย็นร่วมกัน แต่เหมือนคนเจ้าอารมณ์จะไม่ยอมให้อาหารมื้อนี้ผ่านไปอย่างเรียบง่าย
เคร้ง !
เหมือนฝันสะดุ้งโหยง ตอนที่เธอกำลังจะส่งอาหารเข้าปาก อคินณ์ดันทิ้งช้อนทองเหลืองเนื้อดีลงกับจานกระเบื้องจนเกิดเสียงดังก้องไปทั้งห้องอาหาร
“ทำตัวเป็นครอบครัวสุขสันต์แบบนี้มันน่าคลื่นไส้เป็นบ้า”
“อคินณ์ !”
“ทำไมครับ พอไม่ได้คนแม่เลยจะเคลมเอาคนลูกมาเป็นเมียแทนเหรอ หรืออยากเปิดตัวแต่ไม่จำเป็นหรอก บอกตรง ๆ นะ ผมกินไม่ลงวะ”
“แก !”
“คุณลุงคะ” เหมือนฝันรีบคว้าแขนคนข้างตัว เธอกลัวจะมีการใช้กำลังเพราะแม้อธิปจะอายุเข้าสู่เลขห้าแล้วแต่ร่างกายยังแข็งแรงไม่ต่างไปจากหนุ่ม ๆ
“หึ เอาอกเอาใจกันเก่งจังเลยนะ เพราะอย่างนี้หรือเปล่าพ่อฉันเลยหลงหัวปักหัวปำ”
“ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“ตอแหลเก่งนี่ เข้ามาเกาะกินสมบัติของพ่อฉันคงอร่อยมากสินะ”
เสียงดุดันไม่พูดเปล่า เขาใช้นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มไล่มองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนฝันอยู่ในเสื้อผ้าเนื้อดียี่ห้อดังที่อธิปจัดหาไว้ให้ และยังบอกอีกว่านี่คือของขวัญต้อนรับเข้าสู่บ้านหลังนี้
แม้เธอจะปฏิเสธหัวชนฝาเพราะเกรงใจแต่ชายวัยห้าสิบกลับดื้อด้านกว่าที่คิด และเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจจึงยอมรับเสื้อผ้าและเครื่องประดับไว้อย่างจำยอม
“เสื้อผ้าราคาแพงก็จริงแต่มันปิดสันดานเน่าเฟะไม่ได้หรอกนะ หรือแม่เธอสอนมา”
“นี่คุณ ! มันจะมากเกินไปแล้วนะ” เหมือนฝันที่จ้องมองคนปากเสียอย่างเอาเรื่อง
เธอไม่พอใจตั้งแต่ที่เขาว่าเป็นกาฝากของคุณลุงแล้ว แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้เธอก็ใช้เงินของอธิปจริง ๆ จึงได้แต่เก็บศักดิ์ศรีและยอมให้อีกฝ่ายต่อว่ากันอย่างกล้ำกลืน แต่ที่เขาลามปามถึงแม่สุดที่รักของเธอเหมือนฝันยอมไม่ได้
อีกอย่างเธอก็ไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพื่อทำเรื่องอย่างที่อีกฝ่ายกล่าวหาด้วย
หนึ่งเดือนที่แล้ว…
ขณะที่เหมือนฝันกำลังเดินกลับบ้านหลังจากเลิกงานจากร้านสะดวกซื้อเหมือนอย่างทุกวัน แต่หน้าห้องเช่าเธอกลับมีชายร่างสูงใหญ่ในชุดซูตที่ถูกตัดเย็บอย่างประณีตทุกกระเบียดนิ้วยืนตระหง่านอยู่
“เหมือนกันเสียจริง”
“คุณเป็นใครคะ” ดวงตาดอกท้อมองร่างสูงอย่างหวาดระแวงเพราะกลัวอีกฝ่ายจะทำอันตราย และท่าทางเหมือนแมวขี้ระแวงอย่างนั้นทำให้มุมปากหยักยกยิ้มเพราะมันช่างคล้ายกับตอนที่เขาเจอกับ เดือนดาราเหลือเกิน
“นี่ ถ้าไม่ตอบมาดี ๆ แล้วจะอย่ามาหาว่าฉันไม่เตือนนะ” คนอายุน้อยกว่าควานหาของที่พอจะป้องกันตัวเองได้ แต่ไม่พบสักอย่างจึงคิดว่าการหนีน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ยิ่งเห็นว่าอีกคนเอาแต่มองกันนิ่ง ๆ ร่างเล็กก็หันหลังเตรียมจะวิ่งก่อนที่เสียงทุ้มต่ำจะขัดขึ้นก่อน
“เดือนดารา…”
กึก !
เหมือนฝันชะงักไปครู่หนึ่งเพราะนานแล้วที่เธอไม่ได้ยินชื่อของมารดาที่จากไป
“คุณรู้จัก-”
“รู้จักชื่อแม่เธอได้ยังไงงั้นเหรอ เรื่องมันยาวน่ะ”
“คุณลุงชื่ออะไรคะ”
“อธิป” เหมือนฝันนิ่งค้างเพราะนี่คือชื่อที่เธอได้ยินจากมารดาบ่อย ๆ
“ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”
“เรื่องอะไรหรือคะ” ดวงหน้าสวยผินมองคนตรงข้ามอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันเคยให้สัญญากับแม่หนูไว้ว่าจะดูแลเธอให้ดี แต่ฉันกลับไม่เคยได้ทำอย่างที่ว่าไว้ และในวันที่เดือนมาขอความช่วยเหลือเธอยังฝากฝังให้ฉันดูแลหนูต่อไปด้วย”
“หนูไม่เข้าใจ”
อธิปเล่าเรื่องราววุ่นวายในอดีตให้เหมือนฝันฟังอย่างไม่ปิดบังและมันทำให้หญิงสาวแทบล้มทั้งยืน
“อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้รับผิดชอบกับสิ่งที่ภรรยาฉันทำเถอะนะ”
“ไม่รบกวนหรอกค่ะ หนูสามารถรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้” เหมือนฝันปฏิเสธอย่างนอบน้อม แม้จะได้ยินชื่ออีกฝ่ายจากมารดาแต่เธอไม่ได้รู้จักเขาเสียหน่อย
“หนูไม่อยากเรียนหนังสือเหรอ ไหนจะค่าใช้จ่ายอีกตั้งมาก คิดว่าการที่จะทำงานรับจ้างไปวัน ๆ จะอยู่รอดได้จริงเหรอ”
“...”
“ฉันไม่มีข้อแม้หรือข้อห้ามอะไรทั้งนั้น แต่ให้ฉันได้รับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างน้อยก็เพื่ออนาคตของหนู หรือถ้าไม่สะดวกใจหรือเกรงใจก็คิดเสียว่าเป็นการให้ทุนการศึกษาพอเรียนจบหนูก็ค่อยมาทำงานใช้ทุนที่บริษัทฉันก็ได้” อธิปชักแม่น้ำทั้งห้ามาเพื่อโน้มน้าวคนใจแข็งและมันได้ผล...
“นี่คุณ มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
“อะไรที่ว่าเกินไปล่ะ” นี่เป็นครั้งแรกที่อคินณ์ได้เห็นใบหน้าของคนที่เอาแต่ก้มงุดมาเป็นชั่วโมง
ดวงหน้าเรียวได้รูป แพขนตางอนยาวรับกับดวงตากลมโตและนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม จมูกเรียวที่ปลายรั้นเชิดขึ้นดูดื้อดึงและริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่กำลังเม้มแน่นเพราะคำพูดของเขา
น่ารัก...นี่คือสิ่งแรกที่แวบเข้าหาในความคิดของอคินณ์ก่อนที่เขาจะปัดออกไปอย่างรวดเร็วเพราะแม้หญิงสาวจะไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อคินณ์ที่ควงดารานางแบบมานับไม่ถ้วนนั้น หน้าตาอย่างเหมือนฝันถือว่าธรรมดามาก
“ก็คุณเอาแต่ต่อว่าฉัน”
“นั่นก็เพราะเธอทำตัวเป็นปลิงเข้ามาดูดเลือดพ่อฉันไงล่ะ” คำพูดร้ายกาจถูกพ่นออกจากปากหยักอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจความรู้สึกของคนที่ได้ยิน
“ฉันไม่ได้คิดแบบนั้น”
“แล้วคิดยังไง
“…”
“ถึงพ่อฉันจะหลงมารยาหน้าโง่นั้น แต่ฉันไม่-”
เพียะ !
“คุณอธิป / คุณลุง !”
“ฉันสั่งสอนแกมาอย่างดีทำไมเอาแต่พ่นคำพูดขยะพวกนั้นออกมาอยู่ได้” อธิปพ่นลมหายใจระบายความโกรธหลังจากที่ฟาดมือใส่หน้าลูกชายเต็มแรงเพื่อหวังจะให้อคินณ์หยุดวาจาร้ายกาจ
“สั่งสอน ? พ่อเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า คนที่สั่งสอนผมคือแม่ต่างหาก คนที่พ่อทิ้งเอาไว้ด้านหลังแล้วนอกใจไปเอากับผู้หญิงแพศยาคนนั้น !”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ !”
“มันไม่มากไปหรอกสำหรับสิ่งที่ผมต้องเจอ”